27 ก.ย. 2019 เวลา 11:23 • ประวัติศาสตร์
พลิกฟื้นวิกฤตของ Xiaomi ให้กลับมายื่งใหญ่กว่าเดิม | ตอนจบ
หลังจากที่ Xiaomi กำลังก้าวขึ้นเป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกอย่างสวยงามสวย เเต่ในปี 2016 Xiaomi ก็ต้องเจอกับวิกฤตครั้งใหญ่ เพราะบริษัทดันไปไม่ถึงเป้าหมายทั้งด้านยอดขายเเละจำนวนเครื่องที่ขายได้
อีกทั้งส่วนเเบ่งการตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศจีน ก็ถูกกัดกินไปโดยคู่เเข่งจนต้องตกลงไปอยู่อันดับ 4 ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เคยเป็นแบรนด์ที่คนทั้งประเทศให้ความสนใจมากเป็นอันดับตันๆ
ปัญหาหลักๆของ Xiaomi มาจากการที่จำหน่ายสมาร์ทโฟนในราคาถูกของบริษัทเริ่มไม่กลายเป็นจุดโดดเด่นอีกต่อไป เพราะคู่แข่งก็สามารถทำได้เช่นกัน อีกทั้งความตื่นเต้นของสินค้าจาก Xiaomi ก็ค่อยๆหายไป
เเละที่แย่กว่านั้นคือ ในปี 2016 ลูกค้าเริ่มให้ความสนใจกับสินค้าของคู่แข่งอย่าง Huawei มากกว่า เพราะทาง Huawei ได้ออกสมารท์โฟนกล้องคู่ที่ผลิตร่วมกับ Leica ทำให้ลูกค้าเริ่มหันไปซื้อสมาร์ทโฟนของ Huawei เเทน จนทำให้ยอดขายของ Huawei นั้นถล่มทลายมากที่สุดในปีนั้น
เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ Lei Jun จึงอยู่เฉยไม่ได้เเล้ว เขาจึงวางแผนว่าจะต้องพลิกพื้นกิจการที่ย่ำแย่ให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งให้ได้
Lei Jun เริ่มแก้ปัญหาต่างๆ โดยการกลับมาควบคุมคุณภาพของสินค้า เเละให้ความสำคัญเรื่องการดีไซน์มากขึ้น (เพราะต่อให้คุณภาพดีเเค่ไหนใครๆก็อยากถือสมาร์ทโฟนสวยๆ) สินค้าของ Xiaomi จึงเริ่มมีดีไซน์ที่สวยงาม เเละดูล้ำสมัยมากขึ้น
จนในปี 2017 Xiaomi ก็ได้กลายเป็นเจ้าแรกๆของโลกที่ผลิตสมาร์ทโฟนหน้าจอไร้ขอบออกมา นั่นจึงทำให้บางรุ่นของ Xiaomi มีดีไซน์ที่ดีกว่าแบรนด์ใหญ่ด้วยซ้ำ แต่ยังคงเอกลักษณ์ที่เห็นแล้วแยกออกจากยี่ห้ออื่นๆ ได้อย่างชัดเจน ซึ่งการพัฒนาในเรื่องของดีไซน์นั้นทำให้ Xiaomi ได้ใจลูกค้ามากๆ
อีกหนึ่งเอกลักษณ์ของ Xiaomi ที่หาตัวจับยากในประเทศจีนก็คือเรื่องของการพัฒนานวัตกรรม ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งที่โดดเด่นที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะ Xiaomi ได้เปิดตัวชิปสมาร์ทโฟนที่ออกแบบด้วยตัวเอง ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่บริษัทใดจะคิดคันชิปในโทรศัพท์มือถือขึ้นมาได้ เพราะส่วนใหญ่แล้วจะเป็นแบรนด์ยักษ์ใหญ่เท่านั้น
เมื่อ Lei Jun สามารถสร้างรากฐานของ Xiaomi จนเเข็งเเกร่ง เขาก็ไม่คิดที่จะอยู่แค่ในจีนอย่างเดียวอีกเเล้ว เพราะเป้าหมายต่อไปคือการออกนอกตลาดจีนไปยังประเทศอื่นๆ และดูเหมือนว่า Xiaomi จะทำได้ดีกว่าเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ด้วยซ้ำ
เพราะจากที่คาดการณ์ว่าปี 2017 จะเป็นปีที่บริษัทต้องพลิกพื้นธุรกิจกลับมา กลับกลายเป็นว่าปี 2017 คือปีที่ Xiaomi เติบโตได้อย่างยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่มีมา Lei Jun ใช้เวลาเพียงแค่ 10 เดือน ก็สามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าหมายที่วางเอาคือ 1 แสนล้านหยวน หรือ ประมาณ 5 แสนล้านบาท ทั้งๆที่ความจริงแล้วตัวเลขนี้คือเป้าหมายที่บ้าเอามากๆ
การบุกออกนอกตลาตจีนไปยังประเทศอื่นๆ เริ่มที่จะเห็นผลมากยิ่งขึ้น เพราะ Xiaomi สามารถเอาชนะคู่แข่งยักษ์ใหญ่อย่าง Samsung จากเกาหลีในตลาดอินเดียจนขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ทั้งๆที่ Samsung เข้ามาในตลาดอินเตียก่อน เเถมยังเป็นยักษ์ใหญ่ที่มีงบการตลาดมหาศาลกว่าหลายเท่า
สาเหตุหนึ่งที่ Xiaomi เติบโตในตลาดประเทศอินเดียมากๆ ก็เพราะว่าตลาด E-commerce ในประเทศอินเดียกำลังเติบโต ลูกค้าหันมาจับจ่ายซื้อสินคำผ่านอินทอร์เน็ตกันมากยิ่งขึ้น มันจึงเข้าทางของ Xiaomi มากๆ เพราะอย่างที่รู้กันว่า Xiaomi นั้นเป็นผู้เล่นที่เก่งมากในตลาด E- commerce อยู่แล้ว นั่นจึงทำให้ยอดขายออนไลน์ ”เฉพาะสมาร์ทโฟน” ในอินเดียเป็นของ Xiaomi มากกว่า 50%
และด้วยจำนวนประชากรที่มหาศาลของอินเดีย จึงส่งผลให้ Xiaomi กลายเป็นแบรนด์ที่มียอดขายเป็นอันดับต้นๆ ของโลกไปแล้ว เพราะถ้ามีบริษัทไหนที่สามารถประสบความสำเร็จในตลาดใหญ่อย่างจีนกับอินเดียได้ มันก็เท่ากับว่าชนะไปเกือบครึ่งโลกแล้ว
เเละเป้าหมายต่อไปของ Xiaomi ก็คือการขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ของสมาร์ทโฟนในประเทศจีนให้ได้ ซึ่งเบอร์ 1 ในตลาดจีนปัจจุบันคือ Huawei รุ่นพี่จากแดนมังกร ซึ่งมียอดขายสมาร์ทโฟนที่ดีมากๆไม่แพ้กันเลย
ถ้าหาก Xiaomi สามารถล้มรุ่นพี่อย่าง Huawei ขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ของสมาร์ทโฟนในตลาดประเทศจีนได้ เชื่อเหลือเกินว่าเป้าหมายต่อไปของ Xiaomi คงหนีไม่พ้นการขึ้นไปท้าทายผู้นำของโลกอย่าง Samsung และ Apple
แต่อย่างไรก็ตาม ทั้ง Huawei และ Xiaomi ก็ทำให้เห็นแล้วว่าแบรนด์สินค้าจากจีนในยุคปัจจุบันไม่ธรรมดาและพร้อมบุกตลาดโลกแล้วเหมือนกัน
หากถูกใจบทความนี้ ก็อย่าลืมกดไลค์ กดเเชร์ เเละกดติดตามเพจ "สมองไหล" กันด้วยนะครับ จะได้ไม่พลาดบทความดีๆ ที่มีมาเสริฟให้คุณทุกวัน
ขอบคุณครับ 🙏

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา