4 ต.ค. 2019 เวลา 09:30 • การศึกษา
กลยุทธ์คุณตัน รวยแล้วถอย..เขาเรียกว่ารวยจริง!
ภาพจากเฟสบุ๊ค คุณตัน ภาสกรนที
ผมเขียนถึงคุณตันอยู่บ่อยๆ เพราะชอบแนวคิดของคุณตัน (ชื่อตันแต่ไม่เคยตัน) อดีต CEO ของโออิชิ กิจการที่สร้างมาจากศูนย์ เเต่กลายเป็นเงินหมื่นล้านได้
หลายคนอาจคิดว่ากิจการโออิชินั้นใหญ่โตมาจากร้านอาหารญี่ปุ่น แต่ผมบอกได้เลยว่า "ไม่ใช่" จุด Tipping Point ของคุณตันคือ "ชาเขียว"
ภาพจาก www.sermsukplc.com
ผมยังจำเมื่อสมัยที่โออิชิเพิ่งเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นแบบบุฟเฟต์เมื่อหลายปีก่อนได้ ตอนนั้นผมกับเพื่อนไปกันแถวๆสาขาสีลม ช่วงนั้นร้านยังไม่ใหญ่โต ผมก็เลยสงสัยว่าทำไมร้านอาหารเล็กๆแบบนี้ ถึงได้ทำชาเขียวใส่ขวดแล้วเอามาแจกให้ลูกค้ากลับบ้านฟรีๆ(ทำเพื่ออะไรฟระ?!) ตอนนั้นผมยังคิดอยู่เลยว่าชาเขียวกดดื่มเอาในร้านก็พอเเล้ว ไม่ต้องทำจะประหยัดค่าขวดกว่ามั้ย ร้านใครฟระเนี่ย ช่างไม่ฉลาดเอาซะเลย! (แต่จริงๆ คนไม่ฉลาดคือผมต่างหาก)
หลังจากนั้นไม่นาน ผมก็เห็นคุณตันเอาชาเขียวโออิชิไปลุยตลาดจตุจักร ขายขวดละ 20 บาท สรุปกลายเป็นว่า "มันโดน!" ขายดีสุดๆ จากนั้นโออิชิก็เริ่ม Mass จนกลายเป็นผู้ครองตลาดชาเขียวเกือบทั้งตลาด (ตอนนั้นผู้นำตลาดชาอย่าง ลิปตัน นั่งมึน "คุณตันมาจากไหนฟระ?!")
ความเซียนจริงๆ ของคุณตันผมว่าเป็นเรื่องของมุมมอง(Vision) หลายคนอาจจะคิดว่าคุณตันเก่งมาตั้งแต่กำเนิด แต่ไม่ใช่เลย ถ้าใครเคยอ่านพ็อกเก็ตบุ๊ก "ชีวิตนี้ไม่มีทางตัน" จะรุ้เลยว่าความเก่งของคุณตันไม่ใช่ได้มาแต่เกิด แต่เก่งเพราะพลาดมาเยอะ ไม่ยอมท้อ ลุกขึ้นอีกครั้ง และอีกครั้ง
Key Success Factor ของคุณตันสามารถสรุปเป็น Strategy สั้นๆได้ว่า "คุณต้องสู้และจำกัดความล้มเหลวให้เล็กที่สุด เพื่อที่คุณจะลุกขึ้นได้ใหม่ได้เสมอ"
วันนี้ผมเข้าใจสิ่งที่คุณตันพูดแล้วว่า "ยิ่งล้มเหลว ก็ยิ่งเก่ง" มันเป็นเรื่องจริง!
ทุกธุรกิจในโลกล้วนมีไซเคิล แต่ละอุตสาหกรรมก็มีไซเคิลที่ต่างกัน และคนฉลาดก็คือคนที่ลงทุนตอนขาลง แล้วเก็บเกี่ยวตอนขาขึ้น ขณะที่คนทั่วไปทำตรงข้าม
หลายคนอาจเถียงผมว่าการลงทุนตอนขาลงนะมันยาก "ใครจะให้คุณกู้ละ?" ต่างจากขาขึ้นที่เงินจะสะพัด
ก็นี่แหละครับโจทย์ที่คุณต้องคิดเเละเตรียมการ เพราะทุกธุรกิจมีขาขึ้น(แต่คนฉลาดเท่านั้นที่จะเตรียมตัวและเตรียมเงินเพื่อธุรกิจตอนขาลง) ปกติขาขึ้น กิจการต่างๆจะขยายอย่างบ้าเลือด เช่น ซื้อที่ดิน ซื้อตึก ขยายโรงงาน กู้เพิ่ม สรุปพอลงทุนเสร็จ ธุรกิจขาลง จากที่เป็น "Business Man of the Year" ก็กลายร่างเป็น "The Worst Decision Ever Made by a Success CEO" (ฮากลิ้งครับ)
กลับมาที่คุณตัน จะเห็นว่าคุณตันเข้าใจไซเคิลของธุรกิจเป็นอย่างดี เขาผันตัวมาเป็นนักลงทุนเพราะหลังจากผ่านประสบการณ์มาโชกโชน เขาคงรู้ว่า "ที่สุดแห่งระบบทุนนิยมคือนักลงทุน" เพราะเจ้าของกิจการต้องวิ่งขึ้นวิ่งลงไปกับธุรกิจ แต่นักลงทุนที่ฉลาด เขาสามารถสวนไซเคิลของธุรกิจนั้นๆ และสร้างผลกำไรได้อย่างมหาศาล ในขณะที่เจ้าธุรกิจเหงื่อแตก!
สรุปว่า "นักธุรกิจทำนาบนหลังคน แต่นักลงทุนทำนาบนหลังนักธุรกิจอีกทีนึง" นี่แหละเทพ! (ผมถึงแนะนำให้ลูกจ้างที่โดนกดขี่ให้ผันตัวมาเริ่มศึกษาการลงทุน ไม่งั้นคุณก็ยังตกเป็นเบี้ยล่างตลอดกาล และนี่คือหลักทุนนิยม(ลงทุนให้น้อย กำไรให้เยอะ!) ถ้าใครเข้าใจก็นั่งอยู่บนจุดที่เป็นต่อเสมอ)
ย้ำอีกทีว่า "คุณต้องสู้และจำกัดความล้มเหลวให้เล็กที่สุด เพื่อที่คุณจะลุกขึ้นได้ใหม่ได้เสมอ"
แกะเพิ่ม
การเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จกับนักลงทุน จริงๆแล้วไม่ต่างกัน เกมนี้คนส่วนใหญ่คิดว่าทุกครั้งที่รบต้องชนะ แต่หารู้ไม่ว่าไม่ใช่เลย! หลักความสำเร็จคือ "ห้ามตาย!"
พูดง่ายๆคือ "จำกัดความเสี่ยง" เพราะการรบมีแพ้มีชนะอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเวลาเเพ้ห้ามตาย นั่นคือเราจำกัดความเสี่ยงเอาไว้ แล้วเมื่อแผลหายค่อยกลับมาสู้ใหม่
พอกลับมาใหม่จะเก่งขึ้น นั่นแหละ ผู้ที่จะสำเร็จครับ!
ขอขอบคุณหนังสือ แกะรอยหยักสมอง1: รู้แล้วรวย
ด้านล่างคือที่อยู่ของบล็อคผม คุณสามารถเข้าไปอ่านบทความได้ต่อเนื่อง ขอให้สนุกและหวังว่าคุณรับได้ประโยชน์ครับ
โฆษณา