Mass Luxury ตลาดที่กำไรที่สุด
หลายคนคิดว่าการที่เราจะชนะในเกมธุรกิจนั้นมันอยู่ "Strategy" แต่ผมว่ามันไม่ใช่เลย มันเริ่มตั้งแต่ "การเลือกลูกค้า" ต่างหาก
ภาพจาก pixabay
ยกตัวอย่างบริษัทรถอย่างเบนซ์ หลายคนคิดว่าบริษัทนี้จับคนรวย แต่ผิดถนัด! แท้จริงแล้วเบนซ์จับกลุ่ม "คนอยากรวย"ต่างหาก ส่วนบริษัทที่จับคนรวยจริงๆ ก็คือเฟอรารี่หรือโรลส์รอยซ์
จะเห็นว่าบริษัทที่จับ "คนรวยจริงๆ" ยอดขายแต่ละปีไม่กี่คันเองถึงแม้จะคันละหลายสิบล้าน แต่กลับขายได้น้อยแบบนับคันได้ ต่างกับเบนซ์ ที่เฉพาะเมืองไทยก็ปีละหลายพันคันแล้ว
ประเด็นนี้เป็นหัวข้อที่ถูกหยิบขึ้นมาโดยหนังสือชื่อ Trading Up : The New American Luxury ของ Michael Silverstein และ Neil Fiske มองว่าสินค้าอย่างเบนซ์คือ "ความหรูหราแบบใหม่" หรือ Mass Luxury และเป็นตลาดที่กำไรมากที่สุด เพราะกลุ่มคน "อยากรวย" นั้นมีมากมาย (ต่างกับกลุ่มคนรวยจริงๆ ที่มีน้อย และถ้าเขารวยจริงๆ เขาก็ไม่รู้จะซื้อเบนซ์มาทำไม)
กลุ่ม "อยากรวย" ถูกผนวกเข้ากับค่านิยม "การสร้างหนี้" หรือพูดอีกอย่างก็คือ "รสนิยมสูง รายได้ต่ำ" แรงไปป่าวเนี่ย ไม่ได้ด่านะ! แต่ผมพยายามจะชี้ให้เห็นภาพ
ปัจจุบันการจับ Mass Luxury นั้นไม่ได้มีแค่ตลาด "ของหรู" อย่าง รถยนต์ แฟชั่น กระเป๋า นาฬิกา เท่านั้น แต่มันได้ลามไปสู่ทุกภาคของธุรกิจ ตั้งแต่กระดาษชำระยันอาหารสุนัข สังเกตง่ายๆ ก็คือ สินค้าพวกนี้จะราคาเเพงมากเมื่อเทียบกับสินค้าปกติ มันเป็นอะไรที่ดูไฮโซมาก หากคุณเลือกเเบรนด์นี้ เช่น กระดาษชำระปกติ 5 บาท แต่ยี่ห้อนี้ 30 บาท ซึ่งผมว่าตั้งราคาเเพงกว่าเบนซ์อีก หากเทียบสินค้าในหมวดเดียวกัน
แม้แต่ธุรกิจบริการอย่างร้านอาหารหรือร้านกาแฟ อย่าง Starbucks กาแฟแพงสุดขั้ว กินกาแฟกระป๋องแค่ 10 บาท แต่ Starbucks ขาย 130 บาท เรียกว่า Make up ไม่รู้กี่เท่า (แต่คนก็ยังแย่งกันซื้อ)
นี่แหละครับที่ผมบอกว่า การเลือกตลาดที่ถูกต้อง มันมีโอกาสสำเร็จสูงตั้งแต่เริ่มต้น Starbucksบอกว่า แม้แต่คนขับแท็กซี่ก็สามารถสัมผัสกับความหรูหรานี้ได้ (แจ๋วไหมละ?)
แม้กระทั่งในตอนที่บ้านเมืองวิกฤต ตลาด Mass Luxury ก็แทบไม่กระทบเลย เพราะคน "อยากรวย" ก็ยังคงอยากรวยอยู่ เพราะคนกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่ใช้จ่ายและก่อหนี้สูง เป็น White Collar ที่มีบัตรไม่รู้กี่ใบ มักจะทำงานเป็นลูกจ้างบริษัทใหญ่ๆ จึงแทบไม่ต้องกังวลเรื่องเงินที่ "รูดก่อน จ่ายที่หลัง" สบายจะตาย ถอยรถในฝันออกมาขับ แต่ผ่อนจ่ายเท่า Vios อยู่อย่างหรู ทุกอย่างผ่อนหมด เรียกว่าทำงานทั้งชีวิต เพื่อผ่อนจ่ายไลฟ์สไตล์ แต่ท้ายที่สุดไม่มีเงินเก็บ
มันจึงเป็น "กับดัก" ของคนอยากไฮโซ แต่คือ "โอกาส" ของผู้ประกอบการอย่างแท้จริง
แกะเพิ่ม
เรื่องนี้ซับซ้อน อย่างที่บอกว่า "คนที่ตั้งเป้าหมายเป็นเงินมักไปไม่ถึง เพราะเขาอยากรวย"
คนที่อยู่ใน "Category" "อยากรวย" มันมีสินค้าและบริการมากมายรอให้คุณเป็นหนี้อยู่เยอะเลย สรุปก็เลยติดหนี้หัวบาน
อย่างแรกเลยของการจะเป็นคนรวยจริงๆ ก็คือ หนึ่ง มีรายได้มากกว่ารายจ่าย ผมสำรวจตัวเอง เห็นเลยว่า คนส่วนใหญ่มีความหวังว่าจะมีรายได้ แต่ไอ้รายจ่ายมันมีไปล่วงหน้ามากแล้ว สรุปว่าติดลบตลอดเวลา ฮึ่ม! แล้วจะรวยได้ไง พวกนี้แค่จิตก็ไม่นิ่งแล้ว จะทำอะไรก็ไม่แน่น กล้าๆ กลัวๆ เหมือนต้นไม้ที่ไม่มีรากแก้ว
ดังนั้นคุณต้องมีรายได้มากกว่ารายจ่าย อย่างสม่ำเสมอ จากนั้นจึงจะก้าวไปสู่สเต็ปต่อไป
ขอขอบคุณหนังสือ แกะรอยหยักสมอง1: รู้แล้วรวย
ด้านล่างคือที่อยู่ของบล็อคผม คุณสามารถเข้าไปอ่านบทความได้ต่อเนื่อง ขอให้สนุกและหวังว่าคุณรับได้ประโยชน์ครับ
- 1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
