11 ต.ค. 2019 เวลา 16:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
อุบัติการณ์นิวเคลียร์โลกไม่เคยรู้ (เคสที่ 3)
หดหู่กว่าดู Joker ก็คงจะเป็นเคสนี้
เมื่อผู้ไม่รู้ตกเป็นเหยื่อ . . . ต้องอยู่กับมัจจุราชโดยไม่รู้ตัวนานกว่า 16 วัน 😔😢
หากคนอายุ 30 ขึ้นไปน่าจะจำกันได้กับข่าวสะเทือนขวัญในปี 2543 เมื่อคนเก็บขยะไปเก็บส่วนหัวของเครื่องฉายรังสีโคบอลต์-60 มาขาย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ภายใน 2 เดือน
กรณีนี้คล้ายกันมาก หากแต่เกิดขึ้นที่ประเทศบราซิล
1
คลีนิคร้างในเมืองกัวเนีย จุดกำเนิดของโศกนาฎกรรม, Cr: todayinhistory.blog
เคสที่ 3: The Goiânia Accident
ในปี 1980 สถาบัน Goiano de Radioterapia (IGR) คลีนิคเอกชนที่ให้บริการรักษามะเร็งด้วยรังสีแพทย์ มีแผนย้ายไปที่ทำการใหม่
ปล่อยให้คลีนิคเก่าที่เมือง กัวเนีย ประเทศบราซิลทิ้งร้างรอการรื้อถอน
หัวฉายรังสีของเครื่องฉายรังสี, Cr: IAEA report on The Goiânia Accident
ซึ่งในนั้นยังคงมีเครื่องฉายรังสีที่มีแกนปล่อยรังสีซึ่งบรรจุ ซีเซียม-137 อยู่ภายในกระบอกบรรจุทำจากสแตนเลสและตะกั่ว นอนสงบนิ่ง
4
ส่วนประกอบภายในซึ่งมีกระบอกบรรจุเกลือซีเซียมคลอไรด์ สารกัมมันตรังสีแหล่งกำเนิดรังสีที่ใช้ในการรักษา, Cr: IAEA report on The Goiânia Accident
เนื่องจากข้อพิพาททางกฎหมายอุปกรณ์นี้จึงถูกศาลสั่งห้ามเคลื่อนย้ายจนกว่าจะมีการตัดสินเป็นที่สิ้นสุด และให้มียามเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง
แต่แล้วในคืนวันที่ 13 กันยายน 1987 สองหัวขโมย Roberto dos Santos Alves และ Wagner Mota Pereira ได้แอบเข้าไปในคลีนิคระหว่างยามหลับและงัดเอาสิ่งของที่คิดว่ามีมูลค่าขนใส่รถเข็นไปไว้ที่บ้านของนายอัลเวส (Alves)
แกนบรรจุสารกัมมันตรังสีที่ทั้งคู่ขนกลับบ้าน Cr: KDS444/Wikimedia Commons
ด้วยความไม่รู้ทั้งคู่ได้ขนเอาแกนบรรจุเกลือซีเซียมคลอไรด์ที่เป็นแหล่งปล่อยรังสีกลับบ้าน
ระหว่างที่พยายามแงะแกนบรรจุซีเซียมทั้งคู่เริ่มมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง ซึ่งเป็นอาการจากพิษทางรังสีแบบเฉียบพลัน แต่ทั้งคู่ยังคิดว่าเกิดจากอาหารที่กินเข้าไป
1
ในที่สุดพวกเขาก็แกะจนเห็นสิ่งที่บรรจุอยู่ภายในซึ่งเป็นเม็ดเกลือเรืองแสงสีน้ำเงินอร่ามตา อันเกิดจากปรากฎการณ์แผ่รังสีเชเรนคอฟ (Cherenkov radiation)
Cherenkov radiation การเรืองแสงสีฟ้าจากการที่อนุภาคมีประจุวิ่งด้วยความเร็วมากกว่าแสงในตัวกลางเช่นน้ำ, Cr: Argonne National Laboratory/Wikimedia Commons
วันรุ่งขึ้นอัลเวสเริ่มสังเกตุเห็นแผลรอยไหม้ที่มือตัวเอง ซึ่งสุดท้ายเป็นผลให้ต้องตัดแขนขวาทิ้ง ส่วนเปอเรร่า (Pereira) ต้องตัดนิ้วทิ้งหลายนิ้ว แต่ทั้งคู่ก็ยังรักษาชีวิตไว้ได้
หลังจากนั้นพวกเขาก็นำมันไปขายให้กับ Devair Alves Ferreira เจ้าของร้านรับซื้อของเก่าในย่านนั้น
แผลรอยไหม้จากรังสี, Cr: H/T ResearchGate.net
เฟอเรร่าเห็นว่าแสงสีฟ้าจากกระบอกบรรจุดูสวยแลดูขลังมีพลังลึกลับ เลยเอากลับบ้านไปให้คนที่บ้านได้ชื่นชมด้วย ด้วยความไม่รู้เขาได้พาเอามัจจุราชกลับบ้าน
เขาเชื้อเชิญเพื่อนบ้านและพี่ชายของเขามาดูเกลือเรืองแสง ซึ่งพื่ชายของเขาก็ได้ขอเอากลับไปฝากลูกสาวอายุ 6 ขวบ
หนูน้อยชอบมันมากเอามาถูแขนแล้วนั่งดูแขนตัวเองเรืองแสงสีฟ้าอร่ามตาเอา ทั้งยังเอาไปนั่งกินข้าวด้วย (โอยย ไม่อยากจะนึกภาพตาม) 😣
ไม่นานนักภรรยาของเฟอเรร่าก็เริ่มป่วย และเป็นคนแรกที่สังเกตว่าผู้คนแถวนั้นล้มป่วยกันเป็นทิวแถว ซึ่งก็สายเสียแล้วเพราะลูกสาวของพี่ชายเฟอเรร่าได้เสียชีวิตเป็นรายแรก
กว่าทางการจะรู้เรื่องและประกาศภาวะฉุกเฉินทางรังสีก็ปาเข้าไปวันที่ 29 กันยายน เกลือซีเซียมคลอไรด์ได้แพร่กระจายไปทั่วชุมชน
เส้นทางมรณะของเหตุการณ์, Cr: IAEA report on The Goiânia Accident
อุบัติการณ์ครั้งนี้ถูกจัดให้มีความรุนแรงระดับ 5 ตามมาตรวัด International Nuclear and Radiological Event Scale (INRE)
1
มีประชาชน 250 คนได้รับการปนเปื้อนรังสีต้องเข้ารับการรักษา 129 คนในนั้นได้รับสารกัมมันตรังสีเข้าสู่ร่างกาย มีผู้เสียชีวิต 4 รายได้แก่ หนูน้อยลูกสาวพี่ชายเฟอเรร่า ภรรยาของเฟอเรร่าและลูกจ้างในร้านอีก 2 ราย
พื้นที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ Cr: IAEA report on The Goiânia Accident
เหตุการณ์ครั้งนี้ได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชน ผู้คนเรือนแสนแห่แหนไปโรงพยาบาลขอตรวจร่างกาย
เจ้าหน้าที่ต้องเข้าเคลียร์พื้นที่กำจัดวัตถุปนเปื้อนรังสี หน้าดินปริมาณหลายตันถูกลอกเก็บใส่ถังนำไปกำจัด บ้านเรือนหลายหลังต้องถูกรื้อถอน
Cr: IAEA report on The Goiânia Accident
รัฐบาลบราซิลได้สั่งให้ IGR จ่ายค่าปรับเป็นเงิน 100,000 รีล (ประมาณ 700,000 บาท) สองหัวขโมยต้นเรื่องไม่ได้โดนปรับอะไร ก็เแค่แขนด้วนนิ้วด้วนกันไป
เฮ้อออ โศกนาฎกรรมจากความไม่รู้โดยแท้ เหมือนโคบอล-60 บ้านเรา 😢
หากใครสนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากรายงานของ IAEA ได้
โฆษณา