23 ต.ค. 2019 เวลา 09:21 • ปรัชญา
บทที่13.สร้างบ้านให้กลายเป็นธนาคารน้ำใจ
เคยเจอปัญหานี้มั๊ย..ในช่วงเวลาที่เงินในกระเป๋ามันเหลือน้อยนิด ประจวบเหมาะกับเวลาต้องกลับบ้านต่างจังหวัดไปเยี่ยมพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่...แล้วจะต้องซื้อของฝากติดไม้ติดมือไปด้วย
1
ผมมีเทคนิคบ้านๆ ที่ทำให้สามารถแก้ปัญหานี้แบบหายขาด
แต่ถ้าจะทำตามเทคนิคของผม คงต้องมีที่ดินเหลือสักงานครึ่งงาน ข้างๆบ้านเป็นทุนเดิมไว้ก่อน
ตอนปลูกสร้างบ้านผมก็กู้เงินธนาคารมาก่อน งบประมาณไม่เหลือทำรั้วดีๆ จึงกั้นรั้วลวดหนาม ผสมกับปลูกมะขามกับชะอมตามแนวรั้ว ผมกับแม่ยายเป็นคนชอบปลูกต้นไม้ หลังสร้างบ้านเสร็จเราก็หาต้นไม้มาปลูกในที่ดินส่วนที่เหลือของบ้าน เผื่อไว้กินเองโดยไม่ต้องซื้อหา และไม่มีของแถมเป็นยาฆ่าแมลง
พืชผักที่ปลูกก็มีหลายอย่าง ไม้ผลก็มีมะพร้าวน้ำหอม ลำใย น้อยหน่า มะนาว หม่อน กล้วย ส่วนผักก็มีกะเพรา โหระพา พริก กุยช่าย ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ผักไชยา ผักชีฝรั่ง และยังมีหน่อไม้อีก1กอหลังบ้าน ใครๆมาเที่ยวที่บ้านก็มีทั่งสองมุมคือบ้านรกไปหมด และอีกมุมคือร่มรื่นเป็นที่สุด
หลังจากปลูกมา 3 ปี บ้านผมก็เต็มไปด้วยพืชผักผลไม้ที่ให้ใบ ให้ดอกและให้ผล หลายอย่างวนเวียนเกิดและงอกงามเองโดยไม่ต้องปลูกซ้ำ เช่นพริก กะเพรา โหระพา กุยช่าย ผักชีฝรั่ง ส่วนไม้ผลก็เริ่มได้กินผลสมใจ หน่อไม้ก็ออกหน่อจนกินไม่ทัน
ที่ดีกว่านั้นก็คือ เวลาผมไปบ้านแม่ หรือไปเยี่ยมญาติ พืชผักเหล่านี้กลายเป็นของติดไม้ติดมือโดยไม่ต้องซื้อหา มะพร้าวน้ำหอม มะนาว กล้วย พริก ผักชีฝรั่ง ผักไชยา กลายเป็นของฝาก ยิ่งหน่อไม้กอเดียวนี่แจกเพื่อนบ้านกินกันแทบทุกสัปดาห์ รั้วมะขามก็มีเพื่อนบ้านมาเก็บยอดไปทำกับข้าวเป็นประจำ บ้านผมกลายเป็นธนาคารน้ำใจโดยไม่ต้องจ่ายเงินสักบาท บ้านจึงเป็นที่แห่งความสุข
ความสุขในการได้อยู่กับธรรมชาติ
ความสุขที่ได้กินอาหารปลอดภัย
ความสุขที่ได้แบ่งปันน้ำใจแบบไม่มีวันหมด
ทุกๆปัญหา จะมีทางออกอยู่รอบๆตัวเรานะครับ อยู่ที่เราจะมองเห็นมันหรือเปล่า..ปัญหาเรื่องอื่นๆก็เหมือนกัน
โฆษณา