10 พ.ย. 2019 เวลา 11:02 • ไลฟ์สไตล์
ฝึกพิมพ์สัมผัสกับหน้าจอที่เปิดไม่ได้
พบกับตอนใหม่ของซีรีส์ "การเดินทางย้อนเวลา" กันต่อครับ
ภาพถ่ายโดย Pixabay จาก Pexels
ใช่ครับ อ่านไม่ผิด ผมฝึกพิมพ์สัมผัสมาแบบนั้น อีกหลายปีต่อมาผมถึงมีโอกาสใช้คอมพิวเตอร์ครั้งแรก ตอนนั้นผมอายุประมาณ 26 แล้ว เทีบบกับเด็กสมัยนี้ที่พ่อแม่ใช้ Tablet เลี้ยงลูกกันตั้งแต่อายุยังน้อย
ย้อนกลับไปตอนที่ผมตัดสินใจเรียนต่อระดับปริญญาตรี หลังจากเข้าทำงานในโรงงานเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งไปแล้วหลายปี
ตลอดหลายปีนั้นผมเห็นหัวหน้าส่วนงานที่เพิ่งจบการศึกษาระดับปริญญาตรีใหม่ๆ มาเริ่มงานในระดับบังคับบัญชามากหน้าหลายตา งานช่างแตกต่างกับผมซึ่งจบ ปวช.ช่างยนต์เหลือเกิน ผมต้องเดินในสายการผลิตเกือบทั้งวัน ผมเป็น Inspector คอยตรวจสอบคุณภาพในแผนกแปรรูปโลหะ
และตลอดหลายปีนั้นผมยังทำหน้าที่ในตำแหน่งเดิม นั่นเป็นอีกเหตุผลนึงที่ผมตัดสินใจเรียนต่อ นอกจากเรื่องที่ใช้ชีวิตเที่ยวเตร่ไปวันวัน โดยไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา ผมอยากทำงานเป็นหัวหน้าบ้าง
ผมจำได้ว่าวันที่ไปกรอกใบสมัครงาน หลังจากที่โรงงานได้รับจดหมายสมัครงานของผมและโทรไปที่ Apartment ตามมากรอกใบสมัครงานและสัมภาษณ์ในวันเดียวกัน มีข้อนึงให้กรอกว่าพิมพ์ดีดไทยและอังกฤษได้อย่างละกี่คำต่อนาที ตอนนั้นผมขีดว่างไว้ เพราะว่าพิมพ์ดีดไม่เป็น
ภาพถ่ายโดย Cytonn Photography จาก Pexels
หลังจากผมเริ่มศึกษาไปด้วยทำงานไปด้วยประมาณ 2 ปี ผมต้องเตรียมตัวให้พร้อมหลังเรียนจบ เพราะผมต้องหางานใหม่ และผมต้องกรอกใบสมัครงาน และคาดว่าจะต้องมีคำถามเรื่องพิมพ์ดีดแน่นอน
1
พื้นที่ของแผนกควบคุมคุณภาพ ตั้งอยู่บริเวณหนึ่งของฝ่ายผลิต ใกล้ๆกันนั้นจะมีคอมพิวเตอร์ของฝ่ายผลิตวางอยู่เครื่องหนึ่งเป็นคอมพิวเตอร์สมัยก่อน ที่ลงโปรแกรมอะไรก็ไม่รู้ แสดงผลเป็นตัวสีเขียวบนพื้นสีดำ
ปกติเห็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นไว้สำหรับเปิดเช้ค Stock on hand หรือตรวจสอบ Usage per Unit ที่กำหนดไว้ใน BOM หรือ Bill of Materials นั่นเอง
ช่วงเวลากลางวันลืมไปได้เลยครับ ไม่มีใครกล้าแตะนอกจากเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ เพราะผู้จัดการฝ่ายผลิตนั้นโหดมาก เอาคนออกไปแล้วหลายคนเรื่องผิดระเบียบ ไม่มีคนรักแกเลย ว่าง่ายๆคือมีแต่คนเกลียด
ผมมาเปลี่ยนความคิดเป็นเคารพท่านก็อีกหลายปีต่อมา หลังๆผมช่วยฝ่ายผลิตเรื่อง Kaizen ณ เครื่อง Spot ที่แกมายืนด่าลูกน้องบ่อยๆเพราะงานเสียเยอะ ด้วยความคิดของผมที่เสนอ ทำให้ลดระยะเวลา Set up และลดของเสียได้เยอะ แกก็พูดคุยกับผมบ่อยขึ้น
ก่อนผมลาออกแกถามผมว่า "คุณเกลียดผมมั๊ยที่ผมโหดกับลูกน้อง" ผมก็พยักหน้ายิ้มๆ แกบอกว่า "ด้วยบทบาทที่ต้องแสดงออกตามตำแหน่งและหน้าที่ บางครั้งเราต้องทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำ" ผมยังจำคำสอนของท่านมาจนถึงทุกวันนี้
1
ในชีวิตการทำงาน ผมเคยร่วมงานกับคนเก่งๆมากมาย ส่วนมากจะเริ่มจากการไม่ชอบขี้หน้าก่อน แต่เมื่อมีโอกาสใกล้ชิด พูดคุย ผมจะค่อยๆทราบว่าเนื้อแท้ของแต่ละคน ก็เหมือนกับเราๆท่านๆ มีเลือดเนื้อ มีความรู้สึกไม่ต่างกัน ผมมักจะจดจำเรื่องดีๆของแต่ละคนไว้หนึ่งเรื่องเสมอ เพื่อใช้เป็นแบบอย่างในการทำงาน
กลับมาเรื่องคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นกันต่อ
ผมกับเพื่อนต้องสลับกันเข้ากะ และโอกาสที่ผมจะได้แตะเจ้าคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นคือกะกลางคืนเท่านั้น
ผมมีโอกาสได้แค่สัมผัสเท่านั้น เพราะถึงแม้ผู้จัดการไม่อยู่ แต่ก็ยังมีระดับหัวหน้าอยู่ และที่สำคัญคือมันห้ามเปิดตอนกลางคืน สงวนไว้ให้กับผู้รับผิดชอบเท่านั้นซึ่งเจ้าหน้าที่ก็จะเตรียมงานให้กะกลางคืนในเวลากลางวันเรียบร้อยแล้ว
แรกๆผมก็ไปนั่งกดๆที่แป้นคีย์บอร์ด ใช้จิ้มเอาทีละนิ้วเหมือนร้อยเวรในสถานีตำรวจที่พิมพ์เอกสารด้วยเครื่องพิมพ์ดีดแบบเก่า
ภาพถ่ายโดย Dzenina Lukac จาก Pexels
ต่อมาผมเริ่มหาข้อมูลในร้านหนังสือเกี่ยวกับการฝึกพิมพ์ดีด และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ผมรู้จักการพิมพ์สัมผัส ก็ยืนอ่านเอาครับ จำมาแค่แถวแรกก่อนคือ
ฟ ห ก ด ่ า ส ว
หลังจากนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่ผมเข้ากะกลางคืน ผมจะฝึกพิมพ์ตามที่จำมา พิมพ์บนคีย์บอร์ดไปเรื่อยๆ ทั้งๆที่ไม่ได้เปิดเครื่อง ผมไม่รู้ว่าพิมพ์ผิดหรือถูกเพราะไม่มีหน้าจอให้ดู ผมกดแป้นพิมพ์ซ้ำแล้วซ้ำอีก ครั้งแล้วครั้งเล่า โดยนั่งดูนิ้วที่ผมกดแทนว่ากดตรงตัวอักษรนั้นมั้ย ใช้นิ้วถูกมั้ย
thaiemb.com
แรกๆที่ผิดบ่อยเลยคือตำแหน่งของนิ้วชี้ทั้งสองข้าง บางทีก็เลื่อนไปซ้ายบ้างขวาบ้าง ผิดแถวก็ยังเคย
มีอยู่ครั้งหนึ่งผมมารอต่อกะตอนเกือบ 20:00 น ผมก็นั่งฝึกพิมพ์ไปตามประสา ผู้จัดการสายโหดที่ว่าเดินมาหยุดอยู่ข้างหลังผม แล้วถามผมว่า
"ทำอะไรเหรอ"
ผมสะดุ้งสุดตัว เพราะจำเสียงแกได้ ตอบไปว่า "ผมฝึกพิมพ์ดีดอยู่ครับ"
แกก็ถามว่า "พิมพ์ยังไงไม่มีหน้าจอ"
ผมก็ตอบไปว่า "ก็ฝึกพิมพ์ไปอย่างนั้นล่ะครับ"
"แล้วนี่อยู่กะไหนล่ะ" แกถามต่อ
"ผมรอเข้ากะกลางคืนครับ"
ผมก็ตอบไปตามความจริง แกก็ไม่พูดอะไร แล้วก็เดินจากไป ถ้าตอนนั้นเป็นเวลาที่เข้างานแล้วผมซวยแน่
ฝึกบ่อยๆเข้าก็เริ่มพิมพ์แถวแรกคล่อง ต่อมาก็เริ่มฝึกแถวอื่น และเริ่มฝึกกด Shift เพื่อฝึกตัวอักษรบนในปุ่มเดียวกัน
ผมก็จำเวลาที่ฝึกไม่ได้ซะแล้ว แต่ก็นานเหมือนกัน มารู้ตัวอีกที ผมสามารถพิมพ์ตามข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ที่ฉีกมาได้โดยแทบไม่ต้องมองแป้นพิมพ์ด้วยซ้ำ จะมีบ้างก็พวกอักษรที่ไม่ค่อยได้ใช้ ต้องเพ่งมองหาอยู่บ้าง
พอผมเริ่มพิมพ์ภาษาไทยคล่อง ผมก็ฝึกภาษาอังกฤษต่อทันที และการพิมพ์ภาษาอังกฤษหลังจากที่ผมฝึกนิ้วจนคล่องแล้ว มันง่ายกว่าภาษาไทยเยอะมาก เพราะไม่ต้องกด Shift เพื่อยกแป้นพิมพ์
ภาพถ่ายโดย Olenka Sergienko จาก Pexels
และด้วยการฝึกซ้ำแล้วซ้ำอีก ไปเรื่อยๆตามวิธีที่ผมเล่าให้ฟัง ทำให้เมื่อผมได้มีโอกาสแตะเครื่องคอมพิวเตอร์แบบเปิดหน้าจอ ผมสามารถพิมพ์ได้อย่างคล่องแคล่ว ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยใช้เวลาปรับตัว กับการพิมพ์โดยมีหน้าจอแสดงผลให้ดูเป็นเวลาไม่นานนักก็เริ่มคุ้นเคย
ถ้าจำได้ยุคนั้นมีห้องแชทเรียกว่า Pirch มั้ง ทำให้การพิมพ์สัมผัสคล่องขึ้นอีกมาก ผมเข้าไปใช้คอมฯในร้านอินเตอร์เนทให้เช่าแถวหน้ารามฯ อีกโปรแกรมนึงที่ฮิตมากคือ ICQ 555 ใครจำได้ก็บอกได้เลยครับ เราไม่ห่างกัน
Dek-d
Dek-d
"โอ๊ะโอ"
อย่าลืมอ่านตอนอื่นๆได้ที่
1
สวัสดีครับทุกคน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา