Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
T
The life of monk
•
ติดตาม
7 ม.ค. 2020 เวลา 23:00 • ประวัติศาสตร์
ชีวิตพระ
ตอนที่ ๓๙ สงครามระหว่างรัฐ
พระเจ้าปเสนทิได้ยกพระกนิษฐาคือพระนางเวเทหิ ให้กับพระเจ้าพิมพิสาร ดังที่ได้กล่าวมาแล้วในตอนที่ ๑๙ นอกจากนี้ยังยกดินแดนหมู่บ้านที่ชื่อ “กาสิก” ให้อีก เพื่อให้ส่วยที่เก็บได้จากหมู่บ้านกาสิกนั้นเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับเครื่องอาบน้ำชำระล้างร่างกายพระกนิษฐาของพระองค์
เมื่อพระเจ้าอชาตศัตรูปลงพระชนม์พระบิดาคือพระเจ้าพิมพิสาร พระนางเวเทหิก็กลับไปบ้านเมืองตัวเองและตรอมพระทัยสวรรคตที่นั่น พระเจ้าปเสนทิ จึงดำริจะเอาหมู่บ้าน “กาสิก” คืน จึงกรีฑาทัพเข้ารบ
ฝ่ายพระเจ้าอชาตศัตรู ก็ต้องเร่งเกณฑ์ชายฉกรรจ์ไปเป็นทหารเสริมกองทัพ แล้วนำออกรบรบปกป้องดินแดนด้วยพระองค์เอง การรบพุ่งกันระหว่างแคว้นทั้งสอง หรือ ลุง กับ หลาน จึงเกิดขึ้น
การรบในช่วงต้น ลุง แพ้ หลาน พระเจ้าปเสนทิรู้สึกอับอายมาก ที่รบแพ้หลานตัวเอง จึงประชุมปรึกษากับเหล่าเสนาอำมาตย์ บรรดาเหล่าเสนาอำมาตย์ ก็ถวายคำแนะนำว่า
“นายทหารฝีมือระดับเทพของพระองค์ไปบวชเป็นพระภิกษุอยู่ที่วัดเชตวัน (หมายเหตุ...) อดีตนายทหารเหล่านั้นแม้จะบวชเป็นพระแล้ว แต่ความคุ้นเคยเรื่องการศึกสงครามยังมีอยู่ ยังไงๆ ก็คงอดที่จะคุยเรื่องยุทธวิธีการรบไม่ได้ เราส่งคนไปสอดแนมแอบฟังว่าท่านคุยกันยังไง แล้วเอาเรื่องนั้นมาเป็นยุทธวิธีในการรบของเรา พระเจ้าข้า” (ว่ากันแบบสำนวนผู้เขียนนะ)
(หมายเหตุ วัดเชตวัน คือ ศูนย์กลางการเผยแผ่ของกรุงสาวัตถี ซึ่งเป็นเมืองหลวงของแคว้นโกศล ส่วนวัดเวฬุวัน คือ ศูนย์กลางการเผยแผ่ของนครราชคฤห์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของแคว้นมคธ)
พระเจ้าปเสนทิเห็นด้วย จึงส่งคนไปสอดแนม แอบฟัง อดีตนายทหารเหล่านั้นที่วัดเชตวัน
เจ้าหน้าที่สอดแนมทำตามรับสั่ง กำหนดเป้าหมายแล้ว ก็ตรงไปที่กุฏิที่อยู่ของพระอดีตนายทหารเหล่านั้น แอบซ่อนอยู่ใกล้ๆ ตลอดทั้งคืน จนย่ำรุ่งก็เห็นพระสองรูปตื่นขึ้นมาก่อไฟ แล้วสนทนากัน
รูปหนึ่งชื่อ “ธนุคคหติสสะ” อีกรูปหนึ่งชื่อ “มันตทัตตะ”
“พระราชาปเสนทิ ช่างโง่เสียจริง รู้แต่เรื่องเสวยพระกระยาหาร ๑ ถาดเท่านั้น” พระธนุคคหติสะ พูดขึ้นก่อน
“เรื่องอะไรหรือขอรับ” พระมันตทัตตะ ถาม
“ก็พระราชารบแพ้หลานตัวเองน่ะสิ อชาตศัตรูก็เปรียบเหมือนตัวหนอนในท้องของพระราชาเท่านั้นแหละ ยังไม่มีปัญญารบชนะ”
“แล้วต้องทำอย่างไรล่ะขอรับ”
มาถึงตอนนี้ ผู้สอดแนมฟังหูผึ่งเลย .... คอยฟังว่าพระธนุคคติสสะ จะว่ายังไงต่อ จากนี้ไปเป็นสำนวนในอรรถกถานะ ...
“ธรรมดาว่าการรบมี ๓ ขบวน คือ สกฏพยุหะ จักกพยุหะและปทุมพยุหะ ในขบวนรบทั้ง ๓ นั้น ต้องตั้งขบวนสกฏพยุหะจึงจะจับได้ แล้วแถลงต่อไปว่า ช่องเขาตรงโน้นๆ เหมาะที่จะวางพลไว้ ๒ ข้าง (ล่อให้ตีเข้ามา) พอรู้ว่าเข้ามาภายในแล้ว ก็โห่ร้องก้องสนั่นล้อมไว้ กระทำให้อยู่ในกำมือแล้วก็จับเอา เหมือนจับปลาที่เข้าไซแล้วฉะนั้น”
เจ้าหน้าที่สอดแนม จดจำบทสนทนานี้อย่างแม่นยำ ก็ไปรายงานพระเจ้าปเสนทิ แต่ถ้อยคำที่พระด่าพระราชานั้นผู้เขียนคิดว่าเขาไม่น่าจะเล่าให้พระราชาฟังนะ ...
พระเจ้าปเสนทิ ใช้ขบวนรบ “สกฏพยุหะ” (หมายเหตุ...) ตามคำบอกของพระอดีตนายทหารรูปนั้น จนได้รับชัยชนะจับพระเจ้าอชาตศัตรูได้ แล้วจองจำด้วยโซ่ตรวนเป็นการสั่งสอนสัก ๒-๓ วัน แล้วก็เรียกมาสั่งสอน
(หมายเหตุ สกฏพยุหะ แปลว่า “ขบวนรบแบบเกวียน” น่าจะเป็นการปะทะกันแบบซึ่งๆ หน้า แล้วทำทีเป็นแพ้ ค่อยๆ ถอย เข้ามา หากท่านใดมีความรู้ที่ลึกซึ้งกว่านี้ ก็บอกได้นะ)
สั่งสอนเสร็จ ก็ปล่อยตัวไป แล้วยังแถมยกราชธิดาองค์หนึ่ง กับข้าราชบริพารอีกจำนวนหนึ่ง ให้อีก เพราะยังไงๆ ก็เป็นหลานของพระองค์ หากฆ่าหลานก็ไม่ใช่ว่าคนที่หลานฆ่า หรือตายเพราะหลาน จะฟื้นคืนชีวิตขึ้นมา รักษาสายสัมพันธ์กันไว้ดีกว่า
ส่วนเรื่องดินแดนหมู่บ้านที่ชื่อว่า “กาสิก” พระเจ้าปเสนทิเอาคืน หรือยกให้หลาน มิอาจทราบได้ เพราะไม่ได้มีบันทึกไว้
การตัดสินพระทัยของพระราชาปเสนทิในครั้งนี้ นับว่าถูกต้องเป็นอย่างมาก เพราะจากนี้ไปอีกไม่นานพระราชาปเสนทิ ก็จะถูกพระราชโอรสของพระองค์เองทำปฏิวัติรัฐประหาร จนต้องซมซานมาขอความช่วยเหลือจากหลานอชาตศัตรู แต่ไม่ทันที่จะได้รับความช่วยเหลือก็สวรรคตเสียก่อน แต่ถึงอย่างนั้นการมาขอความช่วยเหลือก็ไม่ได้สูญเปล่า เพราะเมื่อพระเจ้าอชาตศัตรูทราบ ก็ทรงจัดงานพระศพให้อย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติ ซึ่งเรื่องนี้จะขอเล่ารายละเอียดอีกทีในภายหลัง
เรื่องพระเจ้าปเสนทิ รบ ชนะ พระเจ้าอชาตศัตรู ด้วยอุบายของพระธนุคคติสสะ เป็นที่กล่าวขานกันไปทั้งกรุงสาวัตถี (ต้นข่าวก็น่าจะมาจากในวังนั่นแหละ) จนเป็น Talk of The Town โดยเฉพาะในวัดเชตวัน และในโรงธรรม
ในช่วงที่พระเทวทัตป่วยติดเตียง และ ช่วงแห่งการศึกสงคราม นี้ พระพุทธองค์เสด็จจากวัดเวฬุวันในนครราชคฤห์ มาอยู่ที่ วัดเชตวันในกรุงสาวัตถีแล้ว ซึ่งก็เป็นปกติของพระพุทธเจ้าจะให้โอวาทพระภิกษุในช่วงค่ำ (ประมาณ ๖ โมงเย็น) ที่โรงธรรม บรรดาเหล่าพระภิกษุก็จะมารวมตัวกันก่อน ขณะรอพระพุทธองค์เสด็จก็จะสนทนากันเรื่องราวต่างๆ นาๆ สารพัด จนกว่าพระพุทธองค์จะเสด็จมา จึงค่อยเงียบกริบ
ครั้งนี้ก็เช่นกัน บรรดาพระภิกษุคุยกันเรื่องพระเจ้าปเสนทิรบชนะพระเจ้าอชาตศัตรู เพราะอุบายของพระธนุคคติสสะ จนพระพุทธองค์เสด็จมา ก็ตรัสถามว่า
“พวกเธอ สนทนากันเรื่องอะไร”
เมื่อตัวแทนพระภิกษุตอบ พระพุทธองค์ก็ตรัสว่า
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น ถึงในครั้งก่อน ธนุคคหติสสะ ก็เป็นผู้ฉลาดในการจัดขบวนรบ เหมือนกัน”
จากนั้น เหตุการณ์ก็เป็นเหมือนกับที่กล่าวไว้ในตอนที่ ๓๖ ก่อนที่พระองค์จะ “กระทำเหตุ อันระหว่างภพปกปิดไว้ให้ปรากฎ” ดังต่อไปนี้ ... จบตอนที่ ๓๙
บันทึก
31
8
12
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ชีวิตพระ ภาค ๑ ตอนที่ ๑ - ๕๐
31
8
12
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย