13 ก.พ. 2020 เวลา 23:26 • ข่าว
อัพเดตข่าวสารในตะวันออกกลาง 14/02/2563
1. เรือรบสหรัฐฯ ยึดอาวุธต้องสงสัย คาดเป็นของอิหร่าน
เรือรบของอเมริกาได้จับอาวุธซึ่งคาดว่า ผลิตและออกแบบ โดยอิหร่าน ซึ่งเป็นขีปนาวุธต่อต้านรถถัง "Dehlavieh" 150 ชุด ชิ้นส่วนของอาวุธอื่น ๆ ที่ยึดได้เป็นการออกแบบและผลิตโดยอิหร่าน นอกจากนั้นยังมีมีขีปนาวุธทางภาคพื้นดินและอากาศอีก 3 ชุด
ข้อมูลรายงานว่าอาวุธที่ยึดได้ในครั้งนี้ "เหมือนกัน" กับสิ่งที่ถูกยึดโดยเรือรบสหรัฐอีกลำ เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว
เมื่อปีที่แล้วได้มีการยึดชิ้นส่วนขีปนาวุธขั้นสูง ที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับอิหร่านจากเรือต้องสงสัยในทะเลอาหรับ ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เรือรบกองสหรัฐฯ เคยได้ทำการสกัดกั้นและยึดอาวุธของอิหร่าน ซึ่งมีแนวโน้มจะนำไปสนับสนุนกลุ่มนักรบ Houthi ในเยเมน
การตรวจยึดเป็นไปใต้ข้อตกลงของ สหประชาชาติ (UN) ว่าด้วย อิหร่านไม่สามารถจัดหา ขาย และส่งอาวุธภายนอกประเทศ เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
Dehlavieh
2. เกิดเหตุมิสไซต์ยิงจู่โจมฐานทัพของอิรักในตอนเหนือ ซึ่งเป็นกองกำลังของสหรัฐฯ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บล้มตาย
มีจรวดจู่โจมฐานทางตอนเหนือของอิรักซึ่งเป็นที่อยู่ของกองทัพสหรัฐ เมื่อวันที่ 13/02/2563 แต่ไม่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บล้มตาย แหล่งข่าวความมั่นคงของอิรักกล่าว
ฐานทัพนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อ K1 ซึ่งเป็นที่เดียวกับที่พลเรือนสหรัฐฯถูกสังหารในเดือนธันวาคมปี 2562 ด้วยการโจมตีคล้าย ๆ กัน
การสังหารในเดือนธันวาคมตามมาด้วยการตอบโต้จากสหรัฐโดยการสังหารอาสาสมัครกว่า 24 คน จากการโจมตีสถานฑูตอเมริกา ต่อด้วยการสังหาร Qassem Soleimani ผู้บัญชาการกองกำลัง Quds Force คนสำคัญของอิหร่าน ซึ่งทำให้พื้นที่ในภูมิภาคเข้าใกล้ความขัดแย้งเต็มรูปแบบ
อาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์ครบรอบ 40 วันในการตายของ Qassem Soleimani โดยมีการจัดพิธีกรรมขึ้นที่กรุงแบกแดด
3. อิหร่านออกมาประกาศว่าพร้อมโจมตีทั้งสหรัฐฯและอิสลาเอลหากพวกเขาทำผิดพลาดในแผนการสันติภาพแม้แต่เพียงนิดเดียว
"การสังหาร Soleimani จะนำไปสู่การปลดปล่อยกรุงเยรูซาเล็ม" โฆษกของคณะปฏิวัติในอิหร่านกล่าว"
"การลอบสังหารผู้บัญชาการ Soleimani และ Abu Mahdi al-Muhandis (ผู้บัญชาการกลุ่ม กาตาอิบ เฮสบอลเลาะห์ หรือ KH) โดยชาวอเมริกันที่ขี้ขลาดและความขี้ขลาดนี้จะนำไปสู่การปลดปล่อยเยรูซาเล็มโดยพระคุณของพระเจ้า” Ramezan Sharif กล่าว
ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน Ayatollah Ali Khamenei กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าอิหร่านจะสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และจะกระตุ้นให้ชาวปาเลสไตน์เผชิญหน้ากับแผนการเพื่อสันติภาพของทรัมป์
4. สภาคองเกรสโหวตผ่านทรัมป์โดนลดอำนาจทางการทหาร !
วุฒิสภาสหรัฐโหวตผ่านกฎหมายด้วยคะแนนเสียง 55-45 ในวันพฤหัสบดีที่เพื่อ ลดอำนาจของประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ในการทำสงครามกับอิหร่าน
ฝ่ายตรงข้ามที่ไม่เห็นด้วยกล่าวว่า "เราจำเป็นต้องแสดงออกถึงความมั่นคงไม่ใช่จุดอ่อน” Jim Risch ประธานพรรครีพับลิกันของคณะกรรมการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกล่าว
วุฒิสมาชิก Tim Kaine ผู้สนับสนุนการแก้ปัญหากล่าวว่า "การลงคะแนนแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจใช้อำนาจของกองกำลังทหาร"
"เรากำลังฟังคนในเขตเลือกตั้งของเราและเรากำลังบอกทรัมป์ว่าการเข้าสู่สงครามอีกครั้งนั้นเป็นความคิดที่ไม่ดีแน่ ๆ" Kaine กล่าวเพิ่มเติม
ผู้สนับสนุนตั้งข้อสังเกตว่าพวกเขาได้รับการสนับสนุนมากขึ้นสำหรับความพยายามของพวกเขาที่จะคืนอำนาจของรัฐสภาในการประกาศสงคราม รัฐธรรมนูญให้อำนาจแก่รัฐสภาไม่ใช่ประธานาธิบดี แต่ประธานาธิบดีจากทั้งสองฝ่ายในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมาได้ขยายอำนาจของทำเนียบขาวเพื่อดำเนินการทางทหารโดยไม่ต้องมีสมาชิกสภานิติบัญญัติ
5. สหรัฐออกมาปฎิเสธที่จะให้ข้อมูลกับองค์กรสหประชาชาติเกี่ยวกับการดำเนินงานของบริษัทที่อยู่ในการควบคุมของอิสราเอล
Mike Pompeo รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า "อิเมริกาต่อต้านการสร้างหรือเผยแพร่ฐานข้อมูลนี้มานานแล้ว การแผยแพร้ข้อมูลพวกนี้เป็นเพียงการยืนยันความอคติต่ออิสราเอลที่แพร่หลายในสหประชาชาติ ความพยายามที่จะแบ่งแยกอิสราเอล สวนทางกับความพยายามทั้งหมดของเราใน การสร้างข้อตกลงที่เอื้อต่อการเจรจาของอิสราเอล - ปาเลสไตน์ที่นำไปสู่สันติภาพที่ครอบคลุมและยั่งยืน"
ด้านคณะรัฐมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติออกมาให้ข้อมูลในวันพุธว่า "มีบริษัท 112 แห่งซึ่งมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับการตั้งถิ่นฐานของชาวยิวในเวสต์แบงก์"
โฆษกของ Michelle Bachelet หัวหน้าด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติกล่าวว่า รายงานดังกล่าวไม่ได้เป็นการขึ้น "บัญชีดำ" และไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อยืนยันว่าการดำเนินการทางธุรกิจใด ๆ ของบริษัททั้ง 112 แห่งผิดกฎหมาย
อย่างไรก็ตามการเผยแพร่ดังกล่าวทำให้ชาวปาเลสไตน์ขู่ว่าจะดำเนินคดีทางกฎหมายกับบริษัทเหล่านั้น และทำให้เกิดความกังวลว่า บริษัทเหล่านั้นอาจตกเป็นเป้าในการคว่ำบาตรหรือการเทขายหุ้นเพื่อกดดันอิสราเอลในการตั้งถิ่นฐาน
Ben Cardin และ Rob Portman คณะกรรมการด้านการเงินและคณะกรรมการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของสหรัฐกล่าวว่า "ฐานข้อมูลที่ต่อต้านอิสราเอล" ซึ่งคล้ายกับ "การขึ้นบัญชีดำบริษัท" ซึ่งจะทำให้บริษัทส่วนใหญ่ และโรงงานต่าง ๆ รวมถึง Airbnb อ่อนแอและเสี่ยงต่อการโดนคว่ำบาตร
Cardin กล่าวต่อว่า "สภาสิทธิมนุษยชนควรมุ่งเน้นเพื่อส่งเสริมทั้งอิสราเอลและปาเลสไตน์ให้กลับไปเจรจาต่อรองโดยสุจริต สหรัฐฯไม่สามารถยืนหยัดได้ในขณะที่ธุรกิจของเราถูกกดดันจากหน่วยงานต่างประเทศเนื่องจากการทำงานกับอิสราเอลซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรหลักของเรา”
สหรัฐฯ ยืนหยัดในฐานะหนึ่งในพันธมิตรที่แข็งแกร่งที่สุดของอิสราเอลมาเป็นเวลาหลายปี และประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์หัวหน้าของ Pompeo ได้เปิดเผยแผนสันติภาพตะวันออกกลางเมื่อเดือนที่แล้ว โดยนายกรัฐมนตรีอิสราเอลได้ให้การยกย่องว่าเป็นเส้นทางสู่สันติภาพที่ยั่งยืน แต่ทางประธานาธิบดีปาเลสไตน์กลับประณามแผนการนี้ว่าเป็นของขวัญสำหรับอิสราเอล ซึ่งจะนำไปสู่ความรุนแรง
6.ซาอุดิอาละเบียออกมาประกาศว่าจะไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ กับอิสราเอลและประเทศที่หนุนหลังปาเลสไตน์
รัฐมนตรีต่างประเทศของซาอุดิอาระเบียออกมาปฏิเสธรายงานของสื่อ ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ถึงความเป็นไปได้ในการเจรจาระหว่างสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ Mohammed bin Salman และ Benjamin Netanyahu นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล ท่ามกลางการเก็งกำไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐอาหรับ
“ไม่มีการวางแผนใด ๆ เพื่อเจรจาระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิสราเอล” Prince Faisal bin Farhan บอกเว็บไซต์ Al Arabiya English ของซาอุดิอาระเบียเพื่อตอบสนองต่อรายงานข่าวประจำวัน Haaretz ของอิสราเอล
"นโยบายของซาอุดิอารเบียชัดเจนมากตั้งแต่จุดเริ่มต้นของความขัดแย้งครั้งนี้ เราจะไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ ระหว่างซาอุดิอารเบียและอิสราเอล รวมถึงราชอาณาจักรตั้งมั่นอยู่ข้างหลังปาเลสไตน์” ความสนใจของทั้งสองประเทศในการกักกันอิหร่านเพิ่มมากขึ้นโดยมองว่าเตหะรานเป็นภัยคุกคามหลัก
อย่างไรก็ตามรัฐต่าง ๆ ในอ่าวอาหรับเห็นด้วยกับสหรัฐฯ ในความพยายามการที่จะตอบโต้กับอิหร่านในการสนับสนุนชาวปาเลสไตน์แบบดั้งเดิม ซึ่งไม่มีความมั่นคง
Prince Faisal กล่าวว่า "ซาอุดิอาระเบียได้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะทำให้ความสัมพันธ์กับอิสราเอลเป็นไปอย่างปกติ หากมีข้อตกลงที่ยุติธรรมที่อิสราเอลและปาเลสไตน์เห็นชอบ ไม่เช่นนั้นนโยบายของซาอุดิอาระเบียจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง”
การกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม และการติชมบทความในเชิงสร้างสรรค์ของคุณ จะเป็นกำลังใจให้เราและเหล่าอาชีพนักเขียนทุกคนในการพัฒนาผลงานให้ดียิ่งขึ้นต่อไป ขอบคุณมากครับ
ขอเชิญทุกท่านร่วมสร้างสังคมการเรียนรู้ที่ดีด้วยกันกับเรา
World Maker

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา