1 เม.ย. 2020 เวลา 02:25 • ข่าว
Morning News : ประเด็นน่าสนใจเช้านี้
1. ทรัมป์เตือนประชาชนว่าสหรัฐฯ กำลังจะเข้าสู่ 2 สัปดาห์ที่เจ็บปวด
หลังจากทำเนียบขาวประกาศอย่างเป็นทางการว่าสหรัฐฯ อาจมีผู้เสียชีวิตจาก Coronavirus ถึง 100,000 คน และอาจพุ่งไปถึง 240,000 คน
ปัจจุบันทรัมป์ยอมรับถึงความจริงว่า Coronavirus ได้กลายเป็นวิกฤตที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษ "ผมต้องการให้ชาวอเมริกันทุกคนเตรียมพร้อมสำหรับวันที่ยากลำบาก เรากำลังจะก้าวผ่าน 2 สัปดาห์แห่งความเจ็บปวด"
Source : CNN
ข้อสังเกตที่น่าสนใจจากผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าประมาณการณ์ตัวเลขผู้เสียชีวิตจาก Coronavirus 100,000-240,000 คน นั้นมากกว่าจำนวนชาวอเมริกันที่เสียชีวิตจากสงครามเวียดนามเสียอีก
รองประธานาธิปดีของสหรัฐฯ Mike Pence กล่าวว่าในปัจจุบันมีการทดสอบ Coronavirus ให้กับชาวอเมริกันประมาณ 100,000 คน/วัน
ในขณะนี้ทรัมป์กำลังทบทวนระเบียบและแนวทางการป้องกันของเขา โดยอาจมีการเพิ่มมาตรการควบคุมขึ้นไปอีก เช่น ชาวอเมริกันทุกคนจะต้องสวมหน้ากากหรืออุปกรณ์อื่น ๆ เพื่อปิดบังใบหน้า ซึ่งสวนทางกับคำแนะนำของรัฐบาลกลางที่ระบุว่าการใส่หน้ากากอนามัยในผู้ที่ไม่ได้ติดเชื้อนั้นไม่จำเป็น
ข้อสังเกต : ในปัจจุบัน รพ. ต่าง ๆ จากทั่วทุกรัฐในอเมริกาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าพวกเขาขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยเฉพาะหน้ากากและเครื่องช่วยหายใจ ซึ่งหากทรัมป์ออกมาตรการนี้มา ปัญหาคือจะถ้าหน้ากากจากไหนมาให้คนใส่ ?
2. S&P กล่าวว่าวิกฤต Coronavirus จะทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกเกือบเป็น 0
คำทำนายจาก S&P Global Ratings ระบุว่า "ความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจทั่วโลกที่เกิดขึ้นจาก Coronavirus ส่งผลให้หลายประเทศต้อง Lockdown ทำให้เราคาดการณ์ได้ว่า การเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกจะถูกผลักดันให้เข้าสู่ 0"
ตัวเลขคาดการณ์ล่าสุดจาก S&P ก็คือการเติบโตของเศรษฐกิจโลกจะอยู่ที่ 0.4% ในปีนี้ และจะวกกลับไปที่ 4.9% ในปี 2564 โดย Paul Gruenwald หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ S&P global เขียนไว้ในงานวิจัยของเขาว่า "การลดลงของกิจกรรมต่าง ๆ ในโลกจะรุนแรงอย่างมาก"
การทำนายที่ 0.4% นี้เป็นระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นนับตั้งแต่การพังทลายลงของเศรษฐกิจโลกในช่วงปี 2525 ซึ่งในตอนนั้นมีการคำนวณไว้ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกอยู่ที่ 0.43%
ก่อนเกิดการระบาดของโรค S&P ได้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะเติบโตที่ 3.3%
แต่ปัจจุบันตัวเลขการว่างงานของสหรัฐฯ พุ่งขึ้นถึง 3.3 ล้านคน ซึ่งมากกว่า 4 เท่า! ของตัวเลขการว่างงานเมื่อช่วงปี 2472-2476 ที่เกิดวิกฤต Great Depression
ข้อสังเกต : จากที่อ่านข่าวแนว ๆ นี้มาหลายวัน เราพอจะสรุปได้ว่าตอนนี้มุมมองของผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ ทั่วโลก "ยกให้วิกฤต Coronavirus มีความรุนแรงเทียบเท่าหรือมากกว่าวิกฤตครั้งใหญ่ของโลกที่เคยเกิดขึ้นมา"
ขณะตลาดตัวโลกกำลังปั่นปวน การลงทุนสำหรับสินทรัพย์ถาวรในประเทศจีนลดลงกว่า 45% เมื่อเทียบแบบปีต่อปี ด้านอุตสาหกรรมการผลิตลดลง 14% และค้าปลีกลดลง 21%
เงินทุนในประเทศตลาดเกิดใหม่หายไปอย่างรวดเร็วที่สุดเมื่อเทียบกับวิกฤตเศรษฐกิจโลกครั้งก่อน ๆ โดยดัชนีหุ้น S&P 500 ร่วงลงถึง 30% ใน 22 วันของการเทรด ซึ่งเป็นสถิติที่รุนแรงที่สุดที่เคยบึนทึกไว้ ในขณะที่ดัชนี VIX ที่รู้จักกันในนาม "เกจวัดความกลัวของ Wall Street" พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดตั้งแต่วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์เมื่อปี 2551
Source : CBOE
Paul Gruenwald กล่าวเสริมอีกว่า "ผลกระทบต่อตลาดแรงงานทวีความรุนแรงขึ้นอย่างมาก และอัตราการว่างงานอาจพุ่งขึ้นไปถึง 10% ในไตรมาสที่ 2 ซึ่งจะสูงสุดที่ 13% ในเดือนพฤษภาคม 2563"
ข้อสังเกต : ตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าวมากกว่าอัตราการว่างงาน 10.2% ในช่วงวิกฤตการเงินโลกในเดือนตุลาคม 2552 เสียอีก
"ประเทศตลาดเกิดใหม่" คือผู้ที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดตามคำทำนายของ S&P โดยเฉพาะอินเดียซึ่งคาดการณ์ไว้ว่าเศรษฐกิจจะหดตัวถึง 3.5%
ทางฝั่งจีนในปัจจุบัน ตัวเลขล่าสุดของ GDP ในปี 2562 อยู่ที่ 6.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 30 ปี และแน่นอนว่าตัวเลขที่กำลังจะออกมาหลังจากนี้ต้องต่ำลงไปอีก โดย S&P คาดการณ์ไว้ว่าจีนจะเติบโตที่ 3% ในปีนี้
ผลการคาดการณ์โดยผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ นั้น ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับความรุนแรงในการแพร่กระจายของไวรัส ซึ่งหากมันทุเลาลง หรือโลกสามารถกลับสู่สภาวะปกติได้นั้น ผลการคาดการณ์ก็จะเปลี่ยนไป
ส่วนคำถามที่ว่า เมื่อไหร่มันจะทุเลาลง? และเมื่อไหร่โลกจะสามารถกลับสู่ภาวะปกติได้? คือสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่มีคำตอบอย่างเป็นเอกฉันท์ แต่ในหมู่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพทั้งหลายได้มีการคาดการณ์เอาไว้ว่า "จะใช้เวลาตั้งแต่ 3 เดือนไปจนถึง 1 ปีในการจะทำให้โลกกลับสู่สภาวะปกติ"
3. FED คาดการณ์ว่าอาจมีผู้ตกงานในสหรัฐฯ ถึง 47 ล้านคน
ปัจจุบันชาวอเมริกันหลายล้านคนต้องตกงานเนื่องจากการระบาดของ Coronavirus และความเสียหายที่เลวร้ายที่สุดยังไม่เกิดขึ้น อ้างอิงจากการประเมินของ FED
นักเศรษฐศาสตร์ของ FED คาดการณ์ไว้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ว่าตัวเลขการจ้างงานจะลดลงกว่า 47 ล้านตำแหน่ง หรือคิดเป็นอัตราการว่างงานที่ 32.1%
ที่น่าสนใจคืออัตราการว่างงาน 32.1% ที่ว่าเนี่ย มันสูงกว่าอัตราการว่างในช่วง 3 วิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของโลกอย่าง Great Depression ปี 2472, วิกฤตน้ำมันปี 2525 และวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์เมื่อปี 2551 ถึงประมาณ 3 เท่า!
สังเกตได้จากกราฟด้านล่างในช่วงปี 2525 และ 2551 ซึ่งมีอัตราการว่างงานเพียงประมาณ 10% ส่วนวิกฤต Great Depression ปี 2472 นั้นมีจุด Peak ของอัตราการว่างงานอยู่ที่ 24%
การกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม และการติชมในเชิงสร้างสรรค์ของคุณ เป็นกำลังใจให้เราและเหล่าอาชีพนักเขียนทุกคนในการพัฒนาผลงานให้ดียิ่งขึ้นต่อไป ขอเชิญทุกท่านร่วมสร้างสังคมการเรียนรู้ที่ดีด้วยกันกับเรา
World Maker
สามารถติดตาม World Maker ผ่านทาง Facebook ได้แล้ววันนี้ที่

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา