17 เม.ย. 2020 เวลา 12:00 • ประวัติศาสตร์
ปอดรั่ว EP.3 ผ่าตัดปอด....
cr.pizabay
22 กพ 63
ปอดรั่วครั้งที่ 5
เราถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉินและทำการเจาะปอด เพื่อใส่สายระบายให้อากาศออก อย่าถามถึงความเจ็บ เจ็บเท่าเดิม เพิ่มเติมคือประสบการณ์ ฮ่าๆๆๆ
จากนั้นก็ถูกส่งไปยังตึกผู้ป่วย อายุรกรรม ทุกอย่าง มีขวดติดตัวเหมือนเดิม 3ขวด ทุกอย่างวนมา เหมือนเดจาวูไม่มีผิด แค่นี่มันวนมาของจริงโว้ยยย เจาะจริง เจ็บจริง
เราก็กลายเป็นผัก นอนได้ท่าเดียว นอนหงาย ขยับตัวไม่ได้ เพราะขยับแล้วจะเจ็บมากๆ หมอฉีดมอร์ฟีน เพื่อระงับความเจ็บ ทั้งมึนๆ งงๆ เมาๆ นอนอย่างเดียว
ผ่านไป 3 วัน สามารถลุกได้แล้ว เย่ๆ ก็เริ่มบริหารปอดเช่นเดิม เป่าลูกบอล
วันที่ 4 หมอเอ็กซเรย์ พบว่าปอดเริ่มขยายแล้ว เย่ๆๆ ถ้าดีขึ้นเดี๋ยวหมอจะส่งไปเชียงรายต่อนะ ได้ฟังคำนี้น้ำตาจิไหลค่ะ
1
วันที่ 5 เรารู้สึกว่า มีลมและมีเสียงอะไรหว่า ในสายระบาย เรียกพยาบาล พยาบาลก็เช็คดูปกติทุกอย่าง
วันที่ 6 เรารู้สึก อาการเราแย่ๆ เป่าลูกบอลไม่ได้เลย แปลกมาก หมอเอกซเรย์
หมอบอกว่า ปอดแฟ๊ปไปอีกแล้ว แปลกจัง เฮ้ย!! เราช๊อคมาก หมอให้รอพรุ่งนี้อีกที
วันที่7 อาการเราแย่ลง เริ่มแน่นหน้าอก เหนื่อยมาก ปวดหลัง หมอเอ็กซเรย์ ปอดยังแฟ๊ป หมอก็ งง หมอ บอกว่า รอวันจันทร์นะ หมอจะส่งตัว ไปเชียงราย เพราะต้องส่องกล้องดูที่ปอด ที่พะเยาไม่มีเครื่องมือ
คืนวันที่ 7 และ คืน วันที่ 8 เรานอนไม่ได้เลย เพราะพอนอนก็หายใจลำบาก แน่นหน้าอก ปวดไปทั้งแผ่นหลัง จึงทำการนั่งค่ะ นั่งเฉยๆโลกไม่จำ นั่งสมาธิซะเลย คือ คนป่วยที่ห้องอายุรกรรมตื่นมาตีสอง ถึงกับผงะ ฮ่าๆ เราไม่ได้ตั้งใจทำให้ตกใจน๊า คือ นึกสภาพ ห้องรวมของรัฐ มืดๆสลัวๆ ตื่นมาเจอคนไข้นั่งสมาธิบนเตียง เป็นใครก็ตกใจเนอะ
3
วันจันทร์ ทาง รพ ส่งตัว ไปรพ เชียงราย เข้าห้องฉุกเฉินทันที หมอเอ็กซเรย์ซ้ำอีกรอบ
หมอเดินมาบอกว่า
"คนไข้คะ เข็มที่เจาะอยู่หลุดค่ะ คนไข้ต้องเจาะใหม่นะคะ รูเดิมค่ะ"
2
น้ำตาไหลเลยค่ะ ทำได้แค่ร้องไห้ ยังไงก็ต้องรักษา อดทนเท่านั้น นึกในใจมันคงเจ็บมาก เจาะปอดซ้ำรูเดิม มันบอบช้ำอยู่แล้ว ทำไมเราซวยซ้ำซวยซากแบบนี้ ซักพักหมอเดินมา หมอจะเจาะละนะครับคนไข้
เข็มที่แทงลงไป โอ้มายก๊อด!! เจาะมาสามครั้ง ไม่มีครั้งไหนที่เจ็บปวดรวดร้าวเท่าครั้งนี้เลย ให้ตายเถอะ มันแสบมาก แสบตรงหน้าอกขวา เหมือนเราโดนน้ำร้อนลวก แล้วเอาไฟเผาในปอดของเรา แล้วหมอก็ใช้เวลานานมาก มากกว่าทุกๆครั้ง
หลังเจาะ ก็ถูกส่งไปยังแผนกอายุรกรรมโซนผู้ป่วยหนัก ซึ่งเตียงจะติดกันพอควร และยังมีเครื่องช่วยหายใจเอย สายน้ำเกลือ ถุงเลือดของเตียงข้างๆเต็มไปหมด ที่ว่างระหว่างเตียงจึงค่อนข้างแคบ ส่วนของเราก็ต้องใช้อ๊อกซิเจนแบบครอบ และมีสายระบายพร้อมขวด สองขวด ติดตัวตลอดเวลา
1
เราก็นอนเป็นผักเช่นเดิม ขยับตัวไม่ได้เลย ตึกนี้คนไข้เยอะมากๆ พยาบาลก็ค่อนข้างเยอะ แทบไม่ได้นอนกันเลย
ทุกเช้า ตี 4 พยาบาล จะมาล้างแผลให้ ความเจ็บปวดมันอยู่ตรงนี้ ทุกครั้งที่พลิกตัว เพราะเราเจาะด้านข้างราวนม ต้องตะแคงซ้ายทุกครั้งเวลาทำแผล น้ำตาจะไหล มันปวดมากๆ หายใจก็เหนื่อยหอบ แน่นหน้าอก มันเป็นความทรมานในทุกๆเช้า
เราอยู่อายุรกรรม 3 วัน ระหว่างนั้น ก็จะมีคุณหมอมาดูแลเยอะมากๆ ทั้งน้องหมอและ คุณหมอเฉพาะทาง เพราะเคสเราเข้าข่าย ปอดรั่วเพราะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ สุดท้ายเจอคุณหมอศัลยกรรมโรคทรวงอก คุณหมอมา ถามอาการ และบอกว่า ผ่าตัดวันศุกร์นะ
แอบกลัว แต่ ณ เวลานั้น ความเจ็บมันมากกว่าความกลัว คือ ตายก็ตายวะ
เราทานข้าวไม่ค่อยลงเลย คือ กลืนไม่ลง อยากอาเจียน ดังนั้น ในกระเพาะแทบไม่มีอาหารเลย คุณหมอสั่งเอนชัวร์ให้ทาน แต่ก็ทานแล้วก็ปวดท้องอีก ชีวิตมันไม่ง่ายค่า ฮ่าๆๆ สุดท้ายก็ ช่างมัน แค่อดอาหารไม่กี่วันไม่ตายหรอกน่ะ
เราอยู่แผนก อายุรกรรม ถึงคืนวันอังคาร พุธเช้า เราถูกส่งไปยัง ตึก ศัลยกรรม เพื่อรอผ่าตัด ตึกนี้ค่อนข้างเก่า และ ดูหลอนๆ มืดๆ อึมครึม แต่ตอนนั้นกลัวตายมากกว่ากลัวผีค่ะ ฮ่าๆๆๆ
และแล้วร่างกายที่เหนื่อยล้ามานานเริ่มแย่ลง และเริ่มแพ้มอร์ฟีน เราเริ่มอาเจียน ทานอะไรเข้าไปก็อาเจียน กินน้ำก็อาเจียน สภาพเหมือนซอมบี้มากๆ ตัวก็เริ่มเหลือง ผอม
เตียงข้างๆ ไม่มีใครอาการหนัก ยกเว้นเรา แหะๆ ที่ร้องครวญครางปวดแผลทุกสองชม แถมอาเจียนตลอด และแล้ว ขณะที่อาเจียนอยู่ สภาพผมไม่ได้สระมา 12 วัน แถมมีอ๊วกติดที่ผม
เราก็ได้ยินเสียง
"อัน นี่อันใช่มั๊ย"
นึกในใจ ใครฟะ สภาพอุบาทว์แบบนี้ยังมีคนจำได้อีก
"นี่ฝนเอง เพื่อนแมสคอมไง"
เราเงยหน้ารวมรวมลมหายใจมองหน้าเพื่อนและพูดด้วยอาการสะลึมสะลือ
"ฝนไหนวะ"และก็อ้วกต่อ ฮ่าๆๆๆ
เพื่อนเราก็เลยแนะนำตัวกับแฟนเรา และสอบถามว่าเราเป็นอะไร
คือ ตั้งแต่เรียนจบ ปี 47 ก็ไม่เคยเจอกันเลย มันยังจำได้ ฮ่าๆๆๆ
แล้วเพื่อนก็บอกว่า ไว้ชั้นจะมาเยี่ยมแกใหม่นะ
1
หลังจากอ้วกทั้งวัน ตกกลางคืน ตีสอง จู่ๆ ก็ปวดท้องแบบไม่เคยเป็นมาก่อน แสบท้อง ร้อนเหมือนน้ำร้อนลวก เรากินยากระเพาะของตัวเองก็ไม่หาย เลยแจ้งพยาบาล เดชะบุญ พยาบาลใจดีโทรหาหมอ และได้ยาฉีด จนอาการดีขึ้น นึกในใจ นี่จะอะไรนักหนาเนี่ยยยย ไม่ได้นอนเลยทั้งคืนให้ตายเถอะชีวิต
1
และแล้ว วันผ่าตัดก็มาถึง.....
1
คุณหมอมาอธิบายว่า จะส่องกล้องเข้าไปดูซีสที่คิดว่าเกาะที่ปอด และถ้ามีกระบังลมรั่วก็จะทำการเย็บกระบังลมด้วย
ตอนที่ฟัง แอบหลอน กระบังลมจะรั่วมั๊ยน๊าาา
เพราะหมอบอกว่า ส่วนใหญ่คนไข้ที่เกิดจากช๊อกโกแลตซีสไปเกาะปอดจะมีกระบังลมรั่วด้วย ภาวนาอย่ารั่วเลย แค่เย็บปอดก็แย่ละ ฮ่าๆๆ
พอเข้าห้องผ่าตัด คุณหมอก็ให้ยาสลบ เราก็หลับไปเลย ตื่นมาก็ได้ยินเสียงคุณหมอถามว่าคนไข้เจ็บมากมั๊ย หมอจะฉีดยาให้แก้ปวดนะ
1
ซักพักก็มีคนเข็นเราไปห้องพักฟื้น ระหว่างเข็นเราไปนั้น เสาน้ำเกลือที่อยู่กับเตียงก็ล้มเกือบฟาดโดนหัวเรา เอิ่มม พี่ที่เข็นก็งงๆ บอกล้มได้ไงนี่ ไม่เคยล้มเลย เราแอบขำในใจจะบอกพี่ว่า "พี่ค่ะ อยู่กับหนู พี่จะรู้ว่ามีเรื่องซวยๆอีกเยอะค่ะ555"
1
เราถูกส่งมายังตึกเดิม ศัลยกรรมรวม ถามว่าเจ็บมั๊ย สุดๆไปเลยค่ะ มีสายอีกหนึ่งสายติดตัวมาเป็นสายระบาย พร้อมอุปกรณ์ใหม่ที่เราไม่เคยเห็น คือเครื่องดูดของเหลวจากเยื่อหุ้มปอด มันช่วยเราได้เยอะเลย เวลามันดูดก็จะเจ็บนิดๆ ชิวๆ
พอผ่าตัดเรียบร้อย อาการของการแน่นหน้าอก ปวดหลัง หายไป มีแค่อาการเจ็บแผลที่ผ่า และอาการเหนื่อยเวลาขยับตัว
แต่สภาพห้องรวมไม่ค่อยมีพื้นที่ให้ญาติเท่าไหร่ เราเห็นสภาพ สามี แม่ ที่ผลัดกันมาเฝ้าเราทั้งวันทั้งคืน ซึ่งเรานอนติดเตียงมา 13 วันแล้ว แต่ละคนเหมือนซอมบี้เลย ฮ่าๆๆ เราเลยตัดสินใจถามห้องพิเศษ กับพยาบาล
1
ตอนนั้น บอกพยาบาล"ขอห้องพิเศษจ่ายเองค่ะ เบิกอะไรไม่ได้เลยค่ะ"
... และแล้ว เราก็ได้ย้ายไปอยู่ห้องพิเศษ
พอย้ายไปห้องพิเศษ โอ้!! นี่คือสวรรค์ ห้องละ 2200 ปกติเราก็ต้องพักฟื้น 5-6 วัน เอาน่ะ มีตังค์เก็บเหลือนิดหน่อย ไม่ตายก็หาใหม่วะ พอไหว เพื่อ สามีและแม่
พอเข้าไปเห็นสมุดค่าห้องวางอยู่ โอ้ๆๆๆ
สายตาเรากับแฟนมองเห็นจ่ายส่วนต่างประกันสังคม ห้องนี้แค่ 600 บาท
น้ำตาจะไหล.... ในที่สุดเราก็จ่ายแค่ 600บาท ต่อคืน.. รักประกันสังคมขึ้นมาทันที
เราอยู่ที่ ห้องพิเศษ รพ อีก 5 วันในการพักฟื้น ทุกวันหลังจากลุกจากเตียงจะต้องบริหารปอดด้วยการเป่าลูกบอล ซึ่ง เจ็บมากๆเพราะแผลผ่าปอดยังสดๆร้อนๆ แต่ต้องเป่า เพราะไม่อย่างนั้นปอดจะแฟ๊บ
1
เราต้องฝึกลุกจากเตียงให้ได้ และฝึกเดิน เพื่อปอดจะได้ขยาย
คุณหมอให้ยาระบาย เพราะผ่าตัดปอดห้ามเบ่งถ่ายเด็ดขาด ผลจากการกินยาระบาย วันรุ่งขึ้นเดินเข้าห้องน้ำ 12 รอบ จะเข้าแต่ละทีก็ต้องแบกขวดไปด้วย ฮ่าๆๆ ประสบการณ์ใหม่สุดๆ
พอเราอาการดีขึ้น เพื่อนที่เจอเราตอนที่เราสภาพซอมบี้ก็กลับมาเยี่ยมเราอีกครั้ง ครั้งนี้ได้คุยกันมากมาย เพื่อนนำเงินพร้อมกระเช้ามามอบให้ด้วย บอกว่าจากเพื่อนๆในรุ่น MC43 เราน้ำตาจะไหล เพราะไม่ได้ติดต่อเพื่อนๆเลย ไม่มีไลน์กลุ่ม ไม่มีเฟสเพื่อน พอในเวลาที่เราแย่ เพื่อนๆในรุ่นกลับเข้ามาช่วยเราในทันที
"คำว่าเพื่อน ไม่ว่าจะผ่านมานานแค่ไหน มิตรภาพก็ยังงดงามเสมอ"
และแล้วก็ถึงเวลา จรรีออกจาก โรงพยาบาลที่แสนน่าเบื่อ รวมอยู่ โรงพยาบาล 20 วัน
หลังจากนั้น ก็กลับมาพักฟื้นที่บ้าน พร้อมกับการประกาศโรคระบาด ที่ชื่อว่า
โควิด-19
น่าดีใจที่ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว เย่ๆๆๆๆ
แต่....... ไปไหนไม่ได้ สิ่งที่อยากกิน ไม่มี
เคอร์ฟิวค่าา
แถมโรคนี้ คนเป็นโรคปอด ติด รับรอง เข้าวัดอย่างเดียว ฮ่าๆๆ
บอกแล้วชีวิตเราไม่มีอะไรง่าย ไว้ตอนหน้าจะมาเล่าต่อ ชีวิตที่ต้องพักฟื้นปอดท่ามกลางวิกฤต โควิด แถมยังต้องไป รพ ไปพบหมออีกรอบแบบหลอนๆโควิด ฮ่าๆ
ฝากติดตามด้วยน๊า...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา