14 เม.ย. 2020 เวลา 15:54 • การศึกษา
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ. ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ. ศ. 2545 ฉบับที่ 3 พ. ศ. 2553 และฉบับที่ 4 พ. ศ. 2562
มีผลบังคับใช้เมื่อ 20 สิงหาคม 2542
9 หมวด 78 มาตรา 1 บทเฉพาะกาล
เกิดจากรัฐธรรมนูญฉบับที่ 16 พ.ศ 2540 มาตรา 81
หมวด 1 บททั่วไป ความมุ่งหมายและหลักการจัดการศึกษา
หมวด 2 สิทธิและหน้าที่ทางการศึกษา
หมวด 3 ระบบการศึกษา
หมวด 4 แนวการจัดการศึกษา
หมวด 5 การบริหารและการจัดการศึกษา
หมวด 6 มาตรฐานและการประกันคุณภาพทางการศึกษา
หมวด 7 ครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา
หมวด 8 ทรัพยากรและการลงทุนเพื่อการศึกษา
หมวด 9 เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
บท สิทธิ ระ แนว หาร ฐาน ครู ทรัพย์ เทค
หมวด 1 บททั่วไป ความมุ่งหมายและหลักการจัดการศึกษา
มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตินี้
การศึกษา หมายความว่า กระบวนการเรียนรู้เพื่อความเจริญงอกงามของบุคคลและสังคม
การศึกษาขั้นพื้นฐาน หมายความว่า การศึกษาก่อนระดับอุดมศึกษา
การศึกษาตลอดชีวิต หมายความว่า การศึกษาที่เกิดจากการผสมผสานระหว่าง การศึกษาในระบบการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เพื่อให้สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
สถานศึกษา หมายความว่า สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย โรงเรียน ศูนย์การเรียน วิทยาลัย สถาบัน มหาวิทยาลัย หน่วยงานการศึกษาหรือหน่วยงานอื่นของรัฐ หรือของเอกชนที่มีอำนาจหน้าที่หรือมีวัตถุประสงค์ในการจัดการศึกษา
สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน หมายความว่า สถานศึกษาที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
มาตรฐานการศึกษา หมายความว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับคุณลักษณะคุณภาพที่พึงประสงค์และมาตรฐานที่ต้องการให้เกิดขึ้นในสถานศึกษาทุกแห่งและเพื่อใช้เป็นหลักในการเทียบเคียงสำหรับการส่งเสริมและกำกับดูแลการตรวจสอบการประเมินผลและการประกันคุณภาพทางการศึกษา
การประกันคุณภาพภายใน หมายความว่า การประเมินผลและการติดตามตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายในโดยบุคลากรของสถานศึกษานั้นเองหรือโดยหน่วยงานต้นสังกัดที่มีหน้าที่กำกับดูแลสถานศึกษานั้น
การประกันคุณภาพภายนอก หมายความว่า ประเมินและติดตามตรวจสอบสถานศึกษาจากภายนอกโดยสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาหรือบุคคลหรือหน่วยงานภายนอกที่สำนักงานดังกล่าวรับรองเพื่อเป็นการประกันคุณภาพและให้มีการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา
ผู้สอน หมายความว่า ครูและคณาจารย์ในสถานศึกษาระดับต่างๆ
ครู หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการเรียนการสอนและการส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการต่างๆในสถานศึกษาทั้งของรัฐและเอกชน
คณาจารย์ หมายความว่า บุคลากรซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการสอนและการวิจัยในสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาปริญญาของรัฐและเอกชน
ผู้บริหารสถานศึกษา หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพที่รับผิดชอบการบริหารสถานศึกษาแต่ละแห่งทั้งของรัฐและเอกชน
ผู้บริหารการศึกษา หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพที่รับผิดชอบการบริหารการศึกษานอกสถานศึกษาตั้งแต่ระดับเขตพื้นที่การศึกษาขึ้นไป
บุคลากรทางการศึกษา หมายความว่า ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา รวมทั้งผู้สนับสนุนการศึกษาเป็นผู้ทำหน้าที่ให้บริการหรือปฏิบัติงานเกี่ยวเนื่องกับการจัดกระบวนการเรียนการสอน การนิเทศและการบริหารการศึกษาในหน่วยงานการศึกษาต่างๆ
มาตรา 6 การจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดำรงชีวิตสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข (ความมุ่งหมาย)
มาตรา 7 ในกระบวนการเรียนรู้ต้องมุ่งปลูกฝังจิตสำนึกที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (ความมุ่งหมาย)
มาตรา 8 การจัดการศึกษาให้ยึดหลักดังนี้ (หลักการจัดการศึกษา)
1 เป็นการศึกษาตลอดชีวิตสำหรับประชาชน
2 ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
3 การพัฒนาสาระและกระบวนการเรียนรู้ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ตลอด + ร่วม + ต่อ
ประชาชน + สังคม + สาระ
มาตรา 9 การจัดระบบโครงสร้างและกระบวนการการจัดการศึกษา ให้ยึดหลักดังนี้ (หลัก)
1 มีเอกภาพด้านนโยบายและมีความหลากหลายในการปฏิบัติ
2 มีการกระจายอำนาจไปสู่เขตพื้นที่การศึกษาสถานศึกษาและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
3 มีการกำหนดมาตรฐาน และจัดระบบประกันคุณภาพ การศึกษาทุกระดับและทุกประเภท
4 ส่งเสริมมาตรฐานวิชาชีพและการพัฒนาครู อย่างต่อเนื่อง
5 ระดมทรัพยากรมาใช้ในการจัดการศึกษา การมีส่วนร่วมของบุคคล ครอบครัว ชุมชน
หมวด 2 สิทธิและหน้าที่ทางการศึกษา
มาตรา 10 การจัดการศึกษาต้องจัดให้บุคคลมีสิทธิและโอกาสเสมอกัน ในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่า 12 ปี โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย รัฐต้องจัดให้ทั่วถึงและมีคุณภาพ
การจัดการศึกษาสำหรับบุคคลซึ่งมีความบกพร่องทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ สังคม การสื่อสารและการเรียนรู้ หรือมีร่างกายพิการ หรือทุพพลภาพ หรือบุคคลซึ่งไม่สามารถพึ่งตนเองได้ หรือไม่มีผู้ดูแล หรือได้โอกาส ต้องจัดให้มีสิทธิและโอกาสได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นพิเศษ
การจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ 9 ประเภท จัดตั้งแต่แรกเกิดหรือพบความพิการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
บุคคลที่มีความสามารถพิเศษ ต้องจัดด้วยรูปแบบที่เหมาะสมโดยคำนึงถึงความสามารถของบุคคลนั้น
เงินอุดหนุนรายหัวในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
1 ก่อนประถม 1,700 บาท
2 ประถมศึกษา 1,900 บาท
3 มัธยมต้น 3,500 บาท
4 มัธยมปลาย 3800 บาท
ประถมขนาดเล็ก นักเรียน 120 คนลงมา รับเพิ่มรายหัวหัวละ 500 บาทต่อคนต่อปี
มัธยมขนาดเล็ก นักเรียน 300 คนลงมา รับเพิ่มรายหัวหัวละ 1,000 บาทต่อคนต่อปี
มาตรา 13 บิดา มารดา หรือผู้ปกครอง และสถานศึกษา ที่จัดการศึกษามีสิทธิ์ได้รับประโยชน์
1 การสนับสนุนจากรัฐให้มีความรู้ความสามารถในการเลี้ยงดู
2 เงินอุดหนุนจากรัฐสำหรับการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานของบุตร
3 การลดหย่อนหรือยกเว้นภาษี
จำ = รู้ + เงิน + ภาษี
Home School ยืน > เขต > กศจ. > พิจารณาอนุญาต
มาตรา 12 นอกเหนือจาก รัฐ เอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้บุคคล ครอบครัว องค์กรชุมชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอื่นๆ
คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เรื่อง ให้จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน 15 ปีโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย
1 ค่าจัดการเรียนการสอน
2 ค่าหนังสือเรียน
3 ค่าอุปกรณ์การเรียน
4 ค่าเครื่องแบบนักเรียน
5 ค่ากิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียน
6 ค่าใช้จ่ายอื่นตามที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ
หมวด 3 ระบบการศึกษา
มาตรา 15 การจัดการศึกษามี 3 รูปแบบ
1 การศึกษาในระบบ formal Education มีการกำหนดจุดมุ่งหมาย วิธีการศึกษา หลักสูตร ระยะเวลาการศึกษา การวัดผลประเมินผลซึ่งเป็นเงื่อนไข การสำเร็จการศึกษาที่ แน่นอน
2 การศึกษานอกระบบ non formal Education มีการกำหนดจุดมุ่งหมาย รูปแบบวิธีการจัดการศึกษา ระยะเวลา การวัดผลประเมินผล เงื่อนไขความสำเร็จที่ ยืดหยุ่น
3 การศึกษาตามอัธยาศัย informal Education เป็นการศึกษาที่ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเอง ตามความสนใจ ศักยภาพ ความพร้อม และโอกาส โดยศึกษาจากบุคคล ประสบการณ์ สังคม ตามความสนใจ
จำ = ในแน่นอน + นอกยืดหยุ่น + อัธสนใจ
สถานศึกษาอาจจัดการศึกษาในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง หรือทั้ง 3 แบบก็ได้
การศึกษาในระบบ มี 2 ระดับคือ
1 การศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งจะไม่น้อยกว่า 12 ปี ก่อนระดับอุดมศึกษา
2 ระดับอุดมศึกษาแบ่งเป็น ระดับต่ำกว่าปริญญา (อนุปริญญา) และระดับปริญญา (ตรี โท เอก)
การศึกษาภาคบังคับ 9 ปี นับจากอายุย่างเข้าปีที่ 7 จนอายุย่างเข้าปีที่ 16 หรือเมื่อสอบได้ชั้นปีที่ 9 ของการศึกษาภาคบังคับ ชั้นปีที่ 1 ถึงชั้นปีที่ 9 (ป. 1 ถึง ม. 3)
การนับอายุเด็กเข้าเรียน เช่นเด็กที่จะเข้าเรียนในปีการศึกษา 2562 คือ 2562 - 7 เท่ากับ 2555 คือเด็กที่เกิดปี พ.ศ. 2555 ต้องเข้าเรียนในปีการศึกษา 2562
การนับอายุเด็กเข้าเรียนให้นับตามปีปฏิทิน
สถานศึกษา
การศึกษาปฐมวัยและการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้จัด ใน
1 สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย
2 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนของรัฐ เอกชน และโรงเรียนที่สังกัดสถาบันศาสนา
3 ศูนย์การเรียน ได้แก่สถานที่เรียนที่หน่วยงานจัดการศึกษานอกโรงเรียน บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการโรงพยาบาล สถาบันทางการแพทย์ สถานสงเคราะห์ และสถาบันสังคมอื่นเป็นผู้จัด
บทลงโทษ พระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ 2545
*ผู้ปกครองไม่ส่งเด็กเข้าเรียนในสถานศึกษา หรือไม่อำนวยความสะดวกแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
*การกระทำด้วยประการใดๆอันเป็นเหตุให้เด็กมิได้เรียน หรือแจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จ ปรับไม่เกิน 10,000 บาท
*จำ
ไม่ส่ง + ไม่สะดวก = ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
เป็นเหตุ + เป็นเท็จ = ปรับไม่เกิน 10,000 บาท
หมวด 4 แนวทางการจัดการศึกษา
มาตรา 22 การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้และถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด
มาตรา 23 การจัดการศึกษาทั้ง 3 รูปแบบ
ต้องเน้น K P A
ความรู้ K
คุณธรรม A
กระบวนการเรียนรู้ P
= จัดแบบบูรณาการ
มาตรา 24 การจัดกระบวนการเรียนรู้ให้สถานศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการดังต่อไปนี้
1 จัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียนโดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล
2 ฝึกทักษะกระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ์ และการประยุกต์ความรู้มาใช้เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา
3 จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริงฝึกการปฏิบัติให้ทำได้คิดเป็นทำเป็นรักการอ่านและเกิดการใฝ่รู้อย่างต่อเนื่อง
4 จัดการเรียนการสอนโดยผสมผสานสาระความรู้ด้านต่างๆอย่างได้สัดส่วนสมดุลกันรวมทั้งเป็นการปลูกฝังคุณธรรมค่านิยมที่ดีงามและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ไว้ในทุกวิชา
5 ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สอนสามารถจัดบรรยากาศ สภาพแวดล้อม สื่อการเรียน และอำนวยความสะดวก เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และมีความรอบรู้ รวมทั้งสามารถใช้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้
6 การจัดการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ มีการประสานความร่วมมือกับบิดามารดาผู้ปกครอง และบุคคลในชุมชนทุกฝ่ายเพื่อร่วมกันพัฒนาผู้เรียนตามศักยภาพ
มาตรา 27 ให้คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน กำหนดหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อความเป็นไทย ความเป็นพลเมืองที่ดีของชาติ การดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพ ตลอดจนการศึกษาต่อ ให้สถานศึกษาขั้นพื้นฐานมีหน้าที่ทำสาระของหลักสูตร ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับสภาพปัญหาในชุมชนและสังคม ภูมิปัญญาท้องถิ่น คุณลักษณะอันพึงประสงค์เพื่อเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ
มาตรา 30 ให้สถานศึกษาพัฒนากระบวนการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งการส่งเสริมให้ผู้สอนสามารถวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียนในแต่ละระดับการศึกษา
หมวด 5 การบริหารและการจัดการศึกษา
มาตรา 31 กระทรวงศึกษาธิการมีอำนาจหน้าที่ ส่งเสริม กำกับดูแลการศึกษาทุกประเภทและการอาชีวศึกษา แต่ไม่รวมถึงการศึกษาระดับอุดมศึกษา ที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกระทรวงอื่น ที่มีกฎหมายกำหนดไว้เป็นการเฉพาะ
กำหนดนโยบาย แผน และมาตรฐานการศึกษา สนับสนุนทรัพยากร เพื่อการศึกษาส่งเสริมและประสานงานการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม และการกีฬา
มาตรา 32 การจัดระเบียบบริหารราชการในกระทรวง ให้มีองค์กรหลักเป็นคณะบุคคลในรูปสภาหรือคณะกรรมการจำนวน 3 องค์กร ดังนี้
1 สภาการศึกษา 11 คนรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธาน
2 คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่เกิน 27 คน
3 คณะกรรมการการอาชีวศึกษาไม่เกิน 32 คน
เพื่อพิจารณาให้ความเห็นหรือให้คำแนะนำแก่รัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีและมีอำนาจหน้าที่อื่นตามที่กฎหมายกำหนด
3 องค์กรหลักเป็นนิติบุคคล
ภา + ขั้น + อา
ศธ. = 5 ส่วน 4 กรม 3 องค์กร
กฎกระทรวงกำหนดจำนวนกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการสรรหาการเลือกกรรมการ วาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการในคณะกรรมการสภาการศึกษา ฉบับที่ 2 พุทธศักราช 2560 ข้อ 2 ให้คณะกรรมการสภาการศึกษามีกรรมการจำนวน 41 คน
สภาการศึกษา มีหน้าที่ พิจารณาเสนอแผนการศึกษาแห่งชาติ มาตรฐาน การศึกษานโยบาย ประเมินผลการจัดการศึกษา ให้เสนอต่อคณะรัฐมนตรี
สภาการศึกษา = แผน + นโยบาย + มาตรฐาน
มาตรา 37 การบริหารและการจัดการ ให้ยึดเขตพื้นที่การศึกษา โดยคำนึงถึง
1 ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
2 จำนวนสถานศึกษา
3 จำนวนประชากร
4 วัฒนธรรม
5 และความเหมาะสมด้านอื่นด้วย เว้นแต่การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานตามกฎหมายว่าด้วยอาชีวศึกษา
รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของสภาการศึกษามีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษา
กำหนดเขตพื้นที่ของประถมและมัธยม
เขตพื้นที่ประถมศึกษา 183
เขตพื้นที่มัธยมศึกษา 42 เขต
กรณีสถานศึกษามีนักเรียนทั้งประถมและมัธยม ให้ยึดระดับการศึกษาของสถานศึกษานั้นเป็นสำคัญทั้งนี้ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยคำแนะนำของคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กพฐ.
มาตรา 38 ให้มีคณะกรรมการและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่มีอำนาจหน้าที่ คำสั่ง คสช ที่ 10/2559 ยกเลิกคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาและให้โอนอำนาจนี้ให้ กศจ. ให้ กศจ. และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามีอำนาจหน้าที่การกำกับดูแล จัดตั้ง ยุบ รวม หรือเลิก สถานศึกษาขั้นพื้นฐานในเขตพื้นที่การศึกษา ประสาน ส่งเสริม และสนับสนุน สถานศึกษาเอกชนในเขตพื้นที่การศึกษา
มาตรา 39 ให้กระทรวงกระจายอำนาจการบริหารและการจัดการศึกษา
1 ด้านวิชาการ 17 งาน
2 งบประมาณ 22 งาน
3 การบริหารงานบุคคล 20 งาน
4 การบริหารทั่วไป 22 งาน
ไปยัง
1 คณะกรรมการ กศจ.
2 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
3 สถานศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษาโดยตรง
มาตรา 32/1 กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการส่งเสริม สนับสนุน และกำกับการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ การวิจัยและการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อให้การพัฒนาประเทศเท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลก
มาตรา 40 ให้มีคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ในสถานศึกษาขนาดเล็กให้มีคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานจำนวน 9 คนและในการศึกษาขนาดใหญ่ให้มีคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานจำนวน 15 คน
โรงเรียนขนาดเล็กมีจำนวนนักเรียนไม่เกิน 300 คนมีกรรมการ 9 คน
โรงเรียนขนาดใหญ่มีจำนวนนักเรียนเกิน 300 คนขึ้นไปมีกรรมการ 15 คน
คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานประกอบด้วยเล็ก 9 ใหญ่ 15
1 ประธานกรรมการมาจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
2 กรรมการที่เป็นผู้แทนผู้ปกครอง
3 กรรมการที่เป็นผู้แทนครู
4 กรรมการที่เป็นผู้แทนองค์กรชุมชน
5 กรรมการที่เป็นผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
6 กรรมการที่เป็นผู้แทนศิษย์เก่า
7 กรรมการที่เป็นผู้แทนพระภิกษุสงฆ์และหรือผู้แทนองค์กรศาสนาในพื้นที่จำนวน 1 รูปหรือ 1 คนสำหรับสถานศึกษาขนาดเล็กและจำนวน 2 รูปหรือ 2 คนสำหรับสถานศึกษาขนาดใหญ่
8 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 1 คนสำหรับโรงเรียนขนาดเล็กและจำนวน 6 คนสำหรับโรงเรียนขนาดใหญ่
9 ผู้อำนวยการเป็นกรรมการและเลขานุการ
ผู้ทรงคุณวุฒิ กรรมการ อายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์
มีวาระคราวละ 4 ปี
เป็นได้ไม่เกิน 3 แห่งในคราวเดียวกัน
ผู้อำนวยการสถานศึกษา เป็นผู้ดำเนินการสรรหาและเลือกกรรมการ
ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแต่งตั้ง
ผู้อำนวยการโรงเรียน สรรหาคัดเลือก
2 3 4 20 วาระแห่งปีอายุ
ภาคี 4 ฝ่ายประกอบด้วย
1 ผู้แทนครู
2 ผู้แทนผู้ปกครอง
3 ผู้แทนชุมชน
4 ผู้แทนนักเรียน
มาตรา 41 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีสิทธิจัดการศึกษาในระดับใดระดับหนึ่งหรือทุกระดับ ตามความพร้อม ความเหมาะสมและความต้องการภายในท้องถิ่น
มาตรา 42 ให้กระทรวงศึกษาธิการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินความพร้อมในการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
มาตรา 43 การบริหารและการจัดการศึกษาของเอกชนให้มีความเป็นอิสระโดยมีการกำกับ ติดตาม การประเมินคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาจากรัฐ
มาตรา 45 ให้สถานศึกษาเอกชนจัดการศึกษาได้ทุกระดับและทุกประเภท
มาตรา 46 รัฐ ต้องให้การสนับสนุนด้านเงินอุดหนุน การลดหย่อนหรือการยกเว้นภาษี และสิทธิประโยชน์อย่างอื่นที่เป็นประโยชน์ในทางการศึกษาแก่สถานศึกษาเอกชนตามความเหมาะสม
หมวด 6 มาตรฐานและการประกันคุณภาพการศึกษา
มาตรา 47 ให้มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของการศึกษาขั้นพื้นฐานและการศึกษาระดับอุดมศึกษา ประกอบด้วย
1 ให้มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษา 2 ระบบ คือระบบประกันคุณภาพภายในและระบบประกันคุณภาพภายนอก หน่วยงานต้นสังกัดและสถานศึกษาจัดให้มีระบบการประกันคุณภาพภายในซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการบริหาร และจัดทำรายงานประจำปีเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเปิดเผยต่อสาธารณะ (SAR) Self Assessment Report รายงานการประเมินตนเอง สถานศึกษาประเมินตนเองทุกปี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรวจสอบทบทวนอย่างน้อย 1 ครั้งในทุกๆ 3 ปี
2 ให้มีการประเมินคุณภาพภายนอกของสถานศึกษาทุกแห่งอย่างน้อย 1 ครั้งทุก 5 ปีโดยสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) ซึ่งเป็นองค์การมหาชนประเมินทุกระดับการศึกษา
มาตรา 49 ให้มีสำนักงานรับรองมาตรฐานและการประเมินคุณภาพการศึกษา มีฐานะเป็นองค์การมหาชน ทำหน้าที่พัฒนาเกณฑ์ วิธีการประเมินคุณภาพภายนอก และทำการประเมินผลการจัดการศึกษา ที่ไม่ใช่การจัดการอุดมศึกษาซึ่งอยู่ในอำนาจหน้าที่ของกระทรวงการอุดม ศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงอื่น เพื่อให้มีการตรวจสอบคุณภาพของสถานศึกษา โดยคำนึงถึงความมุ่งหมาย หลักการ และแนวทางการจัดการศึกษาในแต่ละระดับ ตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ ให้มีการประเมินคุณภาพภายนอกของสถานศึกษาทุกแห่งอย่างน้อย 1 ครั้งในทุก 5 ปี นับตั้งแต่การประเมินครั้งสุดท้ายและเสนอผลการประเมินต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสาธารณชน
มาตรา 51 ในกรณีที่ผลการประเมินภายนอกของสถานศึกษาใดไม่ได้มาตรฐานที่กำหนด ให้สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินผลคุณภาพการศึกษาจัดทำข้อเสนอแนะการปรับปรุงแก้ไขต่อหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อให้สถานศึกษาปรับปรุงแก้ไขภายในระยะเวลาที่กำหนดหากไม่ดำเนินการดังกล่าวให้สำนักงานรับรองมาตรฐานและการประเมินคุณภาพการศึกษา รายงานต่อคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานหรือคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเพื่อดำเนินการให้มีการปรับปรุงแก้ไข
*การประเมิน สมศ. รอบที่ 4 7 ด้าน 20 ตัวบ่งชี้ พุทธศักราช 2559 ถึง 2563
มาตรฐานการศึกษาของชาติมี 3 มาตรฐาน 11 ตัวบ่งชี้
1 ผู้เรียนรู้เพื่อสร้างงานและคุณภาพชีวิตที่ดี
2 ผู้ร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อสังคมที่ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
3 พลเมืองที่เข้มแข็งเพื่อสันติสุข
หมวด 7 ครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา
มาตรา 51/1 คำว่า คณาจารย์ ในหมวดนี้ให้หมายความว่า บุคลากรซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการสอนและการวิจัยในสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาของรัฐและเอกชน แต่ไม่รวมถึงบุคลากรซึ่งสังกัดกระทรวงอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและวัฒนธรรม
มาตรา 53 ให้มีองค์กรวิชาชีพครู ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารการศึกษา มีฐานะเป็นองค์กรอิสระภายใต้การบริหารของสภาวิชาชีพในกำกับของกระทรวง มีอำนาจหน้าที่กำหนดมาตรฐานวิชาชีพ ออกและเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ กำกับดูแลการปฏิบัติตามมาตรฐานและจรรยาบรรณวิชาชีพ รวมทั้งการพัฒนาวิชาชีพครู ผู้บริหารสถานศึกษาและผู้บริหารการศึกษา ทำให้เกิด พรบ. สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา 2546 ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และบุคลากรทางการศึกษาอื่น ทั้งของรัฐและเอกชนต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ทั้งนี้ ยกเว้น ผู้ที่จัดการศึกษาตามอัธยาศัยจัดการศึกษาในศูนย์การเรียน วิทยากรพิเศษ และผู้บริหารการศึกษาระดับเหนือเขตพื้นที่การศึกษา
มาตรา 54 ให้มีองค์กรการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูทำให้เกิด พรบ. ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
หมวด 8 ทรัพยากรและการลงทุนเพื่อการศึกษา
ให้มีการระดมทรัพยากรและการลงทุนด้านงบประมาณ การเงิน และทรัพย์สิน ทั้งจากรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน เอกชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ สถาบันสังคมอื่น และต่างประเทศมาใช้จัดการศึกษา
สถานศึกษาของรัฐที่เป็นนิติบุคคล มีอำนาจในการปกครอง ดูแล บำรุงรักษา ใช้และจัดหา ผลประโยชน์จากทรัพย์สินของสถานศึกษา ทั้งที่เป็นราชพัสดุและที่เป็นทรัพย์สินอื่นรวมทั้งหารายได้จากบริการของสถานศึกษาที่ไม่ขัดกับภารกิจหลักอสังหาริมทรัพย์ที่สถานศึกษาของรัฐได้มาทั้งจากผู้ที่ให้หรือซื้อหรือแลกเปลี่ยนจากรายได้ของสถานศึกษาให้เป็นกรรมสิทธิ์ของสถานศึกษาบรรดารายได้และผลประโยชน์ต่างๆของสถานศึกษาของรัฐดังกล่าว ไม่เป็นรายได้ที่ต้องส่งกระทรวงการคลัง
หมด 9 เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
รับจัดสรรคลื่นความถี่
รัฐส่งเสริมสนับสนุนให้มีการวิจัยและพัฒนา
ให้มีการพัฒนาบุคลากรทางด้านผู้ผลิตและผู้ใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
ให้มีการระดมทุนเพื่อการจัดตั้งกองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาจากเงินอุดหนุนของรัฐค่าสัมปทานและผลกำไรที่ได้จากการดำเนินกิจการด้านสื่อสารมวลชน
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พรบ. การศึกษาแห่งชาติ
42 45 53 62 ชวนทักสิทธิ์ยุทธ
ฉบับที่ 1 นายชวนหลีกภัยนายกรัฐมนตรี
ฉบับที่ 2 พันตำรวจโททักษิณชินวัตรนายกรัฐมนตรี
ฉบับที่ 3 นายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรี
ฉบับที่ 4 พลเอกประยุทธ์จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี
เหตุผลในการประกาศใช้พรบการศึกษาแห่งชาติ 2542 ปรับปรุงการศึกษาให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม ดังนั้นจึงสมควรมีกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ เพื่อเป็นกฎหมายแม่บท ในการบริหารและจัดการการศึกษาอบรมให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
เหตุผลในการประกาศใช้พรบการศึกษาแห่งชาติ 2562 ฉบับที่ 4 เพื่อกำหนดขอบเขตในการดำเนินการของกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานอื่นให้สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ที่เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากมีการจัดตั้งกระทรวง การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัติ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา