24 เม.ย. 2020 เวลา 02:37 • กีฬา
Total Football ปรัชญาฟุตบอลสายศิลปิน
ภาคแรก สงครามสองขั้วอำนาจ
ในช่วงทศวรรษ 1960 ด้วยอิทธิพลจากความสำเร็จในยุโรปของสองทีมจากอิตาลีอย่าง เอซี มิลาน และ อินเตอร์ มิลาน ทำให้ฟุตบอลในตอนนั้นเกมรับถือเป็นสิ่งที่ทุกทีมต้องให้ความสำคัญเป็นลำดับแรก ซึ่งต้องยอมรับว่าในช่วงเวลานั้นปรัชญา Catenaccio ที่ถูกขัดเกลาอย่างสมบูรณ์โดย เอเลนิโอ เอร์เรรา กุนซือชาวอาร์เจนติน่าของทีมอินเตอร์ มิลานชุดยุคทองนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามสไตล์การเล่นนี้ก็ถูกโค่นลงจากบัลลังก์ในไม่ช้าด้วยน้ำมือของบุรุษที่จะเข้ามาทำให้เกมฟุตบอลกลายเป็นเหมือนศิลปะและชื่อของเขาก็คือ ไรนุส มิเชลส์ ปรมาจารย์แห่งปรัชญา Total Football
ก่อนที่ไรนุส มิเชลส์ จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกฟุตบอลนั้น Total Football แต่เดิมได้ถูกคิดค้นโดย แจ็ค เรย์โนลด์ส กุนซือชาวอังกฤษของอาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม สโมสรฟุตบอลจากฮอลแลนด์ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1910 แต่ยังเป็นเวอร์ชั่นที่ยังไม่สมบูรณ์และยังไม่สามารถสร้างผลกระทบต่อโลกฟุตบอลแต่อย่างใด
แจ็ค เรย์โนลด์ส ผู้คิดค้นปรัชญา Total Football
ช่วงเวลาในการคุมทีมอาแจกซ์ของเรย์โนลด์สนั้นแบ่งออกเป็น 3 ช่วงโดยช่วงแรกตั้งแต่ปี 1915–1925, ช่วงที่สองตั้งแต่ปี 1928–1940 และ ช่วงสุดท้ายตั้งแต่ปี 1945–1947 ก่อนจะเกษียณตัวเองไปในที่สุด ซึ่งไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ช่วงสุดท้ายในการคุมทีมของเรย์โนลด์สนั้นตรงกับช่วงที่ ไรนุส มิเชลส์ ยังเป็นผู้เล่นอยู่นั่นเอง จึงทำให้มิเชลส์ได้ซึมซับปรัชญาของ เรย์โนลด์ส ไปพอสมควร
ไรนุส มิเชลส์ สมัยเป็นผู้เล่น
ต่อมาหลังจากเรย์โนลด์สวางมือไปส่งผลให้ที่อาแจกซ์ปรัชญานี้ได้ถูกทิ้งช่วงมาหลายปี ซึ่งในขณะเดียวกันในช่วงระหว่างนั้น กุ๊สซต๊าบว์ เชเบชส์ กุนซือทีมชาติฮังการีเป็นอีกหนึ่งคนที่นำปรัชญาของ เรย์โนลด์ส มาประยุกต์ใช้กับแทคติกของตน ซึ่งถึงแม้ทีมชาติฮังการีชุดยุคทอง Magical Magyars จะนำสิ่งใหม่ๆเข้ามาสู่เกมลูกหนังอย่างมากมายก็ตาม แต่ทว่าตัวปรัชญา Total Football ที่ถูกประยุกต์ใช้โดยพวกเขานั้นก็ยังคงไม่สมบูรณ์อยู่ดีแต่อย่างไรก็ตามมันจะกลายเป็นส่วนหนึ่งในขั้นตอนการพัฒนาของTotal Football ฉบับสมบูรณ์ ที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้า
(สามารถอ่านเนื้อหาเกี่ยวกับทีมชาติฮังการีชุดยุคทอง Magical Magyars เพิ่มเติมได้ที่ https://www.blockdit.com/articles/5e9bb5f06794280cb29f3306/# )
กลับมาที่ทางอาแจกซ์ ต่อมาได้มีกุนซือชาวอังกฤษผู้หนึ่งที่เข้ามาสานต่อปรัชญาของเรย์โนลด์สที่อาแจกซ์และเขาคนนั้นก็คือ วิก บักค์กิ้งแฮม ที่เข้ามาคุมอาแจกซ์ถึงสองช่วงโดยช่วงแรกตั้งแต่ปี 1959–1961 และ ช่วงที่สองเพียงหนึ่งฤดูกาล 1964–65 และผู้เล่นที่จะกลายมาเป็นตำนานคนต่อไปอย่างโยฮัน ครัฟฟ์ ก็ได้ถูกแจ้งเกิดภายใต้การคุมทีมของ บักค์กิ้งแฮม ถึงแม้เขาจะเป็นผู้ค้นพบและให้โอกาสในการแจ้งเกิดแก่ผู้เล่นที่จะเป็นถึงตำนานในอนาคต แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ยังไม่สามารถขัดเกลาตัวปรัชญาให้ถึงที่สุดได้อยู่ดี
วิก บักค์กิ้งแฮม ชายผู้ให้โอกาสผู้เล่นที่จะกลายเป็นตำนานในอนาคต
จนกระทั่งบุรุษผู้เป็นทั้งอดีตผู้เล่นและลูกศิษย์ของแจ็ค เรย์โนลด์สอย่าง ไรนุส มิเชลส์ ได้เข้ามากุมบังเหียนในฤดูกาล1965-66 และแล้วในที่สุด Total Football ฉบับสมบูรณ์ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น มิเชลส์ได้ขัดเกลา Total Football จนสมบูรณ์
ไรนุส มิเชลส์ อดีตผู้เล่นและลูกศิษย์ของแจ็ค เรย์โนลด์ส
โดยระบบของเขาจะยึด 2 ปัจจัยเป็นหลัก ปัจจัยที่หนึ่งคือการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์ซึ่งหมายถึงการเพรซซิ่งกดดันเพื่อแย่งบอลแบบใช้สมองแทนที่จะใช้กำลังเพียงอย่างเดียวโดยการคิดก่อนว่าควรจะวิ่งไปตรงไหนควรจะยืนอยู่จุดไหนเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ปัจจัยนี้จะช่วยให้ผู้เล่นประหยัดแรงลงไปอย่างมากเวลาเพรซซิ่งแย่งบอล
ส่วนปัจจัยที่สองคือการยืนตำแหน่งที่ไม่ตายตัวซึ่งหมายถึงผู้เล่นทุกคนในสนามยกเว้นผู้รักษาประตูสามารถเล่นทดแทนตำแหน่งกันได้ซึ่งวิธีการเล่นนี้จำเป็นจะต้องพึ่งพากลุ่มผู้เล่นที่มีเทคนิคชั้นยอดและมีเซ้นส์บอลที่ทันกันอย่างมาก เมื่อนำสองปัจจัยมารวมกันจึงก่อให้เกิดสไตล์การเล่นที่เน้นการครอบครองบอลด้วยการเคลื่อนที่อย่างอิสระผนวกกับการต่อบอลสร้างสรรค์เกมที่สวยงามราวกับศิลปะ อีกทั้งยังคิดค้นแผนการเล่นใหม่ที่สวมกับสไตล์การเล่นนี้อย่าง 4-3-3 ขึ้น แต่ 4-3-3 ในตอนนั้นแตกต่างจากปัจจุบันอยู่นิดหน่อยตรงที่มีการใช้กองหลังบทบาท Libero ด้วย
4-3-3 ของอาแจกซ์ และการสลับตำแหน่งไม่ตายตัว
ในช่วงเวลานั้นที่ปรัชญาฟุตบอลเน้นเกมรับ Catenaccio ยังคงครองความยิ่งใหญ่อยู่อย่างต่อเนื่อง มิเชลส์ได้นำปรัชญา Total Football เวอร์ชั่นสมบูรณ์ พาอาแจกซ์เถลิงแชมป์ยุโรปได้สำเร็จในฤดูกาล 1970-71 ที่นำทัพโดยโยฮัน ครัฟฟ์ ที่กลายเป็นสุดยอดผู้เล่นไปแล้วในตอนนั้น ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณเตือนอย่างชัดเจนไปสู่ทีมที่ใช้ปรัชญา Catenaccio ทั้งหลายว่าพวกเขาพร้อมที่จะขึ้นมาท้าทายบัลลังก์อย่างเต็มตัวแล้ว
นัดชิงชนะเลิศถ้วยยุโรปในฤดูกาล 1970-71
ยอดกุนซือและยอดผู้เล่นกับสุดยอดถ้วยรางวัล
หลังจากนั้นในปีถัดมา มิเชลส์ได้ย้ายไปเผยแพร่ปรัชญานี้ที่บาร์เซโลน่า สโมสรฟุตบอลจากสเปน ส่วนทางอาแจกซ์ถึงแม้จะเสียสุดยอดปรมาจารย์อย่างมิเชลส์ไปก็ตามแต่ด้วยขุมกำลังที่แข็งแกร่งอยู่แล้วบวกกับกุนซือที่เข้ามาใหม่อย่าง สเตฟาน โควักส์ ซึ่งเขาได้เลือกที่จะสืบทอดเจตนารมณ์ของมิเชลส์ต่อไป จึงทำให้อาแจกซ์ของโควักส์สามารถคว้าแชมป์ยุโรปได้ทันทีในปีแรกที่เข้ามาคุมและกวาดแชมป์ยุโรปต่อไปอีกเป็นสองสมัยได้แก่ฤดูกาล 1971-72 และ 1972-73
แผนการเล่นของอาแจกซ์แชมป์สามสมัยแห่งยุโรป
ขุนพลชุดครองยุโรปของอาแจกซ์
ซึ่งสองฤดูกาลนั้นไฮไลท์สำคัญอยู่ที่การพบกันระหว่างสองขั้วอำนาจที่มีความเชื่อในปรัชญาที่เปรียบดั่งเส้นขนานที่มิอาจมาบรรจบกันได้โดยอาแจกซ์ตัวแทนฝั่ง Total Football และ อินเตอร์ มิลานกับยูเวนตุส ตัวแทนฝั่ง Catenaccio
โดยผลในฤดูกาล 1971-72 เป็นอาแจกซ์สามารถคว้าชัยเหนืออินเตอร์ไปได้ 2-0
และในฤดูกาล 1972-73 ก็เป็นอาแจกซ์อีกครั้งที่เฉือนชนะยูเวนตุสไป 1-0
สาเหตุมาจากระบบและโครงสร้างของ Total Football นั้นเป็นสิ่งที่ฟุตบอล Catenaccio นั้นแพ้ทางอย่างมาก ด้วยการเล่นที่ผู้เล่นสามารถสลับสับเปลี่ยนไม่มีตำแหน่งตายตัวอยู่ตลอดเวลานั้นทำให้เกมรับแบบ Man Marking ของ Catenaccio ถึงกับต้องพังทลายลง จึงทำให้อาแจกซ์ในยุคนั้นสามารถขึ้นเป็นมหาอำนาจของยุโรปด้วยการคว้าแชมป์ยุโรปติดต่อกันถึงสามปีซ้อนและในที่สุดปรัชญามหาอุด Catenaccio ก็ได้ถูกโค่นลงจากบัลลังก์อย่างสมบูรณ์และถูกแทนที่โดยTotal Football ปรัชญาสายบุกที่มีการเล่นที่สวยงามดั่งชิ้นงานของศิลปิน
อาแจกซ์นำปรัชญา Total Football ครองความยิ่งใหญ่
ซึ่งนั่นส่งผลทำให้หลายต่อหลายทีมหันมาเล่นสไตล์นี้กันยกใหญ่โดยเฉพาะทีมใหญ่ที่มีผู้เล่นพรสวรรค์สูงหลายคนที่มีเซ้นส์บอลทันกันอาธิเช่น บาเยิร์น มิวนิค สโมสรจากเยอรมันที่นำทีมโดยฟร้านซ์ เบ็คเคนเบาเออร์, แกร์ด มุลเลอร์ และ อูลี่ เฮอเนส และ ลิเวอร์พูล สโมสรจากอังกฤษที่นำโดยเควิน คีแกน, เคนนี่ ดัลกลิช, เอียน รัช, แกรม ซูเนสส์ และ อลัน แฮนเซ่น
ทั้งสองทีมต่างนำTotal Football มาประยุกษ์ใช้ผสมกับสไตล์การเล่นดั้งเดิมของพวกเขาจนสามารถขึ้นมาเป็นมหาอำนาจของยุโรปแทนที่อาแจกซ์ได้ในทันทีทันใดโดยบาเยิร์นสามารถกวาดแชมป์ยุโรปไปสามสมัยติดต่อกันถัดจากอาแจกซ์ในฤดูกาล 1973-74, 1974-75 และ 1975-76 ตามมาโดยลิเวอร์พูลที่สามารถคว้าแชมป์ยุโรปได้ถึงสี่สมัยในฤดูกาล 1976-77, 1977-78, 1980-81 และ 1983-84 ซึ่งความสำเร็จทั้งหมดล้วนมาจากปรัชญา Total Football ทั้งสิ้น
บาเยิร์น มิวนิคตามรอยอาแจกซ์
ลิเวอร์พูลตามรอยบาเยิร์นเช่นกัน
ด้วยการมาถึงของปรัชญาฟุตบอลสายศิลปิน Total Football นั้นมอบอะไรหลายต่อหลายอย่างแก่ฟุตบอลอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแผนการเล่น 4-3-3, การเพรซซิ่งแย่งลูกคืนมา, การหมุนตำแหน่งไปมาไม่ตายตัว และ การค่อยๆต่อบอลสร้างสรรค์เกมที่สวยงามราวกับศิลปะ ซึ่งล้วนเป็นสิ่งใหม่ๆที่จะนำพาฟุตบอลก้าวไปอีกระดับ ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยหรือแปลกใจเลยว่าปรัชญาที่ปรมาจารย์อย่าง ไรนุส มิเชลส์ สามารถขัดเกลาจนสมบูรณ์นั้นจะถือเป็นหนึ่งในสไตล์การเล่นที่มีชื่อเสียงและทรงอิทธิพลอย่างมากต่อวงการฟุตบอลจวบจนทุกวันนี้
ไรนุส มิเชลส์ ปรมาจารย์แห่งปรัชญา Total Football
(สามารถอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับCatenaccio ปรัชญามหาอำนาจแห่งทศวรรษ1960 ก่อนปรัชญา Total Football จะมาถึงได้ที่ https://www.blockdit.com/articles/5ea02499b8fbd952566f271e/# )
โฆษณา