29 เม.ย. 2020 เวลา 14:23 • ท่องเที่ยว
ภูฎาน หลังม่านหิมาลัย
EP.12 ดั้นเมฆ
บนลานระเบียงโรงแรมเปียกชื้นไปด้วยหยาดฝนที่ตกหนักเมื่อคืน เรากำลังรอเยชิ และชาร์โดว์ ที่กำลังมารับไปเมืองพูนาคา สัมภาระทุกอย่างถูกขนลงมาจากห้องพักหมดแล้ว เป็นการย้ายที่พักครั้งแรกนับแต่มาถึง คืนนี้เราจะไปนอนค้างที่โน่น
ทิวทัศน์ยามเช้าหน้าโรงแรม Galingkha
เมืองพูนาคาเป็นเมืองหลวงเก่าของภูฎาน ตั้งอยู่ตอนใต้ของประเทศติดกับเมืองวังดี ทริปคราวที่แล้วคณะเราเดินทางไปไม่ถึงเมืองพูนาคาเพราะเป็นช่วงที่กำลังปรับปรุงถนนสายทิมพู-พูนาคาอยู่ ไม่เหมาะกับการไปติดแหง็กอยู่บนถนนหลาย ๆ ชั่วโมง โปรแกรมนั้นจึงถูกยกเลิกไป คราวนี้เราจึงไม่พลาดการไปเยือนเมืองที่ได้ชื่อว่า มีป้อมปราการที่สวยที่สุดในภูฎาน
เยชิและชาร์โดว์มาตรงเวลาเผง กระเป๋าบางส่วนถูกบริกรโรงแรมนำกลับไปเก็บไว้ เราได้แต่ร้อง อ้าว! แล้วเปลี่ยนเป็น อ๋อ! แทบทันทีเมื่อสองหนุ่มบอกว่า วันพรุ่งนี้กลับมาพักที่เดิม
ถนนออกจากทิมพูตรงไปพูนาคา
จากทิมพูไปพูนาคามีระยะทางประมาณ 71 กิโลเมตร ถ้าเป็นเส้นทางราบคงใช้เวลาไม่นาน แต่ที่นี่ 71 กิโลเมตรที่ว่านั้นเป็นเส้นทางข้ามภูเขาหลาย ๆ ลูกเลียบไปตามหุบเหวลึก ต้องใช้เวลาร่วม 3 ชั่วโมง ฝีมือการขับรถของเยชินุ่มนวลสมบุคลิก ถนนลาดยางมะตอยที่วกวนไปตามไหล่เขาไต่ระดับสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ
รถบรรทุกพบได้ตลอดเส้นทาง
ถนนหลายช่วงยังขรุขระและกำลังขยายผิวถนนให้กว้างขึ้นด้วยแรงงานที่หน้าตาบ่งบอกว่า เป็นชาวอินเดียมากกว่าชาวภูฏาน เทคนิคในการสร้างถนนบนภูเขาคือ การสร้างกรงตาข่ายขนาดใหญ่ด้วยเหล็กเส้น บรรจุก้อนหินให้เต็มแล้ววางไว้ตามผนังของถนน ทุกอย่างนี้ทำด้วยแรงคนล้วน ๆ นับว่า เส้นทางที่คดเคี้ยวบนยอดเขาหิมาลัยนี้สำเร็จได้ด้วยแรงงานที่ส่วนใหญ่มาจากอินเดีย
คนงานกำลังขยายถนนและหน้าตารถบรรทุกภูฏาน
เรานั่งรถฝ่าหมอกหลังฝนไต่เขาสลับซับซ้อนสูงขึ้นลูกแล้วลูกเล่า เมื่อมองลงมาเห็นถนนเป็นเหมือนเชือกเส้นใหญ่ขดไปมาหลายทบ เช้าหลังฝนเต็มไปด้วยหมอกลอยฟ่อง เส้นทางบนเขาสูงจึงมีทัศนวิสัยที่มองไปได้ไกลไม่เกิน 20 เมตร
ฝนที่ชุ่มฉ่ำกับอากาศหน้าร้อนทำให้ดอกไม้ป่าข้างทางผลิบานเหลืองอร่ามเป็นช่วง ๆ ถนนบางช่วงกลายเป็นดินโคลน
ดอกไม้ป่าเหลืองอร่ามขึ้นเป็นดงอยู่ทั่วไป
สิ่งที่กวนใจขณะนั่งรถตลอดเส้นทางไม่ใช่อาการเมารถหรือแพ้ความสูงแต่เป็นควันดำโขมงจากรถบรรทุกขณะเร่งเครื่องเปลี่ยนเกียร์ตามระดับความลาดชันของถนนทุกระยะ 10 เมตรเสียมากกว่า ฉันอดเป็นห่วงไม่ได้ว่า หากมีรถมากกว่าที่เป็นอยู่มลพิษจากท่อไอเสียจะเป็นปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งที่เมืองกลางหุบเขาจะต้องหาวิธีรับมือ
ภูฏานกับอินเดียต่างพึ่งพากันทางเศรษฐกิจ เครื่องอุปโภคบริโภคนานาชนิดนอกจากถูกนำเข้าจากไทยแล้ว อินเดียก็เป็นทางเลือกหนึ่งของชาวภูฏาน ในขณะภูฎานเองก็มีสินค้าชั้นดีขายให้พี่ใหญ่อย่างอินเดีย สิ่งนั้นคือ ไฟฟ้าพลังน้ำนั่นเอง
การนำเข้ารถยนต์จากอินเดียรัฐบาลเรียกเก็บภาษีที่แพงมาก นี่คงเป็นมาตรการหนึ่งในการจำกัดยานพาหนะของภูฎาน
จุดพักรถโดชูลาในวันที่ปกคลุมด้วยเมฆ
สถูปองค์ใหญ่บนเนิน
จุดสูงสุดบนเส้นทางสายทิมพู-พูนาคาคือจุดชมวิวโดชูลา (Dochula Pass) หรือ 108 สถูป เป็นจุดชมวิวล้อมรอบไปด้วยภูเขาสวย ในวันที่อากาศแจ่มใสจะเห็นแนวเทือกเขาหิมาลัยได้อย่างชัดเจน ด้วยเหตุที่ตั้งอยู่บนความสูงระดับ 3,150 เมตรจากระดับน้ำทะเล ทำให้วันนี้อากาศทั่วบริเวณขาวโพลนไปด้วยละอองเมฆราวกับอยู่ในห้วงฝัน
เมฆลอยต่ำบดบังทัศนียภาพ
จับเมฆ
ชาว์โดร์ให้เวลาเราเพียง 10 นาทีสำหรับการแวะถ่ายรูป เรารีบเดินมุ่งไปบนเนินสูงสุดที่มีสถูปขนาดใหญ่ทรงสี่เหลี่ยม หลังคาครอบแบบภูฏาน โดยไม่สนใจสถูปขนาดเล็กๆ 108 ตรงทางขึ้น ที่นี่ถูกสร้างขึ้นตามพระราชดำริของ Her Majesty Ashi Dorji Wangmo Wangchuck เพื่อไว้เป็นอนุสรณ์สถานรำลึกถึงทหารที่เสียชีวิตในสงครามระหว่างภูฎานกับกลุ่มกบฏอินเดียเมื่อปี ค.ศ.2003 ( พ.ศ.2546) จึงได้ขนานนามที่นี่ว่า เป็นสถูปแห่งชัยชนะ
บนเนินเขาที่ประดิษฐ์สถานสถูปองค์ใหญ่เป็นลานกว้าง นับว่าเป็นโชคดีที่เรามาในขณะที่กลุ่มเมฆยังลอยเรี่ยพื้น ภูมิประเทศรอบโดชูลาไม่อาจสังเกตได้เลยว่า เป็นอย่างไรในเมื่อทั่วบริเวณขาวโพลนไปหมด วันนี้ถึงจะไม่เห็นยอดเขาเอเวอร์เรตก็ไม่น่าเสียดาย โอกาสที่จะได้แตะก้อนเมฆเช่นนี้หาได้ยาก
หลังคาสถูปแบบครอบทรงภูฎาน
ลวดลายชายคาสถูปสวยงามมาก
ชาวภูฎานมีความเชื่อว่า 108 สถูปจะช่วยปกป้องคุ้มครองผู้ที่เดินทางผ่านไปมาให้ปลอดภัย รอบๆ บริเวณจุดชมวิวจึงประดับด้วยธงมนต์หลากสีเพื่อบูชาเทพเจ้าแห่งป่าเขาให้ปัดเป่าความชั่วร้าย คนผ่านทางจึงนิยมแวะพักและทำทักษิณาวรรตรอบสถูปก่อนเดินทางต่อ เราไม่ได้เดินทักษิณาวรรตแต่เยชิขับรถวนรอบโดชูลาเสียหนึ่งรอบตามธรรมเนียม.....ความคิดดีจริง ๆ
108 สถูป ในวันที่อากาศแจ่มใส (ภาพจาก https://www.drukasia.co.th/ )
ติดตามตอนต่อไป
EP.13 บนเส้นทางสู่พูนาคา

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา