7 พ.ค. 2020 เวลา 05:14 • ไลฟ์สไตล์
อาร์เมเนียไม่เพลียเลย (1): Been there,Done that
ด้วยเห็นว่าอาร์เมเนียนั้นมันอยู่ใกล้กันกับจอร์เจีย แล้วเราสามารถขอวีซ่าออนไลน์ได้ ราคาวีซ่าก็เพียงแค่ 6เหรียญ รวมค่าดำเนินการอีก 1 เหรียญเป็น 7 เหรียญสหรัฐฯ จ่ายผ่าน penpal หรือบัตรเครดิตได้ ใช้เวลาแค่ 2 วันก็อนุมัติ เมื่อทุกอย่างดํไม่ยากเย็นก็เลยคิดว่าไหนๆก็มาแล้ว ก็ไปอาร์เมเนียสักนิดก็น่าจะดี หลังจากอยู่ในจอร์เจียมา 4-5วัน ก็เลยไปเที่ยวอาร์เมเนียกันสักหน่อย และแล้วเราก็ใช้บริการจาก " จอร์จี้" โชเฟอร์คนเดิมเจ้าเก่าให้ไปส่งที่เยรวาน เมืองหลวงของ อาร์เมเนีย ( บรรยากาศและเรื่องเล่าระหว่างทางจะเล่าในตอนต่อไป)
เมื่อวาน 26 เมษา เดินทางมาทั้งวัน วันนี้กินหารเช้าเสร็จก็ เกือบจะเที่ยงอยู่แล้ว ว่าแล้วก็มาเดินเล่นชิลล์ ใน park ชื่อ Circular Park ว่าแล้วขอหาสแน็คมานั่งกินเล่นๆ เสร็จแล้วมานั่งร้านกาแฟ อ้อยอิ่งกันไป ใน park วันหยุดมีคนแก่ๆมานั่งเล่น chess และมีเด็กๆมาทำกิจกรรม มีครอบครัวมาพักผ่อนกัน แต่ก็มีคุณป้ามาขอเงินและอาหารด้วย
วันเสาร์ 27 เมษายน เห็นคนที่ Yerevan (เยรวาน) เมืองหลวงของอาร์เมเนียเดินถือดอกไม้กันเต็มไปหมด สงสัยๆ แต่คุยกับใครก็ไม่รู้ว่าเป็นโอกาสอะไร จนกระทั่งเจอครอบครัวหนึ่งทีมีเด็กหนุ่มสาวรวมอยู่ด้วย พี่ชายเรียนมหาวิทยาลัยปี 1 น้องสาวคนสวยอยู่ม.ปลายแต่พูดภาษาอังกฤษได้ดีกว่าพี่ชายหน่อยๆ (พี่ชายสื่อสารได้เล็กน้อย) มาช่วยไขข้อข้องใจว่าวันนี้ คือวัน Citizen Day และมีการเฉลิมฉลองโดยการให้ดอกไม้แก่กัน
กลับมา search ดูก็เพิ่งรู้ว่านี่เป็นวันหยุดใหม่ล่าสุดที่รัฐบาลเพิ่งประกาศเมื่อต้นเดือนนี้เองว่า ทุกวันที่ 27เมษายนจะเป็น Citizen's Day เป็นNational Holiday เพื่อรำลึกถึงวันที่ประชาชนสามารถประท้วงขับไล่นายกรัฐมนตรี Serze Sakisain ผู้ครองอำนาจอันยาวนาน (2008-2018) ออกไปได้ ตอนเย็นๆคนก็มาเฉลิมฉลองกันที่ Republic Square โดยมีเรา(ผู้ไม่เกี่ยว) ร่วมเป็นสักขีพยาน เพราะไปเดินเล่นแถวนั้นพอดี มีคลิปเด็กๆมาเต้นระบำแบบไม่ได้เตี๊ยมกันตรงที่มีคนเล่นดนตรี
คลิปเด็กน้อยได้ยินเสียงดนตรีก็ลุกขึ้นเต้นกันอย่างวบายใจ
แต่มาที่นี่แล้วสิ่งที่ไม่ควรพลาดเราจะมีอะไนบ้างนะ อย่างแรกคือเราต้องไปตลาดกันสิ ที่นี่มคนแนะนำว่าในวันเสาร์วันอาทิตย์จะมีตลาดชื่อ Vernisage มีคนเอาสินค้านานามาจำหน่าย เอาละว่าแล้วก็ต้องไปกัน เดินดูแล้วอารมณ์เดียวๆกับเดินเจเจหรือตลาดนัดจตุจักร หรือถนนคนเดินบางที่ของเรา ผู้คนก็จะนำสินค้าหลากหลายมาจำหน่ายกัน อยากซื้อพวกงาน Arts &Crafนt หรือของเก่า สินค้าพื้นเมือง ทั้งทำมือหรือเครื่องจักร ทั้งของเก่าของใหม่ ก็มาได้ที่นี่ หนังสือเก่าๆก็มาซื้อมาหากันได้ สุดตลาดก็เป็นโบสถ์สำคัญประจำเมือง คนก็มานั่งพักผ่อนหย่อนใจกัน สินค้าที่ตลาดนี้ ต่อรองราคาได้ลดให้ได้ประมาณ 10-20% ประมาณนี้ แต่เดินกันเพลินมาก หมดช่วงเช้าไปครึ่งวัน
ตอนบ่ายก็เพิ่งจะได้ชมเมือง ทีนี่ถูกเรียกว่า Pink City ก็ลองไปชมดูกันหน่อยว่า Pink อย่างไร ไปหาข้อมูลมาก็พบว่าเพราะเดิมทีเดียวตึกรามบ้านช่องสร้างจากหินที่มีสีออกชมพูๆ (จริงๆเป็นสีกะปิ) ตึกส่วนใหญ่เคยมีนั้น ตอนนี้บางจุดเราก็ยังเห็นสีนั้นๆอยู่บ้าง แต่ในส่วนที่เป็นยุครัสเซียก็จะต่างออกไป ภาพในนี้ส่วนใหญ่เป็นยุครัสเซียก็เป็นแท่งๆหน่อย
การไปตลาดเจเจในเยรวานยังไม่ fullfil การเที่ยวตลาดของเราเพราะอยากไว้ชีวิตจริงของคนท้องถิ่นต้องไปตลาดสด หรือตลาดที่มีผักปลาพลสินค้าเกษตรจำหน่าย แล้วในวันรุ่งขึ้นเราก็ไปตลาดกัน ชื่อวำตลาดกุม Gumi Shuka หรือ Gum Market เปิดตั้งแต่9: 00 จนถึง 19: 00 เป็นตลาดสินค้าที่เกษตรกร นำสินค้ามาวางจำหน่าย พืชผักทั้งหลายหาได้ทีนี้ แต่ก็มีป้าๆยายๆมานั่งขายริมถนนก็มีเหมือนกัน ส่วนไก่นั้น เอามาตัวเป็นๆใครใคร่ได้ก็มาซื้อไป เดินผ่านมาบางตัวกำลังขันอยู่ ก็ภาวนาว่าตัวไหนลูกเลือกไปในวันนี้ขอให้ไปเกิดในภพภูมิที่ดีขึ้นก็แล้วกันนะ
ด้านบนของตลาดมีห้าของเครื่องครัวเครื่องใช้ต่างๆวางจำหน่าย มันก็น่าแปลกใจตรงที่ว่า บางทีสิ่งของบางอย่างก็ดึงดูดใจให้เราอยากได้มาโดยไม่รู้ตัว ในขณะที่กำลังเดินอยู่ในเยราวาน ในส่วนที่ขายของกระจุกจิกเหมือนของในตลาดนัดที่เราพบเห็นได้ทั่วไป ไม่มีอะไรน่าซื้อหา... แต่สายตาก็พลันไปสะดุดเอาครกโลหะสีเงินชิ้นนี้เข้า แม้ช่วงหลังจะทำกับข้าวเองบ่อยๆแต่ในใจไม่คิดว่าจะเอาครกนี้มาใช้สำหรับทำกับข้าวหรอกแต่กลับคิดไปว่า น่าจะมาใช้ตำพวกเครื่องยาสมุนไพร ทั้งๆที่ไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องมาใช้สมุนไพรตอนไหน แต่ใจก็คิดอยากได้ครกนี้ ซื้อมาพร้อมกับการแซวๆของเพื่อนร่วมทริปว่า "เธอเดินแบกครกไปมาอยู่ทั้งวัน" แต่พอกลับมา แล้วไปเรียนการรักษาตามวิชาหมอเมือง ได้รู้จักและเห็นสมุนไพรมากมาย แม้ในช่วงที่เรียนนั้นจะมีแค่การหั่นการฝนและปั่น แต่ถึงตอนนี้ก็นึกออกแล้วว่าทำไปถึงอยากได้ครกนี้นักและทำไมใจคิดถึงแต่เรื่องสมุนไพรในตอนซื้อครก และแล้วของที่ระลึกชั้นสำคัญจากอาร์เมเนียที่ได้มาคือครกนั่นเอง
และแล้ว สุดท้ายที่ Cascade
มาถึงเยรวานทั้งที่ถ้าไม่มาจุดนี้อันเป็นlandmarkของเมืองเดี๋ยวจะกลายเป็นว่ายังมาไม่ถึง นั่นคือ Yeravan Cascade สิ่งก่อสร้างที่เป็น ขั้นบันไดสูง 572 ขั้น บริเวณโดยรอบนั้นตั้งใจให้เป็นย์ศิลปะ ประเภทประติมากรรม ต่างๆ รวมทั้งมีอนุสาวรีย์อยู่ต่างๆอยู่ด้วย และเป็นสวนสาธารณะไปด้วยในตัว เป็นสิ่งก่อสร้างในยุคโซเวียต ตอนเย็นๆก็มีมีดนตรีหรือการแสดงบนเวทีด้วย และที่สำคัญคือถ้าเราจะเรียกว่าตัวเองว่าไปถึง Cascade แล้วต้องเดินขึ้นไปให้ถึงด้านบนสุดด้วยที่ทำให้เราสามารถมองเห็นวิวเยราวานได้แบบพาโนรามา และแล้ววันนั้น เราก็พิชิต Cascade ได้สำเร็จ แต่ว่า ระหว่างไปเที่ยวชม Cascade อยู่นั้น บังเอิญฝนได้ตกลงมา จึงวิ่งไปหาที่หลบฝนในร้านอาหารร้านหนึ่ง ว่าแล้วก็สั่ง lamb chop โมร็อคโค สไตล์ พร้อมไวน์แดง 1 แก้วมาช่วยทำให้เนื้อแกะ 2 ชิ้นรสชาติดีมากเลยทีเดียว จุดนี้คือแหล่งท่องเที่ยวอาหารจึง suppose ที่จะแพงกว่าย่านอื่นนิดหน่อย เมื่อคิดเงินมื้อนี้ตก 6พันกว่าๆดราม จ่ายไปด้วยบัตรเครดิต และวันนี้บิลเรียกเก็บเงินมาถึงแล้ว แปลงเป็นเงินไทยแล้ว 447 บาท ...จะว่าไปก็ถูกกว่าแถวสุขุมวิทนะ
สุดท้ายก่อนจากไหนๆก็พูดเรื่องอาหาร ก็พูดถึงเรื่องอาหารต่อเลยละกัน อาหารเช้าส่วนใหญ่ ที่ Guest house จัดให้ ทุกๆมื้อจะมีแแ้งที่คล้ายๆโรตีมาให้พร้อมสลัด ส่วนอีกจานหนึ่งจะเปลี่ยนไปสำหรับจานนี้เป็นอาหารเช้ามื้อสุดท้ายที่รับประทานที่นั่น เป็นเส้นพาสต้าเส้นจิ๋วจัดๆมาผัดคล้ายๆผัดซีอิ๊ว และกินกับหมูผสมมันบด ส่วนอาหารกลางวันก็แล้วแต่เจอร้านน่านั่งก็จัดไป ก็มีบางมื้อที่กินในร้านเก๋ๆกันบ้างและกินกันแบบครบสูตรมี appertizer มีเมนคอร์สอ่ะนะ เครื่องดื่มยอดนิยม ไม่ไวน์ก็เบียร์กันน่ะ แต่ถ้าในซุปเปอร์มาเก็ต แผนกเครื่องดื่มเต็มไปด้วยเครื่องดื่มแอลกอกอล์ชนิดและราคาเท่ากับหรือถูกกว่า duty free ด้วยซ้ำ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา