9 พ.ค. 2020 เวลา 23:00 • การศึกษา
เมื่อถ้ำมอง ไม่ต้องแอบอีกต่อไป
1
ถ้ำมอง ไม่ใช่อาการทางจิตครับ คุณหมอผู้ชาย สายจิตเวชท่านกล่าวไว้ เพราะมันเป็นสัญชาตญาณความเป็นชาย ที่มีมาตั้งแต่กำเนิด หากใครไม่มี นี่สิ ถือว่าไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ แต่ถ้ำมองที่จะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ ถือว่าวิตถาร อยู่พอสมควรครับ เพราะมัน ไม่น่าจะใช่ สิ่งที่คนทั่วไป เค้าทำกัน
ทำไมบรรดาหนุ่ม ๆ ถึงชอบถ้ำมอง ยังเป็นคำถามที่ตอบยาก เพราะมันอาจฝังอยู่ในเส้นเลือด แล้วถ้ำมองถือเป็นอาการ วิตถารหรือเปล่า อันนี้ยิ่งตอบยากเข้าไปใหญ่ .. ขอถามกลับว่าผู้ชายคนไหน ไม่ชอบถ้ำมองบ้าง โปรดยกมือขึ้น .. ห้ามพูดปดนะ
เริ่มกันที่คำนี้ก่อนครับ Dogging ออกเสียงว่า "ด็อกกิ้ง" แต่ไม่ได้เกี่ยวกับ "แรงค์กิ้ง"นะ เพราะมันคนละอย่างกัน และไม่เหมือนกับ Doggy ด้วย ซึ่งด็อกกี้ หมายถึงท่วงท่าหนึ่ง ในปฏิบัติการณ์ สะท้านสวรรค์
Dogging หมายถึง กลุ่มผู้มีความชอบลักษณะหนึ่ง ซึ่งบ้านเรา แทนคนเหล่านี้ว่า "พวกถ้ำมอง" คนพวกนี้ไม่ได้ไปมองในถ้ำแน่นอน เพราะในนั้นคงมีแต่ค้างคาว แต่กลุ่มนี้คือคน ที่หลงไหล ในการแอบดูคู่รัก ต๊ะติงโหน่งกัน รวมถึงคู่รัก ที่ทำกิจกรรม ก็จัดอยู่ในกลุ่มนี้ด้วยนะ
ส่วน Dogger จะแยกออกมาอีกที อันนี้หมายความตรงตัว คือ "พวกถ้ำมอง" หรือจำเพาะเจาะจงไปที่ ผู้ที่อยากได้ ใคร่รู้ถึงกิจกรรมหวาดเสียว โดยมีอีกคำ ที่มักใช้แทนคนเหล่านี้ คือ Watcher (วอชเชอร์) ที่กำลังเฝ้ามอง Player.(เพลเยอร์) อยู่นั่นเอง
อย่าพึ่งสงสัย ว่ามันวิตถารตรงไหน หนุ่ม ๆ ที่ไหน ก็เป็นกันเกือบทั้งนั้น .. อยากจะบอกว่า Dogging ที่ระบาดหนักในอังกฤษ และยุโรป หรืออาจจะแฝงอยู่ทั่ว ทุกมุมโลก คือการยินยอม พร้อมใจให้แอบดู โดนแอบดูแล้วมันเร้าใจขึ้น ว่างั้น
เหล่าด็อกกิ้งส่วนใหญ่ จะใช้รถเป็นพื้นที่ปฏิบัติการ โดยมักจะไปจอดบริเวณลานจอดรถ สถานที่ท่องเที่ยว หรือไม่ก็สวนสาธารณะ ใช้เวลาช่วงพลบค่ำ ไปจนถึงตอนดึก เนื่องจากความมืดมิด สามารถอำพรางหลาย ๆ อย่างได้ดี
ก่อนหน้าที่ Dogging จะระบาด คนกลุ่มนี้เจริญรอยตามกระแสฮิตอย่าง Swingging ซึ่งก็คือ การสลับคู่ ชู้ชื่น อันเป็นกระแสที่ร้อนแรงไม่แพ้กัน ความนิยมของคนกลุ่มนี้ ปัจจุบันก็ยังมีพบเห็น อยู่ในสังคม มากน้อยคงไม่สามารถระบุได้ชัดเจน
แหล่งข่าวระบุว่า คนเหล่านี้ จะมีกลุ่มลับของตัวเอง เพื่อนัดแนะเวลา และสถานที่ รวมถึงโปรไฟล์คู่เอก มุมแดง และน้ำเงิน เพื่อเป็นการประหยัดเวลา และสร้างเป็นเป้าหมายที่ชัดเจน อีกทั้งง่ายต่อการติดตาม
แต่การที่ Dogger หรือ Watcher จะสามารถเข้าไปแอบดู ในระยะเผาขนได้นั้น จำเป็นต้องอาศัยสัญญาณ จากคู่มหาประลัยด้วย เพราะการจะเดิน ดุ่ม ๆ เข้าไปดู ค่อนข้างเสี่ยงต่อลูกปืน ที่อาจปลิวละล่อง ออกมาจากคนที่อยู่ภายในรถได้
หากคู่ไหน ต้องการผู้เข้าชม เค้าเหล่านั้น จะส่งสัญญาณ เปิดและปิดไฟส่งสว่างในรถ สองครั้ง .. อันนี้ ถือว่าเค้าอยากให้มีผู้เข้าชมละ ลดความเสี่ยงลงได้ระดับหนึ่ง แต่ก็ยังคงต้องระวังตัวไว้บ้าง เพราะบางที ก็อาจไม่ได้ตั้งใจให้สัญญาณ
การแตะเบรก เป็นจังหวะ ก็นับเป็นหนึ่ง ในการให้สัญญาณการเข้าชมครับ หลายคนที่ใจจด ใจจ่ออยู่กับไฟท้าย พอเห็นสัญญาณ อาจไม่ต้องรักษาระยะห่าง เท่าช่วงโควิดนี้ แต่ก็ไม่ควรเข้าใกล้เกินไป จะต้องอยู่ในนิยามของ Dogging หรือถ้ำมองครับ
ให้ไฟส่องสว่างเฉพาะจุด .. อันนี้ชัดเจน ไม่ต้องหมุนเสาครับ เพราะคู่รัก เปิดทางให้แน่นอน และยิ่งไปกว่านั้น ผลสำรวจ 20% ของ Dogger ถูกเชื้อเชิญ ให้เข้าไปร่วมใช้มือลูบไล้ เพิ่มแรงปราถนาได้ และอีก 5% สามารถร่วมปฏิบัติการได้ด้วย (โลกมันบ้า.. ไปแล้ว)
การกระทำเช่นนี้ ถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายอย่างแรง ในอังกฤษ จะถูกปรับแบบ Unlimited Fine หรือปรับแบบไม่จำกัด ส่วนโทษจำคุก จะโดนแบบ Unlimited Imprisonment หรือสั่งขัง แบบไม่จำกัดปี แต่ถามว่าวันนี้เกรงกลัวไหม บอกเลยว่าไหม้ เฮ้ย..!! ไม่
เหตุผลที่เค้าเหล่านี้ นิยมชมชอบเรื่องลักษณะนี้ เป็นเพราะความตื่นเต้น เร้าใจ ที่คงจะเกิดกับบุคลเฉพาะกลุ่ม จนเกิดเป็นการเสพติด หยุดไม่ได้และปราถนาอยู่ตลอดเวลา แน่นอนว่าช่วงเวลาหนึ่ง จะยิ่งต้องการเพิ่มขึ้น และมากขึ้นเรื่อย ๆ
1
Dogger ส่วนใหญ่นั้น จะเป็นผู้ชายครับ อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 30-50 ซึ่งคาดกันว่า คนเหล่านี้เกิดอาการเบื่อเซ็กส์แบบเดิม ๆ และต้องการเพิ่มแรงกระตุ้น เพิ่มความรู้สึกจากข้างใน จากสถานการณ์ที่ตื่นเต้น จนเกิดเป็นการรวมกลุ่มในที่สุด
บัซซ์ (ฺBuzz) และนิน่า (Nina) คือคู่เทพของอังกฤษ ที่โด่งดังจากภาระกิจดังกล่าว พวกเค้ามีกลุ่ม และสร้างเว็บไซต์เป็นของตัวเอง มีจำนวนผู้เข้าชมจำนวนมากในแต่ละวัน พร้อมกันนี้ เว็บไซต์ ยังมีพรีวิว บรรยากาศภายในรถให้ชมอีกด้วย .. แต่ชื่อเว็บ ไม่บอกนะครับ (เดี๋ยวเพจปลิว)
อ่านมาจนเกือบจบ หลายคนคงเริ่มสงสัย คำว่า Dogging เกี่ยวอะไรกับ ถ้ำเขานางนอน (ผิด ๆ .. คนละถ้ำ) เกี่ยวอะไรกับ ถ้ำมอง ทฤษฎีแรก บอกไว้ว่า อาจเป็นเพราะ สุนัขชอบดมกลิ่น แกะรอย คล้าย ๆ กับการแกะรอยไปเจอการละเล่น มอญไม่ซ่อนผ้า
อีกทฤษฎี ก็คือ เกิดจากการที่หนุ่ม ๆ พาสุนัขมาวิ่งเล่น จนเผลอทำสุนัขหลุดมือไป พอตามหาสุนัข เลยมาเจอการละเล่น ปิดตาตีหม้อ ดังกล่าว ไม่ว่าสุนัขจะหลุดเอง หรือเจ้าของตั้งใจปล่อยหลุดมา ก็ถือว่า วิน วินทั้งสองฝ่าย
ผู้เขียนไม่ทราบว่า เหตุการณ์ หรือรสนิยมประมาณนี้ มีเกิดขึ้นในบ้านเราหรือเปล่า หรือมีเพียงต่างประเทศเท่านั้น แต่จากที่บ้านเราเป็นเมืองพุทธ การถือปฏิบัติเช่นนี้ ในที่รโหฐาน หรือภายในเขตสาธารณะ คงเป็นความไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพียงแค่หวังว่า สยามประเทศ จะมีวัฒนธรรมอันดี กว่าประเทศอื่นครับ
หากข้อมูลผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ครับ
สัมผัสเบา ๆ จากปลายนิ้วท่าน สามารถให้กำลังใจผู้เขียนได้ง่าย ๆ
กดไลค์ = ชอบ
กดแชร์ = เห็นว่ามีประโยชน์
คอมเม้นต์ = เพื่อติชม และเป็นกำลังใจ
แหล่งข้อมูล ภาพ และสื่อประกอบ
หนังสือพิศวง โลกสยิว

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา