15 พ.ค. 2020 เวลา 03:11 • ไลฟ์สไตล์
ดึกแล้ว ไปต่อไหนกันดี
ผมสัญญาว่าตอนนี้ จะเป็นตอนสุดท้าย ที่จะเล่าเรื่องราว ชีวิตเด็กเสริฟของผม ด้วยเกรงว่าหลายท่านจะเบื่อเสียก่อน
หลังเลิกงาน บางวันพวกเราก็เริ่มเมานิดๆ แล้วพออาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็ต้องไปหาที่กินต่อ สมัยนั้น หรือ แม้แต่สมัยนี้ ร้านข้าวต้ม ก็เป็นจุดหมายปลายทางอีกแห่งของนักดื่ม ก่อนแยกย้ายในค่ำคืน มีคนสงสัยว่า อ้าว!! ก็กินมาเกือบทั้งคืนแล้ว ไม่อิ่มหรอ ผมตอบให้เลย “ยังไม่อิ่ม” เพราะการดื่ม และ คุยจะเยอะกว่ากิน ที่สำคัญ พอเมาได้ที่แล้ว กินก่อนนอนนั้นหลับสบายดีนักเล
พวกผมก็จะมีร้านข้าวต้มร้านประจำเช่นกัน อาหารไม่ค่อยหลาหลายนัก ส่วนใหญ่จะเป็นจำพวก ผัด ทอด ต้ม มีทั้งที่ทำไว้แล้วอย่าง ต้มจับฉ่าย หรือ จะชี้เอาแบบร้อนๆ ก็มีของสดไว้ให้ชี้ พร้อมมีพ่อครัว ผัดเตาฟู่ๆ อยู่หน้าร้านกันเลย
อีกเมนูยอดฮิดในยุคนั้นก็คือ “ผักบุ้งลอยฟ้า หรือ เหิรฟ้า” ผมเองก็ไม่ทราบความเป็นมาเช่นกัน แต่มันก็ คือ “ผักบุ้ง” นี่ล่ะ แต่ลีลาท่าทางนั้น แจ่มแมวมาก ลีลาโฉ่งเฉ่งกระทะไฟแดง สาดน้ำมันดังแซ่ๆ ผัดจนผักสะเด็ด แล้วก็โยนข้ามหัวให้คนรับ บางร้านใช้เครื่องดีด ดีดให้ผัดผักบุ้งลอยไป แล้วก็มีคนยืนรับ
บางที่เจ๋งกว่านั้นก็คือ ถีบจักรยานล้อเดียวรับ ก็สุดแล้วแต่จะทำ เพราะนั่นคือจุด add value หรือ เพิ่มมูลค่าของ ผัดผักบุ้งธรรมดาจาก จานละ 30 บ.ให้เป็นผัดผักบุ้งลอยฟ้าจานละ 100 บาทได้ แต่สำหรับพวกเรา สั่งแบบ 30 บาทพอ แล้วก็นั่งดู โต๊ะข้างๆ สั่ง กิจกรรมนี้ถือว่า เป็นที่ตื่นตา ตื่นใจ ของลูกค้ายิ่งนัก
บรรยกาศหลังเลิกงาน ที่ร้านข้าวต้มของเรา บางครั้งก็จะเจอ ลูกค้าที่เพิ่งเลิกออกมาพร้อมกันนั่นล่ะ บ่อยครั้งหากจำกันได้ ก็ร่วมวงกัน นานเสียจน เจ็กหวือ เจ้าของร้านทำทีมาเก็บโต๊ะ เพราะจะเช้าแล้ว
ในยุคนั้นนอกจาก ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง แล้วยังมีก็มีฝาแฝดอีกหนึ่งคู่ ที่ขอบอกเลยว่า ฮอตมากๆ คือ” ฝันดี-ฝันเด่น” นั่นเอง ตอนวัยรุ่นทั้งคู่หล่อไม่น้อยหน้าดาราชายคนไหนเลยละ
และ วันนี้เรามาย้อนฟังเพลงในอัลบั้มแรกของเค้า ปี 2537 กับเพลงนี้ “หมื่นคำลา” สวัสดีครับ
พิลา

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา