7 มิ.ย. 2020 เวลา 03:07 • ท่องเที่ยว
ประสบการณ์ 101 วันฟ้าหม่นฝนซาที่ ไต้หวัน
ตอนที่ 1 แช่น้ำร้อน 7 บ่อ แล้วถ่อไปกินข้าวต้มกบ
กลิ่นไอฝนลอยแตะจมูก รู้สึกดีจัง…
ในที่สุด การเดินทางอันยาวนานผ่านค่ำคืนอันเงียบสงบก็จบลง ผมได้ Landing แตะพื้นประเทศไต้หวันอย่างสงบสุข ง่วง และมึนงง หลังจากจัดแจงเรื่องการเข้าเมือง รับกระเป๋า ซื้อซิมการ์ด ซื้อบัตรเติมเงิน แถมท้ายด้วยลองชาเขียวสักขวดหนึ่งตรงเซเว่นทางออกเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางกันจริงๆ จังๆ สักที
ท่ารถหมายเลข 6 จุดเริ่มต้นการเดินทางของผมในครั้งนี้
การเดินทางเข้าเมือง ผมเลือกใช้บริการ รถบัส ด้วยความช่วยเหลือของเพื่อนผู้มาก่อนกาล ทำให้ผมผู้มาหลังกาลรู้ว่าจะต้องนั่งรถอะไร ไปลงที่สถานีไหนอย่างรวดเร็วทันใจ ระหว่างทาง มีสายฝนโปรยปรายเล็กน้อยเป็นการต้อนรับ บรรยากาศรอบตัวหนาวเย็น เป็นเวลายามสายที่สดชื่น แต่ในหัวกลับปวดตึบจากการนั่งเครื่องข้ามคืนมา เลยถือโอกาสที่ได้นั่งรถบัสสบายๆ ในครั้งนี้ หลับใส่ซะเลย
หลังถ่ายรูปเล่นได้ 5 นาที ผมก็หลับไป...
เหมือนเวลาเพิ่งผ่านไปเพียงนาฬิกาทรายร่วงหล่น ผมมาถึงสถานีรถใต้ดินที่ไม่รู้จัก แบกเป้ใบใหญ่ หาทางไปยังโฮสเทลที่พักที่จัดแจงจองไว้มาเนิ่นนาน ต้องบอกว่า โฮสเทลน่ารักมากครับ เป็นโฮสเทลที่สะดวกสบายในราคาแค่คืนละร้อยเท่านั้น ลักษณะเป็นห้องนอนรวมแบบมีม่านกั้น กึ่งๆ แคปซูล แต่ไม่ได้ล้ำอนาคตเหมือนกำลังนั่งยานอวกาศขนาดนั้น ขณะเดียวกัน ก็ไม่ได้เหมือนนอนในโลงศพแต่อย่างใดนะครับ ห้องน้ำสะอาด รสชาติอร่อย ซะที่ไหนกันหล่ะ?!?
ท้องกำลังร้องโครกครากตอนที่เก็บกระเป๋าเสร็จ ผมกับเพื่อนๆ เลยตัดสินใจไปทานอาหารกันก่อน เพื่อนสองคนจัดการอาหารเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่เพียงผมเท่านั้น โชคดีมากๆ ที่โฮสเทลที่เราพักอยู่ แถมอาหารเช้าเป็นคูปองมาให้ด้วย ถูกและดีมีอยู่จริงครับ เพื่อนนักกล้ามอิ่มจากเวย์โปรตีนที่เอามาเอง เลยยกคูปองอาหารเช้าให้เป็นหน้าที่ของผม คูปองใช้ได้กับร้านอาหารที่เป็นพาร์ทเนอร์กับโฮสเทล มีตั้งแต่ ร้านอาหาร Local ไปจนถึง McDonald และ Subway ครับ ด้วยความอยากกินมื้อหนักให้แน่นเต็มพร้อมรับการเดินทางในวันนี้ ผมเลือกกินแซนวิชจาก Subway เติมเต็มความอ่อนล้าจากการเฝ้าประตูฉุกเฉินบนเครื่องได้เป็นอย่างดี
ชานมเลื่องชื่อลือชา
เป้าหมายแรกของผม เป็นอะไรที่ใครๆ ก็ดูออก ไต้หวันมันดังเรื่องอะไรกันนะ ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก จะใบ้ให้อีกนิดครับ กลมๆ ดำๆ ใช่ลูกนิมิตรึเปล่านะ? ใช่แล้วครับ มันคือการเดินทางไปรับประทานชานมลูกนิมิต เอ้ย ชานมไข่มด เอ้ย ชานมไข่มุก เอ้ย ถูกแล้ว (ขอโทษที่อดเล่นมุกนี้ไม่ได้ครับ ฮ่าๆ ) ร้านชานมไข่มุกที่ว่านั่นก็คือที่ร้าน Chun Shui Tang นั่นเอง ชานมที่นี่มุกหนึบมากครับ ขอจบการรีวิว ฮ๋าๆ คือผมอดไม่ไหวที่จะแนะนำอาหารที่อร่อยกว่า อย่าง Turnip Cake มากกว่าครับ เป็นของดีที่อร่อยมาก หัว Turnip ทอดกรอบที่โบกแป้งบางๆ ก่อนนำลงทอด สะเด็ดน้ำมันจนแห้งดี แล้วนำขึ้นจัดบนจาน รสชาติความกรอบนอก นุ่มนิ่มข้างใน เหมือนกำลังนั่งอยู่ในบ้านที่อบอุ่น เป็นอาหารที่แปลกและประทับใจผมมากที่สุด ในการมาไต้หวันในครั้งนี้แล้ว ก็ว่าได้ครับ
Turnip Cake ที่รสชาติยังติดอยู่ในใจเสมอ
หลังมื้ออาหารอันแสนวิเศษที่ไม่รู้ว่าเป็นมื้ออะไร (ก็ในเมื่อก่อนหน้านั้น 30 นาทีผมเพิ่งยัดแซนวิช Subway ชิ้นใหญ่โตมโหฬารลงท้องไป) พวกเราสามคนก็เดินสำรวจบริเวณโดยรอบ เราได้เดินเข้าไปดูร้านหนังสือภาษาจีนล้วน ที่มีหนังสือมากมาย แต่ผมกลับไม่สามารถจะอ่านอะไรได้เลย เพื่อนนักกล้ามผู้อ่านภาษาจีนออก ได้หนังสือมาเล่มหนึ่ง มันถูกห่อไว้ในซองสวยงามอย่างดี เป็นการบรรจุหีบห่อหนังสือที่น่ารักและดูดีมากทีเดียวครับ
อาคารสถานปัตยกรรมใกล้มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งของไต้หวัน
หีบห่อที่ใช้ของการห่อหนังสือ
เนื่องจากว่า เราไม่มีไอเดียใดใดกันเลย เพราะแทบไม่ได้วางแผนกันมา คือถึงแม้จะวางมาอย่างคร่าวมากๆ แผนก็ดันมาพังเพราะการเดินทางที่ผิดพลาดของผมเองนั่นแหละ จนกระทั่งเพื่อนนักกล้ามโพล่งขึ้นมาว่า “ไปแช่ออนเซ็นกันมั้ย”
Bei Tou ในวันที่ฟ้าสีเทา
เป็นอะไรที่พวกเราคาดกันไม่ถึงนัก แต่ก็นั่นแหละ อะไรที่มันแปลกใหม่ เราก็พร้อมจะพุ่งเข้าหาเสมอ เป้าหมายถัดไปของเราก็เลยเป็นการเดินทางไป Bei Tou ครับ ดินแดนน้ำพุร้อน อ้อน อ้อน อ้อน (เสียงแบบ Mega Naryork Style {มัคนายก สไตล์} )
แต่ช้าก่อน พอคิดว่าต้องไปแช่น้ำพุร้อนกันปุ๊บ เราก็ลืมนึกกันไปว่า เราไม่มีผ้าขนหนูไว้ใช้ หรือกางเกงว่ายน้ำเลยนี่นา เป็นความไร้เดียงสาที่คิดว่า ที่นั่นจะไม่มีบริการจนถึงขั้นที่พวกเรา เดินเข้าร้านสะดวกซื้อ จัดแจงกางเกงในกระดาษและผ้าขนหนูผืนจ้อยกันก่อนเดินทางเลยทีเดียว
เราใช้บริการรถบัสประจำทางอีกครั้ง ใช้เวลาเดินทางเกือบชั่วโมงกว่าเราจะไปถึงครับ ความรู้สึกแรกเมื่อออกจากรถบัสลงมายังพื้นที่ราบสูงใน Bei Tou นั้น คืออากาศเย็นกว่าด้านล่าง และมันช่างบริสุทธิ์เหลือเกิน อารมณ์คล้ายอยู่ใน Cameron Highland ที่ Malaysia เลยครับ (ไว้ผมจะมาเล่านะ โฆษณาล่วงหน้านิดนึง ฮ่าๆ )
ที่นี่แหละ ที่ที่เราจะลงอ่างกัน ฮึ้ม!!!
เราเดาสุ่มกันไปเรื่อยๆ ว่าสุดท้ายแล้วจะไปลงที่บ่อไหน แถวนี้เรียกได้ว่าเป็นแหล่งรวมบ่อน้ำพุร้อนมากมายเลยครับ ใครเป็นสายแช่ ขอแนะนำ เพราะนอกจากธรรมชาติรอบด้าน ความใกล้ตัวเมือง ที่นี่ยังมีโรงแรมให้พักผ่อนสบายๆ กันอีกด้วย
ท้ายที่สุดเราก็ไปจิ้มโดนที่บ่อน้ำพุร้อนแห่งหนึ่งที่เคลมว่า มีถึง 7 บ่อด้วยกัน ว่าแล้วก็ส่งนักกล้ามไปคุยกับคนที่เคาท์เตอร์ให้เรียบร้อย เพราะที่นี่ไม่มีใครพูดภาษาอังกฤษเลยครับ
หลังจากตกลงราคากันได้ ในที่สุดก็ถึงเวลาของการทดลอง ออนเซ็นแห่งดินแดนชานมไข่มุกกันสักที
ที่นี่มีบ่อให้คุณเลือกลงถึง 7 บ่อด้วยกัน มีไล่ระดับความร้อนไปเรื่อยๆ เพื่อการปรับตัว จะได้ไม่หน้ามืดไปซะก่อนครับ ความดีงามอีกอย่างหนึ่งก็คือ 7 บ่อนั้นเป็นของพวกเราในวันนี้!! เพราะไม่มีคนมากันในช่วงหน้าฝนแบบนี้ยังไงหล่ะ
บ่อน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติสีฟ้าสดใส เห็นบ่อไกลๆ นั่นไหมครับ ไข่สุกได้ใน 3 นาทีก็ไม่ปาน
ฝนตกปรอยๆ ตอนที่พวกเรากำลังจะก้าวเท้าลงบ่อกลางแจ้ง แต่เพราะเสียเงินไปแล้ว ก็ต้องเอาให้คุ้มครับ บ่อที่นี่ น้ำสีแปล่งๆ หน่อย มีบ่อนึงน้ำถึงข้อเท้า มีบ่อว่าง มีบ่อที่น้ำเย็นจัด และมีบ่อที่น้ำร้อนจนแทบจะเป็นลมล้มพับไปจริงๆ ทั้งๆ ที่อยู่แช่ได้แค่ 2-3 นาที บ่อที่พอจะสู้ไหวก็ดูเหมือนจะมีบ่อที่มีเศษซากอะไรบางอย่างเต็มไปหมด เอาน่า นี่น่าจะเป็นกำมะถันแหละ ในใจคิดด้าน Bright side แบบสุดชีวิต และบ่อที่ธรรมดาที่สุดเป็นบ่อที่ 7 เอาจริงๆ มันก็เป็นความแปลกใหม่ และเป็นการผจญภัยในดันเจี้ยนที่สนุกมากครับ เพราะบ่อที่นี่ เป็นขั้นบันได คุณต้องฝ่าอากาศหนาวและสายฝนปรอยไปตามบ่อต่างๆ ที่ซ่อนอยู่ในพื้นที่แห่งนี้
ระหว่างที่นั่งแช่น้ำกันสามคน ผมก็คิดแค่ว่า บางทีการที่มันมีมากเกินไปก็ไม่ดี การมีน้อยเกินไปก็เช่นกัน แต่ความพอดีเป็นสิ่งยาก แต่อีกนั่นแหละ บางที ความพอดีอาจจะเป็นสิ่งที่เรากำหนดขึ้นเองได้ง่ายๆ เช่นกัน เหมือนตอนที่เราแช่บนบ่อแห่งนี้ เรามีความสุขกันดีกับสิ่งตรงหน้า แม้ว่ามันจะช่าง… ดูเหมือนอยู่ในสมรภูมิ แต่ก็นั่นแหละ เราดันมองมันเป็นดันเจี้ยนหรรษากันอยู่ยังไงหล่ะ
ไก่สับยูนนานรสจัดจ้าน เรียกน้ำย่อยในกระเพาะให้ออกมาเต้นระบำ
ข้าวต้มกบ ที่ขอยกให้เป็ฯของดีประจำเขต
มาถึงช่วงสุดท้ายของวันกันแล้ว นอกจากการแช่น้ำ 7 บ่อแล้ว เรายังได้คอร์สอาหารค่ำมาพร้อมกันอีกด้วยครับ เรานั่งบนโต๊ะกลมแบบจีนอย่างที่คุ้นเคยกันสามคน เลือกสรรอาหารสองอย่างจากเมนู เป็นไก่สับยูนนานรสเผ็ดดี และข้าวต้มกบ ที่เป็นอีกหนึ่งมื้อสุดยอดของพวกเราในทริปนี้ครับ รสชาติกลมกล่อม เค็ม หอม หวานธรรมชาติ เนื้อกบที่ให้มาอย่างเต็มอิ่มจุใจ แป๊ะก๊วยเต็มชาม สิ่งเหล่านี้ช่วยเติมเต็มกระเพาะที่ร้องหาอาหารอย่างหนักหน่วง หลังจากสารอาหารถูกเผาทิ้งเผาขว้างไปในบ่อน้ำทั้ง 7 เมื่อบ่ายแก่ๆ
วันนีพวกเรานอกจากความสบายกาย ก็ยังมีความสบายใจไปในตัวด้วย เมื่อทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง การไม่วางแผนมันน่าตื่นเต้นแบบนี้นี่เอง ความไม่สมบูรณ์แบบมันให้อารมณ์ที่แตกต่างแบบนี้นี่เอง ความสนุกสนานดูเหมือนจะขึ้นอยู่กับการมองสิ่งที่อยู๋ตรงหน้าอย่างไรนี่เอง
ฝนหยุดแล้ว แต่กลิ่นกรุ่นของดินยังคงลอยอยู่ในอากาศให้เราสูดดมชมชื่นอยู่เสมอ…
Shilin Market
ทิ้งท้ายด้วยตลากลางคืนแห่งแรกที่ไปครับ ด้วยความไม่วางแผนบวกเพลินกับบ่อน้ำทั้ง 7 ตอนที่ไป ตลาดเลยวายกันแบบยกใหญ่แล้ว ได้ของกิน Typical มาบ้าง แต่ไม่มีอะไรจะดีเท่าทุกอย่างที่กินมาวันนี้อีกแล้ว...
โฆษณา