Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เป็ดกัดเต่า
•
ติดตาม
9 มิ.ย. 2020 เวลา 04:55 • ท่องเที่ยว
ประสบการณ์ 101 วันฟ้าหม่นฝนซาที่ ไต้หวัน
ตอนที่ 2 อาหารเช้าตอนเที่ยง และการพบปะอนาคตของชาติไต้หวัน
อ้อ เพิ่งจะสิบโมงเช้าเอง...สิบโมงเช้าแล้วหรอ!!!
โฮสเทลที่พวกเราเข้าพัก เป็นแบบปิดมิดชิด ไฟที่ตกลงกันเองว่าจะเปิดเมื่อไหร่ก็ได้ ทำให้ห้องดูเหมือนมืดตลอดเวลาครับ ด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทางสะสม ทำให้พวกเรานอนกันเพลินจนกว่าที่เราจะทำภารกิจส่วนตัวกันเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบสิบเอ็ดโมงแล้ว
พวกเราตัดสินใจว่า ยังมีเวลาสำหรับใช้คูปองอาหารเช้าอีกหลายวันครับ เราก็เลยตัดสินใจที่จะไปกินมื้อเช้าแบบชาวไต้หวันเนี่ยนแท้ๆ กันสักหน่อย (ความจริงก็คือว่า กำหนดเวลาการใช้คูปองวันนี้ มันได้จบสิ้นกันไปแล้วต่างหากหล่ะ เศร้า) แล้วไอเดียจากนักกล้ามก็แล่นไหลอีกครั้ง “ร้านนี้เด็ด พวกมึงต้องไปกินให้ได้”
รถบัสแบบเดียวกับอเมริกาเลย
ผมกับคุณตำรวจก็คิดว่า ไหนๆ ก็มาเพื่อเจอกับความ Local ที่ใฝ่หาแล้ว ก็เลยตามๆ บุคคลเดียวที่จะช่วยให้เราสื่อสารกับคน Local เพื่อสัมผัสวิถี Local ให้ได้นั่นเอง เราเลือกใช้บริการรถบัสอีกครั้งหนึ่ง หลังจากนั่งอยู่หลายรอบ เราก็เริ่มชินกับระบบขนส่งมวลชนอันนี้ ที่ดีงามกว่าเมืองไทยมากๆ (จริงๆ แล้วรถบัสในกรุงเทพฯ ณ ขณะนี้ก็เริ่มพัฒนามาใช้รถใหม่คล้ายกันแล้วนะครับ แต่ก็นะ ผมไปไต้หวันมาสามปี เพิ่งจะมีได้ปีสองปีนี้นี่เอง ในขณะที่รถของเขาเริ่มเก่าแล้ว) เพียงไม่นาน เราก็มาถึงหน้าร้านที่ดูเป็นตึกเข้าไป มองไม่เห็นว่ามันเป็นร้านเลยครับ ตรงทางเข้า มีคนต่อคิวเข้าแถวกันอยู่ ยิ่งเดินใกล้เข้าไปเท่าไหร่ ก็พบว่า คนต่อแถวยาวกันเหมือนต่างคนต่างจะมากินฟรีก็ไม่ผิดนัก
จากอาหารเช้าที่ควรจะเป็น กับแถวที่ยาวเหยียดไปสามโลกตรงหน้า เอาน่า Local ก็ต้องให้สุดทางสิ รู้ตัวอีกที มื้อเช้าตอนเที่ยง ก็กลายเป็นมื้อเช้าตอนเที่ยงกว่าๆ ไปซะแล้ว!!
บรรยากาศร้านที่คนเยอะมาก ไม่รู้ว่าความอร่อยมันอยู๋ตรงไหนบ้าง คนถึงได้เยอะขนาดนี้
สำหรับเมนูมื้อเช้าในเที่ยงนี้ก็คือ น้ำเต้าหู้ ทานคู่กับอาหารชนิดหนึ่งที่ประกอบด้วย แป้งโรตีห่อด้วยไข่เจียวและปาท่องโก๋ ใช่แล้ว แป้ง ไข่ และแป้งอีกรอบหนึ่ง กินผสมกันแล้ว ก็อร่อยดีแหละ แต่ส่วนที่อร่อยที่สุด คือปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้อยู่ดีแฮะ ระยะเวลาที่รอมา สรุปสั้นในคำเดียวว่า ไม่ต้องมาก็ได้นะ ฮ่าๆ
น้ำเต้าหู้รสกลมกล่อมมาก ไม่หวานมาก อร่อยลื่นคอ
อาหารเช้าตอนเที่ยงของผมครับ
ซาลาเแาโอ่งที่เราไม่ได้สั่ง เพราะหิวจนรอไม่ไหว
หลังมื้อเช้า เราตัดสินใจว่า จะต้องหาที่เที่ยวกันแล้ว เราก็เลยเลือกที่ที่อยู่ใจกลางเมืองมากที่สุด เพื่อความสะดวกในการเดินทาง และสถานที่แรกในวันนี้ของพวกเราก็คือ Sun Yat Sen Memorial Hall
ความอลังการแบบจีนๆ ไม่เคยเป็ฯสองรองใครเลย
เราเลือกใช้บริการรถใต้ดินในรอบนี้ครับ สถานที่แห่งนี้ก่อกำเนิดขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานให้กับท่าน ซุนยัดเซน หรือที่คนไต้หวันต่างเรียกกันว่า บิดาแห่งชาติ ผู้ที่ล้มล้างระบบกษัตริย์ราชวงศ์ฉิง และก่อกำเนิดประเทศจีนและไต้หวันที่เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาจนถึงยุคปัจจุบันครับ ต้องยอมรับว่า ตอนที่พวกเราเห็นครั้งแรก รู้สึกทึ่งในความใหญ่โตโอ่อ่า สวยงามของมันเป็นอย่างมาก ที่สำคัญก็คือ ซีนด้านหลังยังมีภาพของตึก Taipei 101 ตึกที่สู.ที่สุดของไต้หวันเป็ฯภาพเบื้องหลัง ขณะที่เบื้องหน้าเป็นสวนดอกไม้สวยงาม บรรยากาศในวันนี้ไม่สดใสมาก แต่ด้วยความที่ไม่มีฝน ทำให้ทุกอย่างดูลงตัวไปหมด
พิธีเปลี่ยนกะของทหารที่เราเข้ามาดูแบบงงๆ
เราเดินเข้ามาในฮอลล์ของอนุสรณ์สถานแห่งนี้แบบงงๆ และได้มาเจอกับ การเปลี่ยนกะของทหารหาญที่คอยเฝ้า หุ่นปั้น ที่เป็นอนุสาวรีย์ของท่านซุนยัดเซนอยู่พอดีครับ ตอนแรกก็รู้สึกแปลกๆ แต่ก็สัมผัสได้ถึงความรักชาติและวัฒนธรรมในเรื่องของการให้เกียรติที่ดีของชาวไต้หวันครับ
นิทรรศการภาพวัวที่ทั้งงาน มีแพทเทิร์นรูปวัวแบบเดียวกันหมด!!
ที่นี่ยังมีนิทรรศการภาพวาดรูปวัวมากมายอีกด้วยครับ อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจนักว่า ทำไมต้องรูปวัวด้วยนะ จะด้วยความเป็นโคถึกสู้คนของมัน การที่มันสร้างผลโพดประโยชน์ศาลให้มวลมนุษย์หรือไม่ ผมก็ไม่แน่ใจนักนะครับ แต่สิ่งหนึ่งที่ได้เห็นเลยก็คือ ความสามัคคีของรูปครับ เพราะวัวในนิทรรศการนี้ มีแบบเหมือนกันหมดทุกรูป เว้นก็แต่สีเท่านั้น!!!
วัว วัวเต็มไปหมด!!
หลังจากเมาวัวมาได้สักพักหนึ่ง เราก็ตัดสินใจเดินออกไปถ่ายรูปเล่นกันที่สวนด้านนอก นักกล้ามดูเหมือนจะยุกยิกอยู่กับโทรศัพท์มือถือ หน้าเคร่งเครียดทีเดียว ผมกับนายตำรวจก็เลยไปนอนถ่ายรูปกับตึก Teipei 101 เล่นพลางๆ ก็แล้วกัน
ภาพตึก Taipei 101 ที่เป็นอีกจุดหนึ่งที่เห็นตึกได้ชัดเจนและสวยงามครับ
วันนี้เป็นการเดินทางที่ทุกอย่างผิดแผกแตกต่างไปหมดทุกอย่างครับ เราไม่มีแผนตามคอนเซ็ปต์เดิมของเรา แต่มันเริ่มจะนอกแผนมากไปสักหน่อยซะแล้วสิ เพราะเราเริ่มเบื่อกันแล้วนั่นเอง
ที่บอกว่านอนถ่ายรูป ก็คือนอนถ่ายจริงๆ นะ ฮ่าๆ
นักกล้ามผู้เป็นความหวังทางภาษาจีนของเรา กลับมาแล้ว พร้อมข่าวสองเรื่องที่ถูกแจ้งแบบฟ้าผ่า “กูต้องกลับไปสัมภาษณ์งานพรุ่งนี้หว่ะ” ฝนยังไม่ตก ฟ้าก็ผ่าซะแล้วสิ เรากำลังจะเหลือกันสองคน เป็นสองคนที่สื่อสารกันแบบงูๆ ปลาๆ ซะแล้ว
ด้วยความมึนอึนกับสิ่งที่ได้รับรู้ นักกล้ามก็เลยยิงดอกสองอย่างรวดเร็วซะก่อน “เดี๋ยวกูพาไปรู้จักเพื่อนไต้หวันสักหน่อย”
เราได้ทำความรู้จักกับเพื่อนชาวไต้หวันสองคนด้วยกันครับ คนหนึ่งทำงานในร้านอาหารสไตล์อิตาเลี่ยน ทำหน้าที่เป็นเหมือน Manager ของร้าน อีกคนหนึ่งเป็นว่าที่ CEO ของสตาร์ทอัพที่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดในยุคปัจจุบัน ผมจับใจความไม่ได้นักว่าเขากำลังจะสร้างบริษัทอะไร แต่ก็พอบอกได้ดีทีเดียวว่า เขามีความเป็นผู้นำที่สูงมาก มาดของนักธุรกิจหนุ่มนั้น ฉายอาบร่างของเขาไปหมด
ซุปวัวรัสเซีย (เอ๊ะไหนบอกว่าร้านอิตาเลี่ยน?!?) เอาเป็นว่า เค้าให้มาลองชิม ก็ชิมแหละเนอะ ฮ๋าๆ
หลังจากยามบ่ายคล้อยผ่านไปด้วยการพูดคุยและหาอะไรกิน พวกเราสามคนบวกด้วยอีกสองหน่อไต้หวัน ตัดสินใจว่าจะพาเราไปทานมื้อบุฟเฟ่ต์สุดพิเศษกัน เรากลับไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมท้องสำหรับมื้อนี้กันที่โรงแรม รอคอยเวลาของอาหารโอชะในครั้งนี้ครับ
ผมรู้สึกว่า ชาวไต้หวันนั้น เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดที่ดีไม่เบาเลยทีเดียว อย่างเช่นสองคนที่ผมรู้จักครับ ไต้หวันนับว่าเป็นประเทศที่มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ผู้คนมีมารยาททางสังคม คนแก่พึ่งพาตัวเองได้อย่างง่าย เพราะในตัวเมืองมีสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งกับคนชราและผู้พิการที่เพียงพอให้พวกเขา ออกมาสู่โลกภายนอกได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความลำบากในการเดินทางเลย ถือเป็นประเทศที่น่าเที่ยวและน่าอยู๋ไปในตัวเลยละครับ
กระทะประหลาดที่ว่าครับ
มื้อเย็นของเรามาถึงแล้ว ร้านที่เราได้เดินเข้าไปรับประทานอาหารในมื้อเย็นนี้นั้น เป็นร้านสไตล์จีนจ๋ามากๆ ครับ ไม่ต้องตกแต่ง Modern ใดๆ ขอเน้นอาหารล้วนๆ เลยแล้วกัน ที่นี่ เราจะได้หยิบผักต่างๆ เนื้อต่างๆ ทั้ง ไก่ หมู เนื้อวัว เนื้อแกะ ไปจนถึง เนื้อกวาง ครับ ใช่แล้ว เนื้อกวาง เราไม่รอช้าที่จะหยิบมาโปะใส่จานของเรา หลังจากเลือกเนื้อและผักกันอย่างหนำใจแล้ว ก็ได้เวลาของโชว์ครับ มีกระทะใบใหญ่ทรงประหลาดอยู๋ตรงหน้า พ่อครัวจะคว้าถ้วยจานของเราที่กองพะเนินไปด้วยผักและเนื้อ โปะลงไปบนกระทะแล้วผัดๆ ผสมไปด้วยซอสสูตรเฉพาะ แล้วโปะกลับลงจานนั่นแหละ ส่งมาเสิร์ฟให้กับพวกเรา นำไปนั่งกินกัน ที่พีคก็คือ เค้าใช้สายยาฉีดน้ำลงกระทะ ทำความสะอาดปุบปับ แล้วคว้าจานใหม่มาผัดต่ออย่างสบายใจ เอาน่า Local ก็แบบนี้แหละ Bright Side เข้าไว้ ผมเคยเห็นอะไรแบบนี้ในคลิปของคุณมิ้นท์ I Roam Alone สักคลิปหนึ่ง แต่มันไม่ใช่ในไต้หวัน ถ้าจำไม่ผิดละก็น่าจะเป็นที่มองโกเลียครับ ผมก็เลยอนุมานว่า บุฟเฟ่ต์ที่นี่น่าจะเป็นบุฟเฟ่ต์ชาติอื่น ที่ได้กินกันชาตินี้นี่แหละ เป็นรสชาติความแปลกใหม่ที่น่าสนใจเหลือเกิน
ซอสจีนล้วนที่เรายืนงงอยู๋พักใหญ่กับคุณตำรวจ
ความมึนยังไม่จบสิ้น ขั้นตอนต่อมาหลังจากได้รับจานเนื้อผัดที่ผสมกันมั่วมาแล้วก็คือ น้ำจิ้มนั่นเอง มีซอสอยู่ประมาณ 10 อย่างวางเรียงรายให้เราเลือก ซึ่งเราก็เลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว เพราะมันเป็นภาษาจีนล้วนๆ!! เอาหล่ะ ก็มั่วๆ ไปละกันเนอะ
จริงๆ แล้วมีชาบูแบบนี้รออยู่ที่โต๊ะด้วยครับ แต่เป็นชาบูที่มีน้ำซุปเปรี้ยวแปลกสุดใจ
มื้อเย็นวันนั้น เป็นมื้อที่มีหลากหลายมิติให้ได้ขบคิดในชีวิตมากๆ เราได้รู้จักคนที่มีความคิดก้าวหน้ากว่าเรามากๆ ทั้งๆ ที่อายุอานามของพวกเราเท่ากัน ได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมผ่านอาหารการกิน (นอกจากเนื้อกวางผัดน้ำก๊อกแล้ว ยังมีชาบูน้ำเปรี้ยว ของประหลาดที่สุดตั้งแต่ที่ได้เคยกินมาอีกด้วย) ได้พอฟุตฟิตฟอไฟสปีกอิงลิชกันนิดๆ หน่อยๆ เป็นการเดินทางฉบับ Local ที่เป็นประสบการณ์ที่น่ารักอีกครั้งหนึ่งในชีวิตครับ เอาหล่ะ หลังจากวันพรุ่งนี้ ก็จะเหลือรอดแต่เพียง ตัวผมและคุณตำรวจ สองหนุ่มที่ไม่รู้ภาษาจีน และมีภาษาอังกฤษที่ยอดต้นพริกมากๆ นะสิ เลือดนักท่องเที่ยวเริ่มสูบฉีดแรงอีกครั้ง มันคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่าพาสปอร์ตหมดอายุแล้วหล่ะน่า
บันทึก
5
5
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ประสบการณ์ 101 ตอน ฟ้าหม่น ฝนปรายที่ Taiwan
5
5
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย