Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เป็ดกัดเต่า
•
ติดตาม
11 มิ.ย. 2020 เวลา 04:11 • ท่องเที่ยว
ประสบการณ์ 101 วันฟ้าหม่นฝนซาที่ ไต้หวัน
ตอนที่ 3 พายุ is here
กลิ่นไอฝนกลับมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ทำไมตกใจเสียงดัง แสงแว้บๆ นั่นมันฟ้าผ่านี่นา…
เช้าวันถัดมา เราเหลือกันสองคนในดงมุกซะแล้ว นักกล้ามออกเดินทาง Check Out จากโฮสเทลไปตั้งแต่เช้าตรู่จนเราได้แต่เพียงบอกลาด้วยความงัวเงียอึงอล และล้มตัวลงหลับไปอีกครั้งเท่านั้น ตอนที่ผมตื่นขึ้นมานั้น อากาศในห้องหนาวเย็นเป็นพิเศษ ผมเดาว่าฝนคงตกอีกแล้ว แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ บรรยากาศมืดทะมึน เมฆสีเทาเข้ม เป็นเช้าที่ไม่ได้สดใส แต่เป็นเช้าวันโปรดที่สุด เพราะผมชอบฝนตกตอนเช้าเหลือเกิน
แม้ว่าบรรยากาศแบบนี้จะน่านอนสบายๆ บนเตียงมากแค่ไหน แต่ผมก็ฝืนลุกขึ้นไปจัดการตัวเองอยู่ดี วันนี้เราจะไปเที่ยวกันให้สุดเหวี่ยง ไหนๆ ก็มาผจญภัยกันขนาดนี้แล้ว จะให้เสียเวลาอันมีค่าไปเหมือนเมื่อวานไม่ได้อีกต่อไป
เป้าหมายแรกของเราในวันนี้ก็คือ การใช้คูปองกับร้านอาหาร Local เดียวที่มีนั่นเอง ร้านเป็นร้านบ้านๆ ให้นึกสภาพร้านก๋วยเตี๋ยวเก่าๆ ในประเทศไทย ที่ไม่ต้องมีพิธีรีตอง การจัดแต่งอะไรให้มากความ เรานั่งลงบนเก้าอี้พลาสติกสไตล์มินิมอล หยิบเมนูที่ใช้วิธีติ๊กช่องมาดู แล้วมองหน้ากัน จิตสื่อถึงกันชัดเจนออกมาเป็นคำที่ว่า “อิหยังวะ”
เสี่ยวหลงเปาเป็นอย่างเดียวที่พอจะสั่งถูก ฮ่าๆ
เมนูร้านนี้ เป็นภาษาจีน ร้อยเปอร์เซ็นต์ พร้อม พนักงานทั้งร้านที่พูดจีนร้อยเปอร์เซ็นต์ ผมมึนงงปนสงสัยว่า ร้านแบบนี้สามารถคอแลปกับโฮสเทลที่มีชาวต่างชาติอยู่อย่างเนืองแน่นได้อย่างไรกัน!! อย่างไรก็ตามด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน Google Translate คือคำตอบที่ใช่ แต่ไม่ถูกต้องทั้งหมด เราพอรู้ว่าอะไรเป็นอะไรอยู่บ้าง แต่ก็ต้องเสี่ยงภัยพอสมควรเพื่อให้แน่ใจว่าเช้านี้ เราจะมีอะไรกิน!!
เมื่อวานเราถ่อไปไกล รอคิวเป็นชั่วโมง แต่สิ่งนี้มีขายแถวโรงแรมนี่เอง!!!!
อาหารลักษณะแบบกุ่ยช่ายทอด
น้ำอะไรบางอย่างข้นๆ แบบน้ำเต้าหู้ งงๆ
อาหารส่วนใหญ่เป็นแนว ซาลาเปา เสี่ยวหลงเปา ติ่มซำและของทอดครับ ถือว่าเป็นการรับประทานอาหารในสไตล์ Typical Asian แต่ที่ทำให้ผมจำได้ไม่รู้ลืมก็คือ น้ำเต้าหู้ข้นๆ แก้วใหญ่ ที่จะบอกว่าอร่อยก็ไม่ จะบอกว่าไม่อร่อย ก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละ จนถึงทุกวันนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไรเลย เพราะอย่างที่บอก ไม่มีใครพูดอังกฤษหรือไทยกันเลยยังไงหล่ะ อิหยังวะ อีกรอบใหญ่ๆ
อันนี้ก็เป็นของแปลกอีกอย่าง อธิบายรสชาติไม่ถูกเลย
อิ่มท้องกันแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางแล้วละครับ เราออกสตาร์ทที่ ริมแม่น้ำแถวโรงแรม ด้วยความที่อยากจะพักผ่อนหย่อนใจหาแรงบันดาลใจกันก่อนว่าจะไปที่ไหน ก็เลยมาเริ่มที่นี่ครับ ที่สวนริมแม่น้ำแถวโรงแรม แม่น้ำแห่งนี้ชื่อว่า Yonghe ครับ เป็นโซนสงบที่ไม่ค่อยมีอะไรให้ดูหรอก แต่ผมรู้สึกดีจัง จนกระทั่งคุณตำรวจพูดขึ้นมาว่า “กูปวดขี้หว่ะ”
ถือว่าบรรยากาศใช้ได้เลยหล่ะ สำหรับริมแม่น้ำ Yonghe
เราจะเริ่มกันใหม่ หลังจากอิ่มท้องกันแล้ว พร้อมๆ กับการทำธุระส่วนตัวจนเสร็จสมบูรณ์แล้ว แรงบันดาลใจก็แล่นมาตามอาหารที่กินเข้าไปขึ้นสู่สมอง (และลงลำไส้ใหญ่คุณตำรวจไปในตัว) เราจะไป อนุสรณ์สถาน เจียง ไค เช็ค กัน!!!
ฝนตั้งเค้าอีกแล้ว เมฆหมอกไม่แคล้วคลอบคลุมครึ้มไป….
อาคารหลบฝนของพวกเรา
เพลงของแคลอรี่ บลา บลา ลอยโชยมาแล้วครับ ฟ้ามืดยิ่งกว่าตอนตื่นนอนเสียอีก อยู่ที่ว่ามันจะถล่มเมื่อไหร่เท่านั้นแล้วละครับ เราใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินในการเดินทางครั้งนี้ ลงสู่สถานี Chiang Kai Shek โดยตรงเลยครับ ตอนที่เราขึ้นมาจากสถานี มันก็พรั่งพรูกันลงมาแบบรุนแรงเหลือเกิน เกินใจของคนจะทน!!!
ฝนหนักในระดับที่ทำให้ร่มที่ซื้อกันมา หักพังลงตรงหน้าเลยครับ เราแวะหาร้านซื้อร่มกันก่อน แล้วรอดูสภาพอากาศอยู่พักใหญ่ๆ ในสถานที่ที่เหมือนเป็นโรงละคร หรือหอประชุมใหญ่อะไรบางอย่าง ลมฝนไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย เราก็เลยตัดสินใจกันว่า “เป็นไงเป็นกัน วันนี้กูจะต้องได้ดูทหารเปลี่ยนกะอีกรอบ!!”
เจียง ไค เช็ค ในวันฝนตก
อนุสรณ์สถานที่นี่ยิ่งใหญ่อลังการซะยิ่งกว่า ของที่ไปมาเมื่อวานอย่างของท่าน Sun Yat Sen ซะอีกครับ ด้านในก็โอ่โถง อากาศก็กำลังเย็นสบาย ถึงจะเปียกไปหมดทั้งตัวแล้วก็ตาม ฮ่าๆ แถมพวกเรายังมาทันเค้าเปลี่ยนกะพอดีอีกด้วย อะโชคดีอย่างหนึ่งแล้วหล่ะครับ
ท่านเจียงในวันที่ฟ้าฝนอึมครึม
การเปลี่ยนกะที่นี่ก็เหมือนเดิมครับ มีการเดินอันเป็นเอกลักษณ์ที่ผมมองว่า ดูเกร็งกันน่าดู คนมุงกันมากมายชมการเปลี่ยนกะที่ถือเป็นประเพณีที่จะต้องทำกันอยู่ตลอดเวลา น่าจะด้วยความเคารพต่อตัวท่านเจียงเองครับ
บรรยากาศในเมืองที่ไม่วุ่นวายเท่าไหร่ แต่เปียกปอนกันถ้วนทั่ว
หลังจากการเปลี่ยนกะจบลง เราก็เห็นว่าฝนด้านนอกมันเริ่มปรอยน้อยลงแล้ว ก็เลยตัดสินใจกันว่า เราจะเดินไปถ่ายรูปเล่นในเมืองกันสักหน่อย บรรยากาศช่วงที่ดอกฝนลงเม็ดกำลังจะหมดไป เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการมีฝนตกแล้วครับ ผมไม่ต้องกางร่มอีกต่อไป ส่วนหนึ่งก็เพราะตัวเปียกปอนไปเต็มที่แล้ว ขณะเดียวกัน ฝนก็เม็ดเล็กลง จนนึกว่าหิมะตกก็คงได้ เราเดินกันไปในเมือง บรรยากาศอย่างกับแมนฮัตตัน ได้พบเจอร้านขายขนมข้างทางที่เป็นคุณยายใจดีคนหนึ่งยืนขายอยู๋ มันเป็นขนมที่คล้ายโมจิคลุกน้ำตาลครับ ก็ถือว่ากินเพลินดีทีเดียว
ขนมแป้งเหนียวคลุกน้ำตาล อร่อยเพลินดีครับ
ด้วยความหนาวเราก็เลยแวะเซเว่นสักหน่อย เซเว่นที่นี่ดีนะครับ มีโต๊ะเคาน์เตอร์พร้อมเก้าอี้วางอยู่ด้านหน้ากระจก ให้เราได้นั่งมองผู้คนเดินผ่านไปมา ผมซื้อโอเด้งมานั่งกินกับเพื่อนสองคน นี่น่าจะเป็นโอเด้งที่อร่อยที่สุดในชีวิตแล้วละครับ ไม่ใช่เพราะผมหิว แต่เพราะอากาศหนาวๆ แบบนี้ ซดน้ำซุปให้คล่องคอ อุ่นสบายไปกับบรรยากาศไม่วุ่นวายภายนอก ฝนยังปรอยเล็กๆ อยู่ ผมรู้ดีว่ามันกำลังจะจากไปแล้ว
โอเด้งธรรมดาๆ ที่กลายเป็นเหมือนผ้าห่มให้ความอบอุ่นในวันนั้น
สายฝนปนความเหงากำลังจากไปทีละน้อย ปล่อยดอกฝนอันเริงร่าไว้เบื้องล่าง อาบสิ่งสรรค์บนผืนโลก…
บันทึก
3
6
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ประสบการณ์ 101 ตอน ฟ้าหม่น ฝนปรายที่ Taiwan
3
6
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย