14 มิ.ย. 2020 เวลา 01:08
สภาวะลื่นไหล(Flow state)
เคยรู้สึกไหมครับว่าเวลาที่เราได้ทำอะไรที่มันมีความสุข เราจะรู้สึกว่าทำไมเวลามันช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน แตกต่างจากตอนที่เรากำลังรู้สึกเบื่อหน่ายกับอะไรบางอย่าง เวลาช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้า
การที่เรามีความสุขกับสิ่งที่ทำโดยลืมเรื่องของเวลาไป เหตุการณ์เช่นนี้แสดงว่าคุณกำลังเข้าไปอยู่ใน "สภาวะลื่นไหล" หรือ "Flow state" ที่ศาสตราจารย์ มิฮาย ชิกเซนต์มิฮายยี (Mihaly Csikszentmihalyi) ได้อธิบายไว้
ซึ่งเขาได้ค้นพบว่าความสุขที่แท้จริงมาจากกิจกรรมที่เราทำ และเมื่อเราเพลิดเพลินกับมันเราก็จะเข้าสู่สภาวะ Flow
สภาวะ Flow เป็นสภาวะที่เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และเมื่อไหร่ที่เราเข้าสู่สภาวะนี้มันจะทำให้ทั้งความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ของเราจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ปัจจัยที่จะทำให้เกิดสภาวะ Flow ประกอบด้วย
1. กิจกรรมนั้น ๆ ต้องมีความท้าทายและต้องใช้ความสามารถในระดับหนึ่ง
ถ้าความท้าทายมันมีมากกว่าความสามารถที่เรามีอยู่จนเกินไปมันก็จะทำให้เราเกิดความกังวลขึ้นมาได้ แต่ถ้าความท้าทายมันน้อยเกินไปมันก็จะทำให้เราเบื่อหน่าย เราต้องเลือกระดับความท้าทายที่มันเหมาะสมกับความสามารถของเราจึงจะทำให้เข้าสู่สภาวะ Flow ได้
ตัวอย่างเช่น หากเรารู้ตัวเองว่าเราวิ่งได้ระยะทาง 5 กิโลเมตรโดยที่ไม่เหนื่อยมาก แทนที่เราจะวิ่งแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เราก็อาจจะลองขยับเป้าหมายขึ้นเป็น 10 กิโลเมตร เพื่อลองท้าทายความสามารถตัวเองดู
2. จะต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนและสามารถเห็นผลการกระทำของเราได้อย่างง่ายดาย
หากเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนและกำหนดรายละเอียดของสิ่งที่ทำ เราก็จะสามารถประเมินผลของสิ่งที่เราทำได้
ตัวอย่างเช่น การที่เรากำหนดเป้าหมายอย่างชัดเจนว่าจะวิ่งให้ได้ 10 กิโลเมตร และต้องใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง เราก็จะสามารถคำนวณได้ว่าใน 1 กิโลเมตรเราต้องวิ่งไม่เกิน 6 นาที ฉะนั้นทุก ๆ 1 กิโลเมตรเราก็จะสามารถประเมินผลของสิ่งที่เราทำได้ หากเรายังรักษาเวลาไม่เกิน 6 นาทีแสดงว่าเป้าหมายของเรามีทางเป็นไปได้
3. เราจะต้องมีสมาธิในการทำสิ่งนั้น
หากเรามีสมาธิทำมันอย่างเต็มที่ เราจะไม่มีเวลาไปคิดถึงเรื่องอื่น และจะสนใจแค่กิจกรรมที่อยู่ตรงหน้าเราเท่านั้น
ตัวอย่างเช่น นักดนตรีมืออาชีพจะไม่ใช้เวลาซ้อมทั้งวัน แต่พวกเขาจะกำหนดเวลาซ้อมที่ชัดเจนและในขณะนั้นก็จะจดจ่อกับการซ้อมเพียงอย่างเดียวโดยไม่ให้อะไรมารบกวน ขณะที่นักดนตรีมือสมัครเล่นจะใช้เวลาซ้อมเกือบทั้งวันแต่ไม่มีสมาธิกับมันเท่าที่ควร ประสิทธิภาพจึงด้อยกว่า
4. การกระทำและสติรวมเป็นหนึ่งเดียว
เวลาที่เราใช้ความสามารถทุกอย่างที่เรามีอยู่ในการทำสิ่งหนึ่งเราจะให้ความใส่ใจมันอย่างเต็มที่จนไม่มีเวลาให้รับรู้สิ่งรอบข้าง
ตัวอย่างต่อเนื่องจากข้อ 3 สิ่งที่ทำให้นักดนตรีมืออาชีพซ้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าเพราะพวกเขาจดจ่ออยู่กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า และทุ่มเทกำลังในการซ้อมอย่างเต็มที่ จนพวกเขารวมเป็นหนึ่งเดียวกับการซ้อม ขณะนั้นสติสัมปชัญญะจะถูกรีดเร้นออกมา ทำให้จดจำสิ่งต่าง ๆ ได้ดี การซ้อมจึงได้ประสิทธิภาพสูงกว่า
5. ความรู้สึกในการควบคุม
ในสภาวะนี้เราจะรู้สึกควบคุมสถานการณ์ที่มันยาก ๆ ได้ แล้วมันจะสร้างความพึงพอใจให้กับเราอย่างมาก
ตัวอย่างเช่น ไทเกอร์ วูดส์ ที่เคยบอกไว้ว่าขณะที่เขากำลังเหวี่ยงวงสวิง หากมีแมลงวันบินผ่านลูกกอล์ฟเขาจะสามารถหยุดไม้ได้ทัน นั่นแสดงให้เห็นว่าเขามีสติที่สามารถควบคุมสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ตลอดเวลา
6. เวลาหายสาบสูญ
เวลาที่เราทำสิ่งต่าง ๆ จนรู้สึกเพลิดเพลิน เราจะลืมเรื่องเวลาไปเลย ตัวอย่างเช่น เวลาที่คุณดูหนังที่คุณชอบแล้วมันกำลังจะจบ แต่คุณยังรู้สึกเพลิดเพลินอยู่ คุณจะรู้สึกว่าทำไม 2 ชั่วโมงมันผ่านไปไวเหลือเกิน
7. กิจกรรมนั้นเป็นรางวัลของตัวมันเอง
เมื่อเราได้ทำสิ่งต่าง ๆ ที่เรามีความสุขจนหลุดเข้าไปอยู่ในสภาวะ Flow รางวัลที่ได้รับก็คือการที่เราได้ทำสิ่งนั้นโดยไม่คาดหวังรางวัลอื่นเลย
ตัวอย่างเช่น การที่คุณได้ทำงานอดิเรกที่คุณรัก แม้ว่างานนั้นไม่สามารถสร้างรายได้ให้คุณก็ตาม แต่คุณก็ยังทำมันเพราะคุณมีความสุขกับมัน
เมื่อผมได้ลองมาอ่านเรื่องสภาวะ Flow แล้วมองย้อนกลับไป ผมพบว่าตัวเองก็เคยมีประสบการณ์ที่ได้เข้าไปอยู่ในสภาวะนี้ด้วยเช่นกัน โดยผ่านการวิ่ง 10 กิโลเมตรของผม หากจำแนกตามปัจจัยทั้ง 7 ข้อที่ได้กล่าวมาสามารถอธิบายได้ดังนี้
1)ผมตั้งเป้าหมายที่ใหญ่และท้าทายมากยิ่งขึ้น จากปกติวิ่งที่ 5 กิโลเมตรก็เพิ่มเป็น 10 กิโลเมตร
2)ผมกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนคือ 10 กิโลเมตร และเวลาต้องไม่เกิน 1 ชั่วโมง
3)ผมมีสมาธิอยู่กับการวิ่ง เวลาที่ใช้ไป และระยะทางที่วิ่งได้
4)การที่ผมไม่สนใจระยะทางที่เหลือทำให้ผมมีสติอยู่กับขณะที่วิ่ง และมีสติอยู่กับการควบคุมลมหายใจ จนลืมความเหนื่อยและระยะทางที่เหลือไปเลย
5)เนื่องจากผมมีสติอยู่กับการวิ่ง ผมจึงสามารถควบคุมร่างกายให้หายใจทัน จนไม่รู้สึกเหนื่อยจนเกินไป
6)เนื่องจากผมวิ่งแบบไม่ได้กำหนดจุดหมายปลายทางที่ชัดเจน กำหนดแค่เพียงระยะทาง ทำให้ผมได้ชื่นชมวิวทิวทัศน์ระหว่างทางไปด้วย จนเกิดความเพลิดเพลิน และคิดว่า 1 ชั่วโมงที่ผ่านไปมันไม่ได้ยาวนานอย่างที่คิด
7)สิ่งที่ผมได้จากการสำเร็จเป้าหมายครั้งนี้คือความสุขและความภูมิใจในตนเองที่ทำสำเร็จ
จากประสบการณ์ครั้งนี้ทำให้ผมรู้สึกว่าการวิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น ควบคุมการหายใจได้ดีกว่าเดิม สามารถควบคุมความเหนื่อยและบริหารเวลาได้ดีอีกด้วย
** สิ่งที่ผมมองว่าสำคัญที่สุดก็คือ กิจกรรมนั้นต้องเป็นกิจกรรมที่คุณหลงไหลถึงจะสามารถทำให้เกิดสภาวะ Flow ได้ ฉะนั้นคุณควรหากิจกรรมนั้นให้เจอ และพยายามฝึกฝนตามปัจจัยข้างต้นนี้ **
ความสุขที่แท้จริงไม่ได้เกิดจากสิ่งของที่เรามี แต่เกิดจากความสุขจากสิ่งที่เราทำ
หากคุณมีความหลงไหลในสิ่งที่คุณทำ คุณก็จะทำมันได้อย่างเพลิดเพลินและมีความสุข สภาวะ Flow จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อคุณได้ทำในสิ่งที่คุณรัก
ฉะนั้นหามันให้เจอและตั้งใจทำอย่างสุดความสามารถ แล้วคุณจะรู้สึกว่า 24 ชั่วโมงที่คุณมีมันน้อยเหลือเกิน
บทความเพื่อชีวิต

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา