10 มิ.ย. 2020 เวลา 06:45 • ธุรกิจ
ตลาดหุ้นไทยจะไปทางไหนต่อ มีปัจจัยอะไรส่งผลกระทบบ้าง เรามาลองวิเคราะห์กันครับ
หลังจาก SET ปรับตัวลงสู่จุดต่ำสุดในเดือนมีนาคม ตลาดหุ้นก็เริ่มมีแรงบวกต่อเนื่องจนขึ้นมายืนเหนือ 1,400 จุดได้สำเร็จ
เช่นเดียวกับดัชนี Dow Jones ที่ทยานขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยน่าจะมีปัจจัยสนับสนุนจากนโยบายอัดฉีดเงิน และการลดอัตราดอกเบี้ย
ถ้าถามหาความสมเหตุสมผล นี่ดูจะเป็นเรื่องของอารมณ์ (Emotion) เสียมากกว่าเพราะแต่ละบริษัทในตลาดก็แสดงงบให้เห็นกันอยู่ว่ารายได้และกำไรลดลงอยู่มาก ยังไม่นับผลกระทบใน Q2 ที่น่าจะมีแน่ๆ แต่ยังรอการประกาศงบอยู่
จนเมื่อวานนี้ก็เกิดเหตุให้ดัชนีหุ้นติดลบจนได้
เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 63 ดัชนีตลาดหุ้นไทยหรือ SET ปรับตัวลดลง -30 จุดในช่วงบ่าย ในขณะที่ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ Dow Jones ร่วงลงมากกว่า -300 จุด
เหตุเกิดจากแรงเทขายหุ้นกลุ่มพลังงาน เพราะราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงในวันพุธ
เนื่องจากรายงานทางอุตสาหกรรมแสดงถึง การเพิ่มขึ้นของน้ำมันดิบและเชื้อเพลิงคงค้าง ในสหรัฐอเมริกา เรื่องนี้เป็นตัวดึงความกังวลของนักลงทุนกลับมา
สำหรับ SET ตอนนี้มีค่า P/E อยู่ 19.77 เท่าซึ่งบ่งบอกว่าราคาหุ้นในขณะนี้แพงเกินไป เมื่อสำรวจหุ้นในตลาดแล้วราคาการซื้อขายก็ค่อนข้างแพงเกินไปเช่นกัน
📸 Photo by Francesco Boncompagni on Unsplash
ด้วยสถานการณ์ที่ยังไม่สงบดี ผมว่านี่เป็นเหตุการณ์ที่เราต้องระมัดระวังในการลงทุน
ปัจจัยบวกในตอนนี้อยู่ตรงมาตรการทางเศรษฐกิจของหลายๆ ประเทศที่ช่วยประคับประคองความมั่นใจของนักลงทุนไว้ ถ้าทำได้ต่อเนื่องผมคิดว่าตลาดหุ้นก็ยังมี Gap ให้เติบโตได้
ส่วนปัจจัยลบคือความไม่แน่นอนของเหตุการณ์ครับ อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นเรื่องราคาน้ำมัน นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งของความเป็นไปได้ในอีกหลายเหตุการณ์ เช่น การประท้วง สงครามการค้า การระบาดของไวรัส
📸 Photo by Hybrid on Unsplash
เหล่านี้เป็นเหตุการณ์ที่ลงทุนเริ่มเคยชิน แต่ในขณะเดียวกันนี่ก็เป็นสถานการณ์ที่เปราะบางมากด้วย หากเหตุการณ์ใดทวีความรุนแรงขึ้นมาจนทำให้เกิดความกลัวตลาดหุ้นก็พร้อมจะดิ่งลงทันที
สำหรับนักลงทุน เราต้องวางแผนการลงทุนให้เหมาะสมและต้องมีจิตใจที่แน่วแน่ครับ จะซื้อ จะขาย อะไรในช่วงนี้ก็ขอให้ทำอย่างรอบคอบ ไม่เช่นนั้นเราอาจหลุดจากเป้าหมายที่เคยวางไว้และพลาดกำไรที่แท้จริงไป
#พ่อบ้านลงทุน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา