18 มิ.ย. 2020 เวลา 11:15
เชื่อหรือไม่น้ำ 2 ขวด ให้คนพูดว่า “ขอบคุณ”และ “โง่” โมเลกุลน้ำจะแตกต่างกันมาก ซึ่งหากใจคนมีพลังเปลี่ยนรูปร่าง “น้ำ” ได้ แล้วคนกับคนทำไมจะรับรู้ไม่ได้ ลองไปอ่านกัน
แม้จะมีชีวิตคนละรูปแบบ แต่คนเราก็ต้องเจอปัญหาเข้ามาเหมือนกัน ในชีวิตจะมีทั้งวันที่สงบและพายุพัดเข้ามา หากสังเกตดูดีๆวันที่สงบสุขของชีวิตจะมีแค่ไม่กี่วันหรอกครับ แต่วันที่คลื่นพายุซัดเข้ามากลับมีเรื่อยๆ แล้วจะผ่านมันไปอย่างไร? การเลือกรับ “พลัง” แบบใดเข้ามาจึงเป็นเรื่องสำคัญ!!!
ถ้าในวันที่มีความทุกข์ เลือกรับความสิ้นหวัง หรือคำพูดที่ไม่ดีเข้ามา แน่นอนว่าก็จะได้แต่สิ่งไม่ดี หากเลือกรับความหวังหรือคำพูดที่ดีเข้ามา ต่อให้อยู่ในสถานการณ์ทุกข์สุดๆ ใจเราก็พักผ่อนและสามารถมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นตามมาได้
เมื่อเดือนก่อนผมได้มีโอกาสเชิญ “อาจารย์ คิม ซองฮุน” ผู้บรรยายหลักจากสถาบันโลกของจิตใจ (IMEI) ประเทศเกาหลีใต้ มาเป็นแขกพิเศษบรรยายให้กับนักศึกษาไทย ที่กำลังเตรียมตัวไปเป็นอาสาสมัครในต่างประเทศกับโครงการ IYF Good News Corps โดยได้ฟังอาจารย์คิม พูดถึงลูกชายคนโตของเขา เล่าถึงความมหัศจรรย์ของ “โลกของจิตใจ” ที่เกิดขึ้นให้ฟัง ซึ่งผมเห็นว่าเป็นเรื่องน่าประทับใจที่สามารถเป็น “ความหวัง-กำลังใจ” ให้กับผู้อ่านได้
ตอนที่ลูกชายคนแรกของอาจารย์คิมเกิดมาได้ 3 วัน ก็พบว่าเป็นโรคสมองพิการ (Cerebral Palsy) และตาทั้งสองข้างปูดขึ้นมาวันละนิด คุณหมออธิบายไว้ว่าในสมองมีเนื้องอกที่เพิ่มขนาดใหญ่ขึ้นทุกวัน และดันลูกตาให้ปูดออกมาเรื่อยๆ เท่ากับว่าเด็กเกิดมาพร้อมกับโรค 2 อย่าง และที่ทำแทบใจสลายคือ คุณหมอบอกว่า “นี่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เพราะเป็นโรคที่รักษาไม่หาย”
ทางคุณลุงของอาจารย์คิม ที่เป็นหมอก็พูดแนะนำว่า “ให้ปล่อยเด็กไป เพราะต่อให้รอด เขาก็จะพิการร่างกายบิดเบี้ยวอยู่ดี” คุณลุงพูดทำนองว่าต้องการให้ปล่อยลูกชายเสียชีวิตไป ซึ่งตอนที่ฟังอาจารย์ก็รู้สึกเศร้ามาก
ครั้งนั้นถือเป็นช่วงเวลาที่ทุกข์ทรมาน และมืดมนที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ แม้ลูกชายของตนจะยังไม่เสียชีวิต แต่เขาก็เศร้าราวกับว่าลูกได้เสียชีวิตไปแล้ว คำถามที่ถามกับตัวเองว่า “ลูกชายจะรอดชีวิตได้เหรอ?” เขาก็ตอบไม่ได้เช่นกัน และในตอนที่หมดหวังนั่นเอง ภรรยาของเขาก็พูดว่า “ที่รัก พวกเราอย่าร้องไห้ อย่าเศร้ากันเลย” เธอถ่ายทอดความรู้สึกให้ผู้เป็นสามีฟังว่า “ท้องฟ้าไม่เคยให้สิ่งที่ไม่ดีกับแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นแสงแดด น้ำฝน ออกซิเจน หรือแม้กระทั่งเมล็ดต่างๆ ที่ลอยมาตามลม ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ดีทั้งหมด และลูกชายของพวกเราก็เป็นของขวัญที่ท้องฟ้าประทานมาเหมือนกัน”
เธอจึงเชื่อว่า ลูกชายของเธอไม่มีทางเป็น “ความเศร้าหรือเป็นความทุกข์” พอได้ฟังภรรยาพูดแบบนั้น เขาก็มีใจขึ้นมาว่า “ใช่...เด็กคนนี้จะเป็นความยินดีของฉัน” เมื่อเกิดความหวังเช่นนี้ สองสามีภรรยาจึงยิ้มและมีความสุข แม้ว่าจะตกอยู่ในสภาพเลวร้ายมากก็ตาม อาจารย์คิมบอกว่าตอนที่มีความหวัง ลูกชายจะรอดชีวิต ใจของเขาก็รู้สึกฟื้นและมีพลังขึ้นมาด้วย เขากับภรรยาเลิกร้องไห้ แล้วก็เริ่มหัวเราะได้ ซึ่งเขาอธิบายไว้ว่า เวลาที่คนเราหัวเราะร่างกายจะสั่น และเกิดความร้อนทำให้มือของเราอบอุ่นไปด้วย สังเกตได้จากเวลาออกกำลังกายอุณหภูมิของร่างกายจะร้อน สามารถทำให้ต่อสู้กับโรคภัยได้
จิตใจของคนเราก็มี “อุณหภูมิ” ทั้งคนที่มีจิตใจเย็นชาและคนที่มีจิตใจอบอุ่น “คนที่มีจิตใจเย็นชา” จะมีลักษณะพิเศษ คือ หากความยากลำบากเข้ามาอย่างหนึ่ง ก็จะจมอยู่ในสิ่งนั้น เช่น พอเกิดความเกลียดก็จะเก็บความเกลียดนั้นไปเรื่อยๆ บาดแผลในใจก็ไม่ละลายหายไปเสียที ส่วน “คนที่มีใจอบอุ่น” ปัญหาไม่นับเป็นอุปสรรคสำหรับเขา เพราะเขาจะเลือกเผชิญ และหลอมละลายปัญหาได้ในที่สุด
นับตั้งแต่วันที่ภรรยาเริ่มหัวเราะ และจับมือของลูกชายไว้ด้วยมือที่อบอุ่น ลูกก็ค่อยๆ หายจากอาการป่วยทั้งหมดภายในเวลา 45 วัน และออกจากโรงพยาบาลได้ อัศจรรย์ใช่ไหมครับ? คุณหมอยังบอกพวกเขาว่า “ผมไม่ได้เป็นคนรักษาลูกของคุณ แต่นี่เป็นสิ่งมหัศจรรย์จากฟ้าสวรรค์”
ในทางตรงกันข้าม ทารกที่อยู่เตียงฝั่งตรงข้าม ที่เข้าโรงพยาบาลวันเดียวกับลูกชายของอาจารย์คิม มีอาการตัวเหลือง ซึ่งเป็นอาการทั่วไปที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทารกแรกเกิด แต่ถ้าได้รับการส่องไฟรักษา ก็สามารถหายได้ใน 1 สัปดาห์ แต่เด็กคนนั้นกลับไม่หายเสียที หนึ่งในทีมแพทย์พูดขึ้นมาลอยๆ ว่า “เอ๊ะ! หรือว่าเด็กคนนี้จะมีรูรั่วที่หัวใจ?”
เมื่อคุณแม่ของเด็กได้ยินดังนั้น ใจของเธอก็ตกสู่ความเศร้าทันที เธอร้องไห้ไปเช็ดน้ำตาไป ทั้งๆ ที่คุณหมอยังไม่สรุปชัดเจนว่า ลูกของเธอมีรูรั่วที่หัวใจจริงหรือไม่ แต่ใจของเธอที่รับ “ความสิ้นหวัง” เข้าไปแล้ว จึงเศร้าราวกับว่า ลูกของเธอจะจากไปจริงๆ เธอใช้มือที่เช็ดน้ำตา ไปจับมือแตะตัวลูก อย่างไรก็ตามก่อนที่ลูกชายของอาจารย์คิมซองฮุน จะออกจากโรงพยาบาลเพียงวันเดียว เด็กที่อยู่เตียงฝั่งตรงข้ามนั้นก็ได้เสียชีวิตในที่สุด
เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ผมขอยกตัวอย่าง รายการ X-file (먹거리X파일) ของเกาหลีใต้ ที่ออกอากาศไปเมื่อปี 2012เป็นเทปเกี่ยวกับการวิจัย “พลังของคำพูดที่ดีและคำพูดไม่ดี” โดยจะมีการแบ่งน้ำออกเป็น 2 ขวด ขวดหนึ่งให้คนพูดคำว่า “ขอบคุณ” ใส่ลงไป และอีกขวดพูดว่า “โง่” ใส่เป็นเวลา 24 ชม. จากนั้นนำน้ำไปแช่แข็งเพื่อให้แข็งตัวและเกิดรูป แล้วนำมามองผ่านกล้องจุลทรศน์รูปร่างของโมเลกุลน้ำที่รับคำพูด “ขอบคุณ” จะมีรูปร่างที่สวยงามสมบูรณ์แบบ ส่วนน้ำที่รับคำว่า “โง่” กลับแตกกระจัดกระจายไม่เป็นรูปร่าง
“เอโมโต้ มาซารุ” นักวิจัยเจ้าของผลงาน อธิบายคำศัพท์ที่น้ำชอบที่สุดคือคำว่า “รัก” และ “ขอบคุณ” นี่ไม่ได้หมายความว่า น้ำรู้ภาษาหรือมีอารมณ์ความรู้สึกนะครับ แต่น้ำเป็นเหมือนกระจกสะท้อนจิตใจของคนได้ ถ้าเราโกรธ น้ำก็จะสะท้อนจิตใจที่โกรธของเรา ถ้าเราอารมณ์ดี น้ำก็จะสะท้อนอารมณ์ดีของเราออกมานั่นเอง
หากใจคนเรามีพลังที่ส่งผลต่อรูปร่างของ “น้ำ” ที่ไม่มีชีวิตได้ แล้วคนที่มีชีวิตอย่างเราๆ จะไม่สามารถรับรู้ใจของอีกฝ่ายที่สื่อออกมาได้อย่างไร? เหตุผลที่ผมยกตัวอย่างเรื่องลูกชายของอาจารย์คิมซองฮุน ก็เพื่อจะบอกว่า เราไม่สามารถเลือกได้ว่า จะให้ปัญหาเข้ามาในชีวิตเราได้หรือไม่ แต่ในสถานการณ์ที่ต้องเผชิญหน้ากับปัญหา คุณสามารถเลือกได้ว่า “จะรับสิ่งไหน”
เช่นกันครับสภาพจิตใจของเราเอง ก็มีอิทธิพลต่อสภาพจิตใจของคนรอบข้าง สิ่งที่เรียกว่า “ความหวัง” เป็นพลังที่เชื่อมระหว่างใจไปสู่ใจได้เหมือนกัน ใจที่มีความหวังจึงจำเป็นในการใช้ชีวิตของคนมาก อาจารย์คิมยังพูดทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า “เรื่องใจเป็นเรื่องสำคัญที่สุด”
ท่านผู้อ่านเคยยิงธนูไหมครับ? ถ้าเราต้องการยิงให้ลูกธนูไปไกล เราต้องออกแรงดึงลูกธนูไปด้านหลังเยอะๆ บางครั้งเราเจอความยากลำบาก เหนื่อย หรือดูล้าหลังกว่าคนอื่น แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี เพราะมันสามารถกลายเป็นแรงที่จะส่งเราไปไกลๆ ได้ครับ
เราจำเป็นต้องเรียนโลกของจิตใจไว้ ซึ่งจะเป็นวิธีการที่ทำให้เกิดการจัดระเบียบขึ้นภายในจิตใจ จากนั้นจะรู้สาเหตุของความลำบากที่ผ่านเข้ามา และเป็นพลังที่ทำให้ชีวิตประจำวันของเรามีความสุขได้ด้วยครับ.
ขอบคุณภาพ : รายการ X-file (먹거리X파일) ของเกาหลีใต้

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา