20 มิ.ย. 2020 เวลา 11:29
สาวๆ ฟังทางนี้อย่ารักสนุกแต่เพียงทางร่างกาย เพราะเราจะสวยงามที่สุดคือตอนตั้งครรภ์และคลอดบุตร เหมือนหอยมุกที่มีไข่มุกสวยงาม แต่ต้องฝ่าฟันอย่างไรไปอ่านกั
เพิ่งผ่าน “วันแม่แห่งชาติของไทย” มาหมาดๆ คอลัมน์ของผมสัปดาห์นี้จึงจะพูดเรื่อง บทบาทของผู้หญิงในความเป็นแม่ เพราะปัจจุบันคนยุคใหม่มีหลายคู่ที่ตัดสินใจใช้ชีวิตสามีภรรยาโดยที่ไม่ต้องการมีลูก หรือมีชายหญิงหลายคู่ที่ไม่ต้องการแต่งงานแต่คบหากันเพียงเพื่อหาความสุขเท่านั้น ทำให้การใช้ชีวิตคู่ในรูปแบบครอบครัวที่มีพ่อแม่ลูกเหมือนในอดีตมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ
ผมเคยค้นข้อมูลจากสถิติเกี่ยวกับโครงสร้างของครัวเรือน อัตราการจดทะเบียนสมรสและอัตราการจดทะเบียนการหย่า ปี พ.ศ. 2523 - 2558 ของ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พบว่าในปี 2523 - 2544 ครอบครัวคนไทยในรูปแบบสามีภรรยาที่ไม่มีบุตรคิดเป็นร้อยละ 22.24 ส่วนครอบครัวในรูปแบบพ่อแม่ลูกจะคิดเป็นร้อยละ 77.76
แต่สถิติปีล่าสุดในปี พ.ศ. 2558 กลับมีครอบครัวในรูปแบบสามีภรรยาที่ไม่มีบุตรเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 38.27 ส่วนครอบครัวในรูปแบบพ่อแม่ลูกกลับมีอัตราส่วนลดลงเป็นร้อยละ 62.73 และมีแนวโน้มที่อัตราครอบครัวในรูปแบบที่ไม่มีบุตรจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เท่านี้ยังไม่พอนะครับ ผมยังเคยได้สัมผัสงานวิจัยเรื่อง การส่งเสริมการมีบุตรผ่านการสร้างสมดุลระหว่างการทำงานและการสร้างครอบครัวที่มีคุณภาพ (2559) ที่ทำโดย ผศ.ดร.มนสิการ กาญจนะจิตรา และคณะแห่งสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่าคนที่เกิดระหว่าง พ.ศ. 2523 - 2546 หรือเรียกว่า “คนกลุ่มเจนวาย” (Gen Y) หลายคนคิดหนักและปฏิเสธการมีลูก
จากการสำรวจ “กลุ่มเจนวาย” จะพบว่าการวางแผนของคนเจนนี้จะให้ความสำคัญกับ “การเรียนต่อ” เป็นลำดับแรกเพื่อหางานที่ดีกว่า แล้วค่อยคิดถึง “ความมั่นคงเรื่องงาน” จากนั้นก็มองเรื่อง “ซื้อรถ” ก่อนจะ “ซื้อบ้าน” สิ่งที่ตามมาลำดับสุดท้าย คือ “การสร้างครอบครัวแต่งงาน” และ “ค่อยมีลูก” เมื่ออายุ 30 เป็นต้นไป ซึ่งก็ล่วงเลยเวลาเจริญพันธุ์ไปกว่าครึ่ง ทำให้มีลูกยาก คลินิกปรึกษาปัญหาเรื่องลูกจึงเยอะมากขึ้นกว่าเดิม
ทีนี้พอ “กลุ่มเจนวาย” ไม่คิดจะมีลูกจะเกิดอะไรขึ้นครับ...?? ในอนาคตปี 2563 ประเทศไทยจะประสบกับปัญหาขาดแคลนแรงงาน เพราะจำนวนการเกิดเด็กใหม่ลดลง ในขณะที่กลุ่มคนวัยชราเพิ่มมากขึ้น ผลที่ตามมาคือต้องจ้างแรงงานเข้ามาจากประเทศอื่น ส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ
เรื่องนี้ผมไม่ได้พูดเองนะครับ แต่เอามาจากข้อมูลของ งานทะเบียนครอบครัว กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย แต่ก็เป็นความจริงที่ว่าการมีลูกคือ “การมีภาระเพิ่ม” ทั้งค่าใช้จ่าย งานบ้าน รูปร่างที่ผู้หญิงจะเสียไป รวมถึงอิสระที่จะได้ทำอะไรอย่างที่อยากทำ รวมถึงต้องขาดรายได้จากการหยุดงาน หรือแม้แต่จิตใจที่ไม่ต้องการเผชิญกับความเจ็บปวดจาก “การคลอดลูก”
มีคำกล่าวจากพระคัมภีร์ไบเบิล หนังสือที่ขายดีที่สุดในโลกพูดถึงการให้กำเนิดชีวิตไว้ว่า “เมื่อผู้หญิงจะคลอดบุตรนางก็มีแต่ความทุกข์ เพราะถึงกำหนดแล้ว แต่เมื่อคลอดบุตรแล้ว นางก็ไม่คิดถึงความเจ็บปวดนั้นเลย เพราะมีความชื่นชมยินดีที่คนหนึ่งเกิดมาในโลก” (ยอห์น บทที่ 16 ข้อที่ 21)
ผู้หญิงถูกสร้างมาต่างจากผู้ชายตรงที่เธอสามารถให้กำเนิดชีวิตได้ครับ ผมจึงมองว่า ผู้หญิงจะสวยงามที่สุด เมื่อตอนที่ตั้งครรภ์และคลอดบุตร การมีลูกเปรียบเหมือนการได้รับโอกาสที่จะต้องเผชิญความยากลำบาก ฝ่าฟันอุปสรรค เสียสละความสุขส่วนตัว นี่เป็นโอกาสนะครับ แต่มันเป็นโอกาสอย่างไร...??
ผมขอแบ่งปันตัวอย่างเรื่อง “หอยมุก” คิดว่าหลายคนคงทราบอยู่แล้วว่ามันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร? ตอนที่พวกหอยอ้าปากเพื่อกินอาหารในทะเล ก็จะมีเศษทรายและเศษกรวดเข้ามาทิ่มแทงที่เนื้อของมัน มันก็จะพยายามคายออกมา แต่เพราะไม่มีมือที่จะหยิบหรือคายเศษพวกนี้
ฉะนั้นเศษเหล่านี้ก็จะไปปักอยู่ที่เนื้อของมัน พอหอยเจ็บมากๆ มันก็จะพยายามดิ้น ทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้สิ่งพวกนี้ออกไปข้างนอก มันก็จะรู้สึก “ฉันทนไม่ไหวแล้ว ฉันจะตายแล้ว” แล้วก็ดิ้นรนเรื่อยๆ ตอนที่มันกำลังพยายามดิ้นรนเอาเศษทรายนั้นออก เนื้อหอยของมันเองก็จะเริ่มเน่า
และสุดท้ายหอยตัวนั้นก็จะตายนั่นเองครับ หอยบางชนิดจะมีจุดจบแบบนี้ แต่จะมีหอยบางชนิดที่เมื่อมีเศษทรายเข้ามา ตอนแรกก็พยายามจะทิ้งและเอาเศษทรายนั้นออก แต่เพราะรู้สึกว่ายิ่งดิ้นรนก็ยิ่งเจ็บมากจนรู้สึกจะทนไม่ไหว และก็ไม่สามารถเอาเศษทรายนั้นออกไปได้
สุดท้ายหอยนั้นจึงตัดสินใจยอมรับทรายเข้ามาในเนื้อของมัน และพอเจ็บเรื่อยๆ ร่างกายของมันก็จะผลิต “สารมุก” ซึ่งมีส่วนประกอบของแคลเซียมคอร์บอเนตออกมาเคลือบสิ่งแปลกปลอมเพื่อลดการระคายเคือง นานวันเข้าสารมุกนี้จะเคลือบสิ่งแปลกปลอมนี้เป็นชั้นๆ จนกลายเป็น “ไข่มุก” ที่มีลักษณะแข็งแวววาว และสวยงาม
พูดง่ายๆ ก็คือว่า ถ้าหอยพวกนี้ยอมรับทรายเข้ามา จากหอยธรรมดามันก็จะกลายเป็นหอยมุกที่ให้กำเนิดอัญมณีที่สวยงามอย่าง “ไข่มุก” ครับ แต่ถ้าหากมันปฏิเสธความเจ็บปวดจากทราย จุดจบของมันคือ “ความตาย”
ร่างกายของผู้หญิงถูกสร้างมาเพื่อให้สามารถตั้งครรภ์ ให้กำเนิดอีกชีวิตหนึ่งที่สวยงามได้ แต่ปัจจุบันกลับสวนทางกัน คู่รักหลายคู่มองว่าการแต่งงานไม่ใช่สิ่งสำคัญ รวมถึงมีทัศนคติที่มองว่า “การมีลูกเป็นการเพิ่มภาระ และสูญเสียอิสรภาพของตัวเอง” จึงมีชายหญิงหลายคู่ที่ต่างคบกันเพียงเพื่อความสุขทางกายเท่านั้น ดูได้จากสถิติการจดทะเบียนสมรสที่ลดลงอย่างต่อเนื่องของไทย ตัวเลขทางสถิติพวกนี้สามารถบ่งบอกว่าคนในปัจจุบันรักอิสระและไม่ต้องการยอมรับความยากลำบากที่จะเกิดจากการตั้งครรภ์มีบุตร หรือมีครอบครัวแบบพ่อแม่ลูกเหมือนในอดีต
บางส่วนจึงตัดสินใจทำแท้งเหมือนกับหอยบางชนิดที่ได้รับโอกาสสร้างไข่มุก ผ่านทางทรายที่เข้ามาสร้างความเจ็บปวดนั้น แต่กลับไม่ต้องการยอมรับและดิ้นรนเพื่อให้เศษทรายที่ปักเนื้ออยู่ ออกไปข้างนอก จนสุดท้ายชีวิตของมันต้องจบลงที่ความตาย
ผู้หญิงหลายคนได้รับโอกาสที่จะตั้งครรภ์คลอดบุตร ได้ให้กำเนิดอีกชีวิตที่สวยงาม แต่กลับพยายามหาวิถีทางที่จะปฏิเสธไม่ยอมให้อีกชีวิตนั้นเกิดมา ไม่ต้องการยอมรับความลำบากที่จะเข้ามาจากการตั้งครรภ์ให้กำเนิดลูก ทั้งๆ ที่ได้รับโอกาสที่จะเป็นแม่ ได้สัมผัสกับความสุขจากการที่ได้ให้กำเนิดชีวิตใหม่ที่น่ารัก เหมือนดังหอยที่ยอมรับทรายเข้ามาปักที่เนื้อของมัน ทั้งเจ็บและทรมาน แต่สุดท้ายเกิดเป็นไข่มุก อัญมณีธรรมชาติที่มีความสวยงามและราคาแพง
ในมุมมองของผม ไม่ใช่แค่เรื่องการปฏิเสธการตั้งครรภ์และทำแท้งเท่านั้นครับ แต่ผมอยากให้ท่านผู้อ่านได้มีโอกาสให้ชีวิตรับความยากลำบากเข้ามา หากมีโอกาสเช่นนั้นหรือบางทีโอกาสอาจวิ่งมาชนก็ลองรับดูครับ สุดท้ายความเจ็บปวดนั้นจะให้บทเรียน กลายเป็น “ไข่มุกที่สวยงามในชีวิตของพวกคุณ”

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา