มาจับตาดูเทรนด์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจการท่องเที่ยวกัน (ณ วันที่ 31 พค)
อ่านมันส์และไม่น่าเบื่อ ไปด้วยกราฟข้อมูลต่างๆ :)
ในขณะที่เหตุการณ์กำลังดีขึ้น ประเทศไทยเองก็คลายล็อคดาว และเริ่มเปิดเมือง สนามบินภูเก็ตเองก็เริ่มเปิดแล้ว แต่อีกมุมนึงก็คือ ทางด้านปักกิ่งจีน และญี่ปุ่น ดันพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ มากถึง70 คน ไปเมื่อวันก่อนในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา ใครจะไปคาดเดาได้ว่าความกัวในระลอกที่ 2 จะนำมาซึ่งการปิดประเทศอีกเนอะ แต่อย่างน้อย เราก็มีบทเรียน และมีหลายๆบทความที่บันทึกเอาไว้อย่างดีเยี่ยม ^^
ในบทความนี้เราจะพาเพื่อนๆไปดูกันว่าตอนนี้ เทรนด์เศรษฐกิจการท่องเที่ยว Demand ต่างๆ รวมถึงการฟื้นฟูของโลก และประเทศท่องเที่ยวสำคัญๆเป็นอย่างไรกันบ้าง ไปกันเลยย !
โดยข้อมูลนี่จะเป็นการสรุปตัวเลขจาก Skift Research รวบรวมตัวเลขตั้งแต่ ธันวา 2019 จนถึง 31 พฤษภา 2020
1. Overall Recovery Index
โดยอัตราการฟื้นฟู หรือ Skift ใช้คำว่า Recovery Index เนี่ย ทำการแทรคอัตาการฟื้นตัวจาก 15 ประเทศ ดังนี้
Australia, Brazil, Canada, China, France, Germany, India, Italy, Mexico, Singapore, Spain, Thailand, the U.S., United Arab Emirates, and the United Kingdom
Slow global recovery continues - Skift Research (31 May)
สรุปจากกราฟด้านบน
- เทรนด์ที่เราจะเห็นได้คือ มันขยับตัวไปค่อนข้างช้า แต่กราฟจะเงยหัวขึ้นมาเรื่อยๆเนอะ
- เพื่อนๆจะเห็นได้เลยว่าในช่วงปลายปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจการท่องเที่ยวใน 15 ประเทศนี้คือโตมากกกคะแนเค้าอยู่สูงถึง 120 (หรือ โตมาเกือบ 20%)
- จนถึงปัจจุบัน (31 May) คะแนนเพิ่มจาก จุดตกต่ำที่ 28 มาเป็น 41 คะแนนแล้ว เฉลี่ยเพิ่ม 1-2 คะแนน ในแต่ละสัปดาห์ นั้นหมายความว่า ณ ตอนนี้ เศรษฐกิจการท่องเที่ยวได้ฟื้นฟูมาเกือบ 50% แล้วน้ะ ! (เค้าวัดจากยอดการจองด้วยนะ เดี๋ยวมีแหล่งที่มาของเว็ปไซต์ที่ Skift เค้าไปแทรคตัวเลขมาให้)
2. มาดูคะแนนการฟื้นฟูในแต่ละทวีปกันบ้างง
จาก 29 Dec 19 - 24 May 20
สรุปจากกราฟด้านบน
- ยุโรป เป็นทวีปที่การฟื้นฟูเริ่มช้าที่สุด แต่คะแนนขึ้นมาเทียบเท่า Asia ได้แล้ว ณ 24 พค. นั้นเป็นเพราะว่าไม่ใช่เพียงแค่การท่องเที่ยงในประเทศ แต่ประเทศในกลุ่ม EU ส่วนใหญ่จะเริ่มมีการใช้ Travel bubbles สำหรับประเทศเพื่อรบ้านกันไปแล้วจ้าาา
- ในขณะที่ อเมริกาเหนือ ได้มีการปรับตัวฟื้นขึ้นมาเร็วเช่นกัน แม้ว่าจะมีเหตุการณ์ประท้วงสีผิว หรือ เคสโควิดที่ยังไม่สิ้นสุดซะที คงเป็นเพราะพี่เมกาเค้าทนไม่ไหวแว้ว
ขยายเข้ามาให้เห็นชัดๆขึ้น 1 Mar - 31 May 2020
สรุปจากกราฟด้านบน
- พอเรามามองตั้งแต่เริ่ม Covid จนถึงตอนนี้ จะเห็นเลยว่า กราฟลดลงมาอย่างน่ากลัวว
- Asia Pacific การที่เทรนด์กราฟยกหัวขึ้นมาได้ หลักคือ การที่ จีน และ ญี่ปุ่น สามารถควยคุมได้อย่างรวดเร็ว (ถึงแม้ตอนนี้จะพึ่งมีข่าวติดรอบ 2 มา)
- ถ้าเราพูดถึง ณ วันที่ 31 May เนี่ย อันดับ 1 คงไม่พ้น อเมริกาเหนือ เพราะว่าประชากรที่เค้าเยอะกว่าเรา และเดินทางในประเทศได้อย่างอิสระ ตัวเลขเลยพุ่ง
3. มาเจาะลึกลงไปอีกกก ดูเป็นรายประเทศกันไปเล้ยยยย
ภาพลึกลงมาของรายประเทศใหญ่ๆ 29 Dec 19 - 24 May 20
สรุปจากกราฟด้านบน
- จีน เริ่มลดลงอย่างมีนัยสำคัญ นั้นก็คงไม่พ้นการเจอเคสใหม่ๆ ที่เป็นไปได้ว่า เค้าอาจจะมีการพบมาก่อน (แล้วค่อยออกข่าว)
- เพื่อนๆสังเกต ออสเตรเลีย ว่าทำไมถึงต่ำสุดละ ?
ที่ว่าเค้าต่ำสุดตอนนี้เนี่ย ไม่ใช่เพราะ Covid นาจา แต่พี่ออสซี่ เค้าโดนผลกระทบจากไฟป่าครั้งยิ่งใหญ่ที่ผ่านมาต้นปี สถานที่ท่องเที่ยวในหลายๆที่ (ยกเว้นชายหาด) ยังฟื้นตัวไม่สมบูรณ์นั้นเอง ก็เพราะพึ่งจะได้มาปรับปรุงช่วงคลาย ล็อกดาวนี่เนอะ
มาดู 15 ประเทศ ในช่วงวันที่ 1 May - 31 May 2020
เอ๊าๆ เพื่อนๆอย่าเพิ่งร้องว่าตาลายนะ 555 ถ้าเพื่อนๆดูไม่ไหว มาๆๆอ่านที่เราสรุปดีก่าาา ง่ายยยๆ อิอิ
สรุปจากกราฟด้านบน
- ประเทศที่มีการฟื้นฟูตัวเองได้ก่อน ก็ได้เปรียบคะแนนพุ่ง เช่น Germany, France, China (จีนเค้าขึ้นมาตั้งแต่ เมษาแว้ว)
- ประเทศที่มีการเปิดการท่องเที่ยวภายในประเทศได้ก่อน ก็คะแนนขึ้นมาเร็ว U.S และ Mexico
- ประเทศที่ผู้คนอาจไม่สนใจนัก แต่ชั้นทนไม่ไหวแล้ววว จะเที่ยววววว คือ Spain, UK, U.S, Brazil
- ประเทศที่กำลังจะดีขึ้น (แต่ ณ วันที่ 31 ยังไม่เห็นเทรนด์) คือออ พี่ไทยเราเองง, สิงคโปร์
- ประเทศที่เราว่ายังน่าเป็นห่วง คือ India
4. ไหนๆแล้ว การใช้เงินของคนแต่ละประเทศใน NEW NORMAL เป็นไง ?
เราชื่อว่าเพื่อนๆอาจจะเริ่มมึนแล้ว เมื่อไรเจ้าคนนี้เค้าจะรีบเขียนจบๆ 555
มาๆ เราไฮไลท์สีเหลืองกับแดงไว้ให้ง่ายๆ
- ประเทศที่จับจ่ายใช้สอยหรือการใช้เงินในช่วง New normal เพิ่งขึ้นคือ Canada และ Germany
- โดยที่ประเทศที่ผู้คนหันมาประหยัดกันขึ้นเยอะคือ Thailand, และ Spain
ข้อมูลอื่นๆที่ไม่ได้ไฮไลท์ สรุปให้ง่ายๆ
- ถ้าพูดถึง Domestic expenditure ที่เยอะที่สุดคงไม่พ้นประเทศ จีน และ อเมริกา ที่ประชากรเยอะอยู่แล้ว
- แต่ถ้ามองกันที่ Expenditure หรือ รายจ่ายจริงๆเนี่ย ไม่นับประเทศที่มีประชากรเยอะนะ เราว่า Brazil กับ Australia เนี่ย ไม่เลวเลยละ
- ส่วน ถ้าเราพูดถึง การนำเข้า-ส่งออก Thailand และ Spain เนี่ย Ratio เยอะที่สุด และก็เยอะมาจากการ Import ซะด้วยนะ (สงสัยผู้คนจะมีการสั่งของอนไลน์ที่เยอะขึ้น หรือเป็นไปได้ว่า Supplier ต่างๆนอกประเทศต่างพากันลดราคาวัตถุดิบ และหลายๆคนอาจจะกลับมองว่าพลิกวิกฤตเป็นโอกาส เพียงแต่ตัวเราเองยังมองว่ายากอยู่นะ)
5. กราฟสุดท้ายแล้วจ้าาา บันเทิงดี สำหรับทางเลือกของการท่องเที่ยว
สรุปสั้นนนๆๆจากกราฟด้านบน
- การท่องเที่ยวโดนการขับรถเนี่ย ถือว่าฟื้นตัวเร็วที่สุด ขึ้นมาอยู่ที่ 40% แล้ว
- ในขณะที่ Domestic travel ถูกโปรโมทไปเยอะขึ้น การเดินทางด้วยรถสะดวกขึ้น โรงแรม Lodging ต่างๆก็ขยับขึ้นมาตามๆไป (แต่อาาจจะมีนักท่องเที่ยวที่เที่ยวเช้า-เย็นกลับ เลยทำให้ Drive สูงกว่า)
- ไม่น่าเชื่อว่า ถ้าเราเทียบกับระบบเศรษฐกิจโดยรวมเนี่ย การท่องเที่ยวต่างๆถือว่าดรอบลงไปเกือบเท่าตัว (80% for Mac.economic vs 30-40% Travel)
จบแล้วววเพื่อนๆ จริงๆมันมีข้อมูลอีกน้ะ แต่ว่าไปเน้นในตัวของ Import-Export เสียมากกว่าซึ่งอาจจะไกลจากเรื่องของการท่องเที่ยวเกินไปหน่อยนึง เลยตัดจบที่ตรงนี้น้าาา
เราหวังว่าจะข้อมูลที่เราย่อยมาจะคุ้มกับเวลาอ่านของเพื่อนๆน้า :):)
References:
Travel Agency :
Arrivalist, Criteo, Hotelbeds, OAG, RateGain, Shiji Group, SimilarWeb, SiteMinder, Sojern,
- 10
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
