9 ก.ค. 2020 เวลา 18:20
“ผมจะไปรอคุณที่ทางช้างเผือก ฮิเดโกะ ”EP 2/2 ตอบจบ
เทพีเฮราตื่นขึ้น ก็ต๊กใจ เมื่อพบว่ามีทารกแปลกหน้ากำลังดื่มนมจากอกนาง ผลักทารกเฮอคิวลิสออกไป น้ำนมหกสาดกระเซ็นทั่วสวรรค์ เปรื้อนกระจายเป็นสายเต็มท้องฟ้า กลายเป็นที่มาของ Milky Way
1
ภาพวาดต้นกำเนิดของ Milky Way โดยศิลปินมีชื่อเสียงของโลก Peter Paul Rubens
ความรู้วันนี้ต่อยอดความเชื่อวันนั้น:
แถบฝ้าขาวระยิบระยับของทางช้างเผือกนั้น ประกอบประชากรดาวฤกษ์ 1-4 แสนล้าน
ดวงดาวเคราะห์ กลุ่มแก๊ส ฝุ่นละอองระหว่างดาว ที่ว่าง พลังงานและรังสีชนิดต่าง ๆมากมาย รวมกันอยู่ด้วยกระแสแรงโน้มถ่วงระหว่างดวงดาว กับหลุมดำยักษ์ที่อยู่ใจกลางที่มีแรงดึงดูดมหาศาล สามารถดึงมวลของวัตถุต่าง ๆ ในทางช้างเผือก ให้หมุนวนอยู่รวมกันได้
นักดาราศาสตร์เชื่อว่าหลุมดำมวลยิ่งยวดนี้ มีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์ 4 ล้านเท่า
และตั้งชื่อให้มันว่า Sagittarius A พร้อมฉายาว่า อสูรกายม่ายดำ
Vetrarbraut ของคนไอซ์แลนด์ Iceland
หรือ Vintergatan ในคนกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย ให้ความหมายถึง Winter
Streets หรือ ถนนแห่งฤดูหนาว เนื่องจากประเทศเหล่านี้ตั้งอยู่แถบขั้วโลกเหนือ
ห่างไกลจากเส้นศูนย์สูตร แสงของดวงอาทิตย์น้อยจึงเข้าถึงได้น้อย
ตลอดช่วงฤดูร้อนของที่นี่ ท้องฟ้ากลางคืนจึงสว่างยาวนาน เกือบทั้งวัน
แทบไม่มีโอกาสเห็นแสงดาวใด ๆ
แต่เมื่อถึงฤดูหนาว ท้องฟ้ากลางคืนจะมืดมิดและยาวนาน ผู้คนที่นั่นจะเริ่มเห็นแสง
ดาวเดือน ดังนั้น เมื่อได้เห็น Winter Street ทำให้พวกเขาเกิดความเชื่อว่า
...ฤดูหนาวได้มาถึงแล้ว..
Bealach na Bó Finne ของคนไอร์แลนด์ Ireland
คนไอริช จะเรียกทางช้างเผือก ตามความเชื่อท้องถิ่นว่า Bealach na Bó Finne
หรือ The Fair Cow’s Path
Bealach na Bó Finne แปลว่า ทางวัวขาว ชื่อนี้ได้มาจากการมองเห็นแสงสะท้อน
ของทางช้างเผือกบนผิวน้ำ เหนือแม่น้ำ Boyne ที่สวยงามวาววับราวกับแสงสวรรค์
ชื่อแม่น้ำเอง มีที่มาจาก เทพธิดาในตำนานโบราณ ชื่อ Bóinn's ซึ่งมีความหมายว่า
วัวขาว
Bealach na Bó Finne เหนือแม่น้ำ Boyne
ความรู้วันนี้ ต่อยอดความเชื่อวันนั้น:
ในคืนที่ฟ้าเปิด เราอาจจะมองเห็นดวงดาวบนท้องฟ้าด้วยตาเปล่าได้ถึง 2500 ดวง
แต่แท้จริงแล้ว คิดเป็นเพียง 0.0000025% ของดวงดาวทั้งหมดในทางช้างเผือก
ส่วนของทางช้างเผือก ที่นักวิทยาศาสตร์สังเกตได้โดยตรงด้วยแสง ก็คิดเป็นเพียง 10% ของมวลทั้งหมดของทางช้างเผือกเท่านั้น
อีก 90% ที่lไม่สามารถมองเห็นได้ อาจจะเป็นหลุมดำขนาดเล็ก ดาวที่เย็นมาก หรือ
อนุภาคขนาดเล็กจำนวนมาก
นักดาราศาสตร์จึงเรียกวัตถุเหล่านี้โดยรวมว่า “สสารมืด” (Dark Matter)
Straw Thief’s Way ของคนเอเชียกลาง และคนแอฟริกัน
ประเทศในกลุ่มเอเชียกลาง และแอฟริกาจะเรียกทางช้างเผือก ว่า ทางฟางข้าว
หรือ ทางฟางโจร นักประวัติศาสตร์เชื่อว่าพวกอาหรับได้ยินคำนี้มาจากพวก
คนอัลมาเนีย
จากตำนานเทพ Vahagn ได้บินไปขโมยข้าวจากกษัตริย์อัสซีเรียชื่อ Barsham
เพื่อนำช่วยชาวอัลมาเนียนในฤดูหนาวที่หนาวเหน็บ
แต่ระหว่างทางได้หนีไปทั่วสวรรค์ ทำข้าวหกหาย กระจาย ไปเต็มท้องฟ้า
กลายเป็นที่มาของ ทางฟางข้าว
ความรู้วันนี้ ต่อยอดความเชื่อวันนั้น:
ความรู้ด้านดาราศาสตร์ปัจจุบัน ตรวจพบว่า มีดาวฤกษ์จำนวนหนึ่งหายไป
จริง ๆแล้วนั้นไม่ได้หายไปใหน แต่ถูก Sagittarius A ซึ่งเรียกกันว่า อสูรกายม่ายดำ ดูดกลืนกินลงไป ทุกอย่างที่เข้ามาใกล้ ไม่มีอะไรที่เข้ามา แล้วออกจากหลุมดำได้
เลยแม้แต่แสงสว่าง
ปัจจุบัน นักดาราศาสตร์ได้จับตาดาวฤกษ์หลายดวง ที่โคจรใกล้ขอบหลุมดำ
ตลอดเวลา
เพราะพวกเขาเชื่อว่าดาวฤกษ์เหล่านี้ ที่กำลังจะถูกกลืนกิน จะช่วยพวกเขาต่อยอด
ความรู้อย่างสุดล้ำ รวมถึงได้ใช้ทดสอบทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปของไอน์สไตน์
ภาพจำลองหลุมดำ ที่มาภาพ SCIENCE PHOTO LIBRARY
ทางช้างเผือก ของคนไทย
ทางช้างเผือก ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานของไทย นั้นหมายถึง
“แสงกลุ่มดาว ซึ่งแผ่เห็นสว่างเป็นพืดในท้องฟ้า”
ทางช้างเผือกของไทยเรา มีอิทธิพลต่อความเชื่อของบรรพบุรุษไทยมากอยู่
ไม่ว่าจะเป็นด้านโหราศาสตร์ โชคชะตะราศรี ตลอดไปจนถึง โชคลาง ฯลฯ
เริ่มตั้งแต่การเรียกชื่อ คาดกันว่า น่าจะมาจากความเชื่อสำคัญ 2 ประการ
1. ลักษณะทางสีขาว ๆ ที่พาดผ่านฟากฟ้ายามค่ำคืน เป็นเสมือนทางจาก
ทางสวรรค์ดาวดึงษ์ ทางเทวดานางฟ้า ที่ทอดยาวลงมาสู่พื้นดิน
2 ความผูกพันธ์ศรัทธาในพุทธศาสนาว่า ช้างเผือก เป็นสัญลักษณ์แห่ง
การบำเพ็ญบารมี และความศักดิ์สิทธิ์ ดังปรากฏในอดีตชาดก
คนไทยสมัยก่อน จึงตั้งชื่อ สายธารดารานี้ว่า ทางช้างเผือก ที่เปรียบเหมือนเป็นทางสวรรค์ ที่ช้างเผือกสัตว์มงคลเดินทางลงมา เพื่อเป็นช้างคู่บารมีของพระมหากษัตริย์
ชื่อเดิมก่อนหน้า คนไทยในอดีตเรียกว่า “คลองฟ้า” ว่ากันว่า คำนี้ มีปรากฎใน
ลิลิตโองการแช่งน้ำ บทประพันธ์ที่เชื่อกันว่า อยู่ในสมัยก่อนกรุงศรีอยุธยา
หรือ “คลองช้างเผือก” คำนี้ถูกบันทึกไว้ในพระราชพงศาวดารกรุงสยามฉบับบริติช
มิวเซียม ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อในโชคลาง ในวันที่พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศกำลัง
จะเสด็จสวรรคต ดังใจความบางส่วนว่า..
“ในกรุงพระมหานครศรีอยุธยา ณ วันแรม ๒ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีฉลู นพศก
กลางคืนลมว่าวพัดหนัก พระมหาธาตุ
ซึ่งเป็นหลักอัครโพธิ โทรมลงทลาย
ทั้งอากาศสำแดงร้ายอาเพท ประทุมเกศตกต้อง มหาธนูลำพู่กัน
หนึ่งดวงดาวก็เข้าในดวงจันทร์ ทั้งดาวหาง คลองช้างเผือก
ด้วยเทพยเจ้าสังหรณ์หากให้เห็น
ด้วยพระองค์เป็นหลักชัย
ประชาชนก็เย็นยะเยือกทั้งพระนคร…”
..................กวีธารา.................
หากชื่นชอบ กด Like = ส่งกำลังใจให้ผู้เขียน กวีธารา มากมายเลยนะคะ
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ มีบทความอื่นที่น่าสนใจ ๆ ที่ตั้งใจเขียน รวบรวม และแชร์ไว้ ติดตามได้ที่ blockdit.com/ KWtara
กวีธารา เป็นร้านค้าแนวอนุรักษ์ ขายโปสการ์ดและถุงผ้า งาน Handmade
ภาพลิขสิทธิ์ และรับสั่งทำถุงผ้าลดโลกร้อน Line ID 3514653
สนใจแวะชมอุดหนุนงานได้ที่ Shopee/KWtara
ภาพเพ้นท์ช้างป่าบนโปสการ์ดและถุงผ้า ลิขสิทธิ์กวีธารา ติดตามได้ที่ Shopee/KWtara
กวีธารา ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลอ้างอิง :
-โองการแช่งน้ำ และข้อคิดใหม่ในประวัติศาสตร์ไทยลุ่มน้ำเจ้าพระยา, จิตร ภูมิศักดิ์
-

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา