11 ก.ค. 2020 เวลา 02:54 • นิยาย เรื่องสั้น
บทที่ 2 ...พอเจอหน้าก็ ?......
ณ สนามบินบาราคัส7 ประเทศสเปน หญิงสาวเดินผ่านตรวจคนเข้าเมืองมาแล้ว เจ้าหน้าที่ซักถามเป็นภาษาสเปนเล็กน้อย หญิงสาวตอบไปตามความจริงและผ่านไปได้อย่างไม่มีปัญหา จนออกมารอรับกระเป๋าและยืนรอคนที่จะมารับจากไร่ ริคาเดโล เด กรานาด้า........ เวลาผ่านไป 2 ชม.หลังจากที่ออกมายืนรอตรงจุดรอรับของสนามบิน ก็ยังไม่เห็นใครจากไร่นั้น มีแต่พวกแท็กซี่ที่เข้ามาถาม หญิงสาวไม่ไว้ใจใครเพราะคิดว่าแท็กซี่ที่ไหนๆ ก็คงคล้ายกัน เมื่อเห็นคนต่างชาติก็จะต้องโขกราคาเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
หญิงสาวยืนรอ นั่งรอ อยู่ตรงม้านั่งภายในสนามบิน เวลาก็ยังคงเดินไปเรื่อยๆ ใจเริ่มหวิว เอายังงัยดีล่ะเนี่ย ไหนว่าจะมีคนมารับ จะโดนทิ้งมั๊ยเนี่ย หันซ้าย หันขวา บางคนมาถึงช้ากว่าเธอ แต่ก็มีคนมารับแล้ว บางคนรู้เส้นทาง ก็เดินออกตรงไปยังสถานีรถประจำทางเพื่อขึ้นรถเลย
“ว่างัยนะ มิเกล ไม่สบาย แล้วทำไมนายเพิ่งมาบอกชั้นเนี่ย ทำไมไม่บอกเร็วกว่านี้” อัลเฟรโด้สบถออกมาด้วยความไม่พอใจ
“ได้ๆ เดี๋ยวชั้นเลยไปรับให้ ดีนะที่ชั้นมาทำธุระอยู่แถวชามาร์ติน8 เดี๋ยวจะเลยไปดูให้ก็แล้วกัน”
“ขอบคุณครับนาย พอดีว่าทางเมืองไทยโทรมาบอกเมื่อวาน ผมเลยกะจะให้มิเกลไปรับ แต่พอดีเมื่อคืนหนักกันไปหน่อย วันนี้มันเลยไข้ขึ้นน่ะนาย” ดิเอโก้ หัวหน้าคนงานบอกเหตุผล
“เธอชื่อ อมัญญา ศารทูลนะครับนาย” เขาทวนชื่ออีกครั้งและจำไว้ในใจ เขายังไม่แก่ขนาดต้องใช้ปากกาจดจำเรื่องต่างๆ แต่ชื่อเธอนี่มันก็จำยากพอสมควรนะเนี่ย
ชายหนุ่มรีบเดินไปขึ้นรถแท็กซี่ที่จอดรออยู่ และสั่งให้คนขับ ขับวนออกไปทางนอกเมืองเพื่อไปให้ถึงสนามบินเร็วที่สุด เพราะเลยเวลาที่เครื่องแลนดิ้งไปมากแล้ว
ขณะที่หญิงสาวนั่งรอ คอตกอยู่ที่ม้านั่งตัวที่ไกลสุดบริเวณนั้น โดยไม่เงยหน้าขึ้นมาดูผู้คนที่เดินผ่านไปมา และมองอย่างสงสัยว่าทำไมผู้หญิงเอเซียคนหนึ่งมานั่งทำอะไรอยู่ที่สนามบินด้วยหน้าตาอมทุกข์และเป็นกังวล โดยปกติแล้วชาวเอเซียที่มาที่นี่จะมีหนุ่มๆ หรือเพื่อนๆมาคอยรับ ทุกคนล้วนแต่ดูมีความสุขกับการได้มาเยือนยุโรป ได้ท่องเที่ยว หรือพบเจอสิ่งใหม่ๆในอนาคต
อมัญญาคิดไปต่างๆนานา จะทำอย่างไรดี ถ้าไม่มีคนมารับ จะโทรศัพท์ ก็ยังไม่มีเหรียญเลย มีแต่แบงค์ ต้องขอแลกเหรียญก่อนดีมั้ย โทร.ไปถามที่ไร่ ว่าส่งคนมารับหรือยัง หรือจะโทรทางไกลกลับเมืองไทยสอบถามคุณดำรงให้รู้เรื่อง น้ำตาเริ่มคลอเบ้า เวลาผ่านไปสองชั่วโมง เลยจากเวลานัด ทำไมยังไม่มีใครมา หรือว่าพวกเขาจะลืม
ด้านชายหนุ่มเมื่อลงจากแท็กซี่ก็รีบวิ่งเข้าไปในตัวอาคารผู้โดยสารขาเข้า สอดส่ายสายตาหาผู้หญิงเอเซีย เขาทราบว่าคุณดำรงหาคนที่สามารถเข้าใจภาษาสเปนได้ จึงถามออกไปเป็นภาษาสเปน “เปดอนเน เอส ไตลันเดซ่า?” (Perdone es Tailandesa?) (ขอโทษครับ ใช่คนไทยหรือเปล่าครับ) หลายต่อหลายคนที่เขาเข้าไปทัก...ไม่ใช่... ทุกคนส่ายหน้า
ผ่านไปเกือบ 10 นาที เขามองเห็นผู้หญิงผิวสีแทนคนหนึ่ง ผมยาวตรง รูปร่างไม่บางมาก แต่ดูแล้วดึงดูด มีสเน่ห์ อายุน่าจะประมาณ 25 ปี นั่งกุมศีรษะ คอตกอยู่ที่ม้านั่งตัวไกลที่สุด คนสุดท้ายที่จะถาม ถ้าไม่ใช่คงต้องโทร.ถามคุณดำรงที่เมืองไทยว่าคนที่ส่งมาหน้าตายังงัย
ชายหนุ่มเดินเข้าไปหยุดยืนตรงหน้าช้าๆ หญิงสาวรู้สึกได้ว่ามีคนมายืนอยู่ตรงหน้าเธอ อมัญญาค่อยๆเงยหน้ามองขึ้นจากรองเท้าที่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่ของถูก ขึ้นไปจนถึงกางเกงยีนส์ราคาแพง ไล่สายตาไปจนถึงเสื้อเชิ๊ตสีดำ ซึ่งดูก็รู้ว่ามียี่ห้อและราคาแพงเช่นกัน เขาพับแขนเสื้อขึ้นไปถึงข้อศอก ที่หน้าอกมีขนโผล่ออกมาเล็กน้อย เธอสังเกตเห็นชายหนุ่ม สวมสร้อยเลทที่คอ สีเงิน คำว่า Mi amor ซึ่งเธอก็ทราบความหมายของคำนี้ดี ว่ามันแปลว่า “ที่รัก”
เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาคมเข้ม ผมหยักศกตามสไตล์ของหนุ่มสเปน มีเคราที่คางเล็กน้อย จมูกโด่งเป็นสัน น่าจะสูงสัก 190 ซม. เห็นจะได้ ‘นี่มันนายแบบหลุดออกมาจากหนังสือแฟชั่นหรือเปล่าเนี่ย ที่ยืนอยู่ตรงหน้าชั้น’ อมัญญาคิดในใจ แต่เอ๊ะ หน้าเค้าคุ้นตามาก เหมือนเคยเจอที่ไหน นึกไม่ออก.....
เธอจ้องเขาอยู่ชั่วอึดใจ จึงได้ยินเสียงเข้ามากระทบโสตประสาท
“เปดอน เอเรส ไตลันเดซ่า” (Perdon eres Tailandesa) (โทษนะ เธอคนไทยหรือเปล่า) อัลเฟรโด้ถามออกไปห้วนๆ เหมือนไม่พอใจสายตาเอ็กซเรย์ของเธอ
“ซิ ซอย ไตลันเดซ่า” (Si ,Soy Tailandesa) (ใช่ค่ะ ดิฉันเป็นคนไทย) หญิงสาวตอบเสียงเบามาก เค้าสังเกตเห็นตาและจมูกเธอแดงเล็กน้อย คงจะแอบร้องไห้ล่ะสิ เค้าคิดในใจ
“ตู นอมเบร เอส อา-มาน-ยา ?” (Tu nombre es A- man-ya?) (ชื่อเธออมัญญาใช่มั๊ย) อัลเฟรโด้ถามอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจ
“ซิ ซอย โย , เอส มิ นอมเบร” (Si, Soy yo, Es mi nombre) (ฉันเองค่ะ นั่นชื่อฉันเอง)
“เกี๊ยน เอส อุสเต๊ด?” (Quien es usted?) (คุณเป็นใครคะ) “อุสเต็ด เด กรางฆา ริคาเดโล เด กรานาด้า เบรดาด?” (Usted de granja Ricadelo de Granada verdad?) (คุณเป็นคนที่มาจากไร่ริคาเดโล ใช่มั๊ยคะ)
“ซิ ซอย อัลเฟรโด้ เด ริคาเดโล...” (Si, Soy Alfredo de Ricadelo…..) (ใช่ ฉัน อัลเฟรโด้ จากไร่ริคาเดโล.....)ชายหนุ่มกำลังจะพูดต่อ แต่หญิงสาวขัดขึ้นก่อน “ดิโอส มิโอ้” (Dios mio) (สวรรค์ทรงโปรด) หญิงสาวยืนขึ้นด้วยความดีใจ เขาสังเกตได้ว่า เธอรูปร่างสมส่วน ไม่สูงไม่เตี้ยไป ไม่ดูแบบบางอย่างกับผู้หญิงทั่วไป หน้ารูปไข่ ตาโต แต่ค่อนข้างดูเศร้า ผมยาวตรง สีน้ำตาลเข้ม ปากเธอได้รูป เธอจัดว่าเป็นคนสวยในสายตาเขา แต่สวยแบบเรียบๆ ไม่ได้หวือหวาเหมือนสาวอื่นๆที่เค้าเคยควงด้วย
“ทำไมคุณมาเลทจังคะ คุณทำให้ฉันตกใจ นึกว่าถูกทิ้งซะแล้ว” หญิงสาวกล้าพูดมากขึ้น เมื่อทราบว่าเขาไม่ใช่ใครอื่น คือคนที่เจ้านายส่งมารับจากไร่
“เจ้านายไม่ได้บอกคุณหรือคะว่าฉันจะมาถึงบ่ายสองโมง” หญิงสาวถามขณะที่อารมณ์ขึ้นเป็นริ้วๆ
เขาไม่ได้ตอบคำถามเธอ แต่กลับถาม “เราจะไปกันได้หรือยัง หรือจะยืนคุยกันที่นี่” แล้วเขาก็คว้ากระเป๋าของเธอเดินดุ่มๆ ออกไปทางประตูเพื่อจะซื้อตั๋วเครื่องบินอีกครั้ง เดินทางไปกรานาด้า ที่ตั้งของไร่ริคาเดโล เด กรานาด้า ซึ่งคุณยายของเขากำลังรอเธออยู่ หญิงสาวได้แต่วิ่งตามไปอย่างงงๆ
‘คนอะไรหน้าตาก็ดี ทำไมดุยังกับหมา หน้าตาก็บูดบึ้งได้ตลอดเวลา หวังว่าชั้นคงไม่ต้องเจอคุณอีกหลังจากถึงไร่ เค้าก็คงเป็นแค่คนที่เจ้านายส่งมารับ’ หญิงสาวภาวนาในใจ
เขาซื้อตั๋วเครื่องบินสำหรับ 2 ที่ เพื่อเดินทางไปกรานาด้า ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.โดยเครื่องบิน จากมาดริด สู่ กรานาด้า หญิงสาวนั่งหลับตลอดระยะเวลานั้น เพราะรู้สึกเหนื่อยมากกับการเดินทาง เธอไม่เคยไปไหนไกลเช่นนี้มาก่อนเลย ชายหนุ่มเพ่งมองหน้าเธอขณะหลับ ใบหน้าดูอ่อนโยน ไร้กังวล เหมือนเด็กๆ เขาคิดในใจ ‘ผู้หญิงอะไรหลับได้ตลอดทาง ระวังจะโดนดีสักวัน’
เมื่อถึงกรานาด้า เขาเดินนำเธอไปที่รถเพื่อมุ่งหน้าสู่ไร่ ตั้งแต่เมื่อเช้าเขาได้ขับรถมาจอดที่นี่เพื่อขึ้นเครื่องไปทำธุระที่มาดริด ไม่นึกว่าขากลับ ต้องหอบหิ้วใครมาด้วย เนื่องจากลูกน้องตัวดี ละเลยหน้าที่ เดี๋ยวต้องกลับไปดูอาการมันซะหน่อย ป่วยจริง หรือป่วยการเมือง ระหว่างทางเขาและเธอไม่ได้พูดอะไรกันอีก ต่างคนต่างเงียบ เหมือนจะหยั่งเชิงกัน
เมื่อถึงไร่ ก็เป็นเวลา 2 ทุ่มกว่าแล้ว แต่พระอาทิตย์ก็ยังไม่ตกดิน ยังมีแสงเหมือนเวลาบ่าย 3 หรือ 4 โมงเย็นในประเทศไทย หญิงสาวแปลกใจมาก เพราะไม่เคยได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้มาก่อน เขาแจ้งให้เธอทราบว่า ให้เธอไปพักผ่อนก่อน โดยจะมีแม่บ้านนำเธอไปที่บ้านพัก พรุ่งนี้ค่อยเข้าไปรายงานตัวกับเจ้านาย แล้วเขาก็เดินหายไปทางด้านหลังของตัวบ้าน
“โอหล่า , โกโม เซ ยาม่า?” (Hola, Como se llama?) (สวัสดีค่ะ คุณชื่ออะไรหรือคะ ) อมัญญา ถามแม่บ้านที่เดินนำทางเธอเข้าบ้านพัก
“ซอย อิเนส , มูโฉ่ กุ๊สโตะ, อิ อุสเต็ด?” (Soy Ines, Mucho gusto y usted) (ฉันชื่ออิเนสค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก และคุณล่ะคะ) อิเนสตอบ
“เหม่ ยาโมะ อมัญญา , เอ็นกานตาด้า (Me llamo Amanya, Encantada) (ฉันชื่ออมัญญาค่ะ, ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ) หญิงสาวพูดตามที่เคยเรียนมา
เมื่อทำความคุ้นเคยกันแล้ว อิเนสแจ้งกับเธอว่า จะเตรียมอาหารมาให้ และให้เธอพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้ค่อยไปพบคุณมาลินี หญิงชราใจดีที่เธอต้องดูแล หลังจากที่อิเนสนำอาหารมาให้และกลับไป หญิงสาวก็ทำการจัดข้าวของส่วนตัวเข้าตู้และอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะเธอใส่เสื้อผ้าชุดนี้มาตั้งแต่ออกจากเมืองไทย หลังจากนั้นจึงออกมานั่งรับประทานอาหารด้วย
ความหิว และเตรียมนอนพักเอาแรง เพื่อพรุ่งนี้จะได้เจอกับเจ้านาย เพี้ยง........ ขออย่าให้เจออีตาคนนั้นอีกเลย คนอะไรดุ แล้วก็เย็นชาเป็นบ้า ไม่ถามสักคำว่า หิวหรือเปล่า เดินทางมาตั้งไกล หิวจะตายอยู่แล้ว.....เอ๊ะจะคิดถึงเขาทำไม แล้วหญิงสาวก็ผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง
…………………………………………………………………………………………….
เช้าวันใหม่หลังจากที่อมัญญา รับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว เธอจึงเข้าไปรายงานตัวกับเจ้านายใหม่ ซินญอร่า9มาลินีผู้เป็นนายให้การต้อนรับอย่างดี และพูดคุยชี้แจงรายละเอียดต่างๆ ในการทำงาน และเรื่องอื่นๆ เพื่อสร้างความคุ้นเคยในการทำงาน
“สวัสดีจ้ะ หนูอมัญญา เมื่อคืนหลับสบายมั๊ยจ๊ะ” ผู้เป็นนายถาม
“ดิฉันหลับสบายมากค่ะ ต้องขอบคุณซินญอร่านะคะที่รับดิฉันเข้าทำงาน” หญิงสาวตอบ
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกจ้ะ ไม่ใช่ฉันหรอกที่เป็นคนตัดสินใจ หลานชายฉัน กับคุณดำรงน่ะ เขาจัดการ”
“หนูอายุเท่าไรนะ ฉันเดาว่าคงไม่เกิน 25 ปี ใจจริงฉันต้องการคนที่อายุเยอะกว่านี้สักหน่อย จะได้อดทนที่จะอยู่ในไร่ ในสวนกับฉันได้” หญิงชราคาดเดาจากใบหน้า ซึ่งดูยังงัยก็ไม่น่าเกินอายุ 25
“หนูอายุ 32 ปีแล้วค่ะซิญญอร่า ซินญอร่าไม่ต้องห่วงค่ะ หนูคิดว่าหนูอดทนพอที่จะอยู่ที่นี่ค่ะ ถ้าไม่อย่างนั้นหนูคงไม่ตัดสินใจมาค่ะ”
“เห็นว่าตอนแรก หนูลังเลเพราะติดปัญหาทางบ้าน ก็ต้องขอขอบใจหนู ที่ยังอุตส่าห์มาดูแลคนแก่นะ”
“รู้สึกหนูจะมีลูกเล็กที่ต้องดูแลอยู่ไม่ใช่หรือจ๊ะ แล้วใครดูลูกให้ล่ะ” หญิงชราถาม
“หนูฝากให้คุณแม่กับน้องชายดูอยู่ค่ะ บางครั้งการที่เราต้องทำสิ่งใดเพื่อให้ได้มาถึงสิ่งที่เราหวังไว้ เราก็ต้องยอมเสียสละความสุขส่วนตัวบ้างค่ะ เพื่อรอคอยโอกาสนั้นมาถึง แต่หนูดีใจมากค่ะที่ได้มาดูแลซินญอร่า หนูรู้สึกว่าหนูโชคดีมากที่มาเจอเจ้านายอย่างซินญอร่า” หญิงสาวบอกออกไปด้วยความจริงใจ
เมื่อเจ้านายและลูกน้องเริ่มคุ้นเคยกันมากขึ้น หญิงสาวทราบว่าซินญอร่ามาลินี มีโรคประจำตัว และต้องได้รับยาเป็นประจำทุกวัน โดยจะมีคุณหมอสั่งยามาให้ เธอมีหน้าที่จัดเตรียมยาให้ท่าน และคอยดูแลอำนวยความสะดวกเวลาที่ซินญอร่าต้องการสิ่งใด โดยปกติแล้วซินญอร่าจะตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า เพื่อดูแลสวนดอกไม้ที่ปลูกไว้ทางด้านหลังของบ้าน ประมาณ 2 ชม.ที่เธอใช้เวลาอยู่ในสวนดอกไม้หลังบ้านทุกวันด้วยการตัดแต่งกิ่งไม้ ใส่ปุ๋ย รดน้ำ พรวนดิน ดอกไม้ ต้นไม้ในกระถาง หลังจากนั้นจึงกลับเข้ามาพักผ่อน และรับประทานอาหารเช้า กินยา หลังจากนั้นซินญอร่ามาลินีจะเข้าห้องสมุดเพื่ออ่านหนังสือและรับของว่าง จนเวลาเกือบบ่าย 2 ถึงจะรับประทานอาหารกลางวัน และหลังจากนั้นเธอจะนอนพักผ่อน จนถึงเวลาประมาณ 5 โมงเย็น ตามปกติแล้วที่ประเทศสเปนจะมีวัฒนธรรมในการนอนพักกลางวันซึ่งเรียกว่า เซียสต้า10 ทุกคนที่ทำงานหลังจากรับประทานอาหารกลางวันแล้วจะหยุดพัก ประมาณ 3 ชม. ร้านค้าในตลาด บริษัท ห้างร้าน จะหยุด ปิดร้านกันหมด และจะกลับมาเปิดดำเนินการใหม่อีกครั้งประมาณ 5 โมงเย็นเป็นต้นไปจนถึงประมาณ 3 ทุ่ม จึงเลิกงานในช่วงเย็นและกลับบ้านเพื่อรับประทานอาหารเย็น อมัญญาทราบดีว่าที่นี่เวลา 3-4 ทุ่ม ก็ยังไม่มืดเท่าไร จะเหมือนเวลาเย็นในประเทศไทยตามความรู้สึก ในช่วงที่ซินญอร่ามาลินีพักผ่อนนอนกลางวัน ช่วงเวลานั้นจะเป็นเวลาส่วนตัวที่อมัญญาจะได้พักและสามารถทำกิจกรรมที่เป็นส่วนตัวของเธอ หลังจากนั้นเธอจะดูแลเจ้านายจนถึงเวลาประมาณ 2 ทุ่ม ก็จะเลิกงาน ………..
เวลาผ่านไปกว่าสองสัปดาห์แล้วที่อมัญญาทำงานเช่นนี้ทุกวัน จนเธอคุ้นเคยและชินกับทุกคนในบ้าน โดยเฉพาะอิเนสที่เธอสนิทด้วยเป็นอย่างมาก อิเนสเล่าเรื่องต่างๆที่เกี่ยวกับไร่ริคาเดโล ให้ฟังทุกอย่าง ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องของชายหนุ่มคนนั้นที่ไปรับเธอจากสนามบิน จนเธอได้ทราบว่าเขาคือหลานชายของซินญอร่า แต่ตั้งแต่วันที่เขามาส่งเธอที่ไร่ เธอก็ไม่เคยเจอเขาอีกเลย เธอทราบจากอิเนสว่า นานๆทีเขาถึงจะกลับมาเยี่ยมคุณยายที่นี่ เธอยังเคยคิดสงสารเจ้านายที่ต้องอยู่คนเดียวหลังจากที่สามีเสียชีวิตไปเมื่อ 6 ปีก่อน หลานชายซึ่งก็คือเขา ต้องทำงาน และดูแลกิจการในแถบอันดาลูเซียทั้งหมด นานๆจะกลับมาเยี่ยมที ผู้เป็นยายก็คงจะเหงาเป็นธรรมดา
จนวันหนึ่งเมื่อซินญอร่ามาลินีพักผ่อนกลางวันอยู่ที่ระเบียงที่มองออกไปเห็นไร่มะกอกสุดลูกหูลูกตา และมองเห็น เซียร่า เนบาด้า11 ซึ่งเป็นภูเขาที่ทอดตัวยาวไกลๆ ซึ่งเป็นสัญญลักษณ์ของเมืองกรานาด้า หญิงสาวกำลังนั่งอ่านหนังสือให้ท่านฟังอยู่ อัลเฟรโด้ก็เดินเข้ามาในบ้าน ที่จริงแล้วเขาจำเธอได้ ผู้หญิงตาโต ผิวสีน้ำผึ้ง แต่เขาแสร้งไม่สนใจ
“สวัสดีครับยาย เป็นอย่างไรบ้างครับ สบายดีหรือเปล่า” เขาเข้ามาทักทายผู้เป็นยายอย่างสนิทสนมด้วยการแนบแก้มขวาซ้าย ตามธรรมเนียมของคนสเปน
“สบายดีจ้ะ หลานล่ะเป็นอย่างไรบ้าง หายหน้าไปเป็นอาทิตย์นะ คราวนี้ไปไหนมาล่ะ” ผู้เป็นยายถามอีก
“ผมไป เตเนริเฟ่ มาครับ ไปดูโรงแรม แล้วก็เลยไปหาโฆเซ่มาด้วย” หลานชายตอบ
“แล้วโฆเซ่ พี่ชายเราน่ะ เค้าสบายดีเหรอ ยังควงสาวๆ ไม่ซ้ำหน้ากันอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า” คุณยายถามถึงหลานชายคนโต
“พี่โฆเซ่ สบายดีครับ ก่อนกลับมา ยังฝากความคิดถึงมาถึงคุณยายด้วยครับ” ชายหนุ่มตอบ
เมื่อหญิงสาวเห็นยายกับหลานสนทนากัน เธอจึงคิดเลี่ยงออกไปจากที่ตรงนั้น ขณะที่ซินญอร่าร้องห้าม
“ไม่ต้องไปหรอกจ้ะหนู ตาอัลเฟรโด้ ไม่ใช่ใครที่ไหน หลานชายฉันเอง หนูคงเคยเจอแล้ว คนที่ไปรับหนูวันก่อน”
“เอ้อ..... ค่ะ พอจะทราบค่ะ สวัสดีค่ะ คุณอัลเฟรโด้” หญิงสาวทักทายเขาด้วยการไหว้ แทนที่จะทักทายแบบสเปนด้วยการแนบแก้ม
“สวัสดี ฉันคิดว่าเธอ ร้องไห้คิดถึงบ้าน หนีกลับประเทศไทยไปแล้วซะอีก” อัลเฟรโด้แกล้งเย้า
“ฉันไม่ใช่เด็กๆ นะคะ ที่คิดทำอะไรแล้วจะทิ้งกลางคัน ถ้าไม่แน่ใจ ฉันคงไม่ดั้นด้นมาถึงที่นี่หรอกค่ะ” หญิงสาวโต้ตอบอย่างไม่ลดละเช่นกัน
“เอาล่ะๆ สองคนนี้ เอาเป็นว่า เดี๋ยวเย็นนี้ อัลเฟรโด้อยู่ทานข้าวเย็นกับยายนะ หนูญาเค้าทำอาหารไทยให้ยายชิมทุกวัน นานๆ จะมีคนไทยมาอยู่ด้วยกัน ยายมีความสุขมาก”
“ครับยาย เดี๋ยวผมขอตัวไปสั่งงานดิเอโก้ แล้วกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วจะกลับมาทานข้าวเย็นกับคุณยายนะครับ ” เขาบอกและลุกขึ้นเดินออกไปพร้อมรอยยิ้มมุมปาก ขณะเหลือบสายตามองมาที่อมัญญาซึ่งนั่งพับเพียบอยู่อีกด้านของเตียงตั่งที่คุณยายนอนอยู่
หญิงสาวรู้สึกไม่ถูกชะตากับหลานชายเจ้านาย เพราะเค้าไม่เคยที่จะพูดดีกับเธอ เจอกันครั้งแรก เขาก็ดุเธอ คราวนี้เขาก็หาว่าเธอกลัวจนคิดที่จะหนีกลับบ้าน ................
ด้านอัลเฟรโด้ เมื่อเดินออกมาจากคุณยายแล้ว เขาก็กลับไปที่บ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านคุณยายมากนัก ก่อนถึงบ้าน เขาแวะสั่งงานลูกน้อง และสอบถามถึงการเก็บผลผลิตในไร่มะกอก ในช่วงเวลาที่เขาไม่อยู่
“ไม่มีปัญหาอะไรครับนาย คนงานทุกคนตั้งใจทำงานกันดี คาดว่าอาทิตย์หน้าก็คงจะเสร็จครับ” ดิเอโก้ หัวหน้าคนงานหนุ่ม บอกกับเจ้านาย
ในขณะที่มิเกลเดินมาสมทบกับดิเอโก้ เพื่อคุยกับเจ้านาย “แล้วเจ้านายไปเจอคุณยายมาแล้วเหรอครับ วันก่อนผมเข้าไปพบท่านที่บ้านใหญ่ เรื่องรถขนส่งมะกอก เจอผู้ดูแลคนใหม่ สวยเอาการเลยนะครับนาย” มิเกลพูดต่อ
“รู้งี้วันก่อน ผมไม่น่าเมา ไม่งั้นคงได้ไปรับเธอที่สนามบิน จะได้ทำความรู้จักมากกว่านี้” มิเกลพูดทีเล่นทีจริง
“ก็ไม่เห็นจะสวยเท่าไรนี่ หน้าตาก็บ้านๆ หุ่นเหิ่น ก็งั้นๆ สู้สาวๆแถวอันดาลูเซียบ้านเราก็ไม่ได้ อย่าคิดอกุศล นั่นคนดูแลคุณยายของชั้น พวกนายอย่าสนใจเลย กลับไปทำงานต่อได้แล้ว” ชายหนุ่มพูดไปอย่างนั้น แต่ในใจคิดไปตรงกันข้าม
“หวงด้วยนะนาย จะเก็บไว้คนเดียวสิท่า” ลูกน้องยังแกล้งต่อ “ เอ๊ะ ไอ้พวกนี้ เล่นมาก ลามปาม บอกให้ไปทำงานต่อ ถ้างานไม่เสร็จ มีเตะ” เขาบอกพร้อมทำท่า จนลูกน้องแตกกระเจิง วิ่งหนีไปคนละทิศคนละทาง
“ไปก็ได้นาย อย่าลืมเอาดอกไม้ไปฝากเธอเย็นนี้ด้วยล่ะ” เสียงลูกน้องตะโกนไล่หลังมาไกลๆ ขณะที่เขาหันมาขึ้นรถเพื่อสตาร์ทออกไปยังบ้านของเขาซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบ้านคุณยาย
ขณะที่อมัญญาและอิเนส ช่วยกันเตรียมอาหารเย็น อิเนสก็เล่าให้เธอฟังว่า ที่กรานาด้านี่เป็นเมืองที่สวยงาม มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย ที่ขึ้นชื่อก็เห็นจะเป็น อัลอัมบรา12 พระราชวังของพวกมัวร์ที่เคยยึดครองสเปน ก่อนที่จะถูกคริสเตียนยึดคืนมาได้ พระราชวังแห่งนี้สวยงามมาก อมัญญาคิดในใจหากเธอมีโอกาส เธออยากจะไปเยี่ยมชมที่นั่นสักครั้งในชีวิต แต่ก่อนอื่น เธออยากได้โทรศัพท์มือถือสักเครื่องเพื่อติดต่อกลับบ้านที่เมืองไทย เพราะตั้งแต่วันแรกที่รายงานตัว เธอเพิ่งขออนุญาตซินญอร่าโทรศัพท์กลับบ้านเพียงครั้งเดียว นี่ก็ปาเข้าไป 2 อาทิตย์แล้วที่เธอยังไม่ได้โทรกลับบ้านอีกเลย เธอกะว่า จะโทร. กลับเมืองไทย เดือนละ 2 ครั้งถ้าเป็นไปได้ เธอคิดถึงลูก คิดถึงแม่ และน้องชาย ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นอย่างไรกันบ้าง
เมื่อเตรียมอาหารเสร็จ อมัญญาตั้งใจว่า วันนี้เธอคงไม่นั่งร่วมโต๊ะกับซินญอร่ามาลินี เนื่องจากวันนี้มีหลานชายของท่านมาร่วมรับประทานอาหารเป็นเพื่อนอยู่แล้ว เธอจึงพยายามเลี่ยงออกไปจากห้องทานข้าว แต่ก็ไม่เป็นผล เมื่อซินญอร่ายังเรียกเธอเข้ามานั่งร่วมโต๊ะอยู่ดี เธอรู้สึกอึดอัดพอสมควร เนื่องด้วยรู้สึกว่าหลานชายเจ้าของบ้าน ไม่ชอบเธอ พยายามหาเรื่องกัดเธอตลอดเวลา และได้รับทราบกิตติศัพท์จากอิเนสว่า ดอนอัลเฟรโด้นั้นเป็นเสือผู้หญิงตัวยง มีผู้หญิงที่เขาควงมากมาย บางคนเขาเคยพามาที่ไร่ มารู้จักคุณยาย แต่คุณยายก็ไม่ได้ให้ความสนใจ หลายคนที่หวังจะจับเขา แต่จนแล้วจนรอด ดอนอัลเฟรโด้ ก็ยังไม่ตกร่องปล่องชิ้นกับใคร ยังครองความเป็นโสดมาได้จนอายุ 36 ปี อย่างที่เห็น
เธอรู้สึกกลัว จะไม่ให้กลัวได้อย่างไร ในเมื่อสายตาเขาเวลาที่มองมาแต่ละครั้งมันช่างดูดุและเจ้าเล่ห์ บางครั้งก็ดูอ่อนโยนและหวานซึ้งในขณะเดียวกัน เธอไม่อยากเป็นของเล่นของใคร เธอเคยมีประสบการณ์ที่เลวร้ายกับความรักมาแล้วครั้งหนึ่ง เธอจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีกเป็นอันขาด จำไว้สิอมัญญา ว่าเธอมาที่นี่เพื่ออะไร เพื่อหาเงิน เงิน เงิน เงิน เท่านั้น เพื่อที่จะได้กลับไปอยู่กับลูก แม่และน้องชายของเธอ เสียงของอมัญญ์ดังอยู่ในหัว “แม่ญาต้องกลับมาเร็วๆ นะฮะ กลับมาแน่ๆนะฮะ” แม่สัญญาว่าแม่จะอยู่ที่นี่แป๊บเดียว แล้วแม่จะรีบกลับนะลูก
“นั่งเหม่อคิดอะไรอยู่หรือหนู เดี๋ยวกับข้าวก็เย็นหมด” เสียงผู้เป็นนายแว่วเข้ามาในหู
“เอ้อออ หนูกำลังคิดถึงที่บ้านอยู่น่ะค่ะ กะว่าพรุ่งนี้จะให้อิเนสพาไปซื้อมือถือ หนูกะว่าจะโทรศัพท์กลับบ้าน เดือนละ 2 ครั้งค่ะถ้าทำได้” เธอตอบเจ้านาย
“โอย ไม่ต้องไปซื้อให้เปลืองเงินหรอกหนู ใช้ของที่บ้านนี่แหล่ะ ใช่ว่าฉันจะไม่มีเงินจ่าย เดือนละ 2 ครั้ง ขนหน้าแข้งอัลเฟรโด้ไม่ร่วงหรอก จริงมั๊ยอัลเฟรโด้” ซินญอร่ามาลินีหันไปทางหลานชาย
“จริงครับคุณยาย” เขาตอบคุณยาย “เว้นเสียแต่ว่าเธอจะพกไว้โทรหาหนุ่มๆ คนไหน หรือให้หนุ่มๆ โทรหา” เขาหันไปพูดกับเธอ
“นี่คุณ พูดให้ดีๆ นะ ชั้นเพิ่งมาอยู่ที่นี่ จะไปรู้จักหนุ่มๆ ที่ไหน วันๆ ชั้นก็ทำงานอยู่แต่ในบ้านกับซินญอร่า กับอิเนส ชั้นไม่เหมือนคุณนี่คะ ที่มีสาวๆ มากหน้าหลายตามาให้เลือก” หญิงสาวโต้ทันควัน ก่อนนึกขึ้นได้ก็แทบอยากจะกัดลิ้นตัวเอง
“นี่เธอ ฉันเป็นเจ้านายเธอนะ พูดให้ดีๆ” ชายหนุ่มหรี่ตามองหญิงสาวพร้อมทำสายตาคาดโทษ “เอ่ออออ ขอโทษค่ะ” หญิงสาวรีบพูดพร้อมก้มหน้าหนีสายตาคู่นั้น
“สองคนนี้ยังงัยกันนะ เจอกันไม่ได้ ทะเลาะกันตลอด เอายังงี้ถ้าหนูอยากได้โทรศัพท์ล่ะก็ เดี๋ยวพรุ่งนี้ให้อัลเฟรโด้พาออกไปซื้อในเมือง ก็ดีเหมือนกันเผื่อจะออกไปเปิดหูเปิดตา ซื้อของอย่างอื่นด้วย ตั้งแต่มายังไม่ได้ไปไหนเลยไม่ใช่หรือ ฉันอนุญาตให้หยุดพักได้ 1 วัน อัลเฟรโด้ พรุ่งนี้พาหนูญาไปเที่ยวในเมือง ไปแนะนำให้รู้จักกรานาด้านะลูก” หญิงชราพูดด้วยความปราณี
“ได้ครับคุณยาย” หลานชายรับคำ
“ขอบคุณค่ะ ซินญอร่า จริงๆแล้วไม่ต้องรบกวน ดอนอัลเฟรโด้ก็ได้นะคะ หนูไปเองได้ค่ะ” หญิงสาวตอบอย่างอิดออด
“ไม่เป็นไร หนูมาอยู่ดูแลฉัน ห่างจากบ้านมาไกล เผื่ออยากจะโทรหาที่บ้านตอนกลางคืน เวลาเมืองไทยกับสเปนก็ต่างกันอยู่ จะได้สะดวก แต่เรื่องค่าโทร เดี๋ยวให้อัลเฟรโด้จัดการ” หญิงชราพูดสำทับ
“ขอบคุณค่ะซินญอร่า ซินญอร่าเมตตาหนูมาก” หญิงสาวตอบอย่างซึ้งในบุญคุณ
เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ เธอและหลานชายเจ้านายได้นั่งคุยเป็นเพื่อนหญิงชราอยู่สักพัก เขาพยายามมองหน้าเธอแต่เธอก็ไม่เคยสบตาเขาเลย ด้วยรู้สึกเกร็งและประหม่า หัวใจเธอมันเต้นผิดจังหวะทุกครั้งที่เขาหันมามอง เธอพยายามไม่สนใจ ถามคำตอบคำ กำแพงที่เธอสร้างไว้ จะต้องแข็งแรงสามารถป้องกันเธอได้สิน่า ทั้งสามคนนั่งคุยกันสักพัก ก่อนที่หญิงชราจะขอตัวเข้าไปพักผ่อน เขาจึงบอกเธอว่าจะมารับเธอเข้าไปในเมือง พรุ่งนี้ 8 โมงเช้าให้เธอเตรียมตัวไว้ และเขาก็กลับไปพักผ่อนที่บ้านพักส่วนตัว
.............................................................................................
7บาราคัส : สนามบินของประเทศสเปน ตั้งอยู่เมืองมาดริด
8ชามาร์ติน : สถานีรถไฟในเมืองมาดริด โดยอยู่ห่างสนามบินบาราคัส เพียง 6 กม.
9 ซินญอร่า : คำนำหน้าที่ใช้เรียกหญิงสูงวัยภาษาสเปน เทียบได้คำว่า คุณผู้หญิง
10เซียสต้า : วัฒนธรรมการนอนพักกลางวันของคนสเปน โดยปกติจะพักช่วงหลังอาหารกลางวันจนถึงประมาณ 4 – 5 โมงเย็น
11 เซียร่า เนบาด้า : เทือกเขาในเมืองกรานาด้า มีหิมะปกคลุม ยอดเขามีชื่อว่า มุลอาเซ่น และมีสกีรีสอร์ท นักท่องเที่ยวนิยมไปเล่นสกีกันมาก
12อัลอัมบรา : พระราชวังของพวกมุสลิมที่ยึดครองสเปน ในอดีต เป็นศิลปะที่งดงาม ปัจจุบันเปิดให้ชม 3 ส่วนประกอบด้วย เฆเนรัลลิเฟ่ (เพระราชวังฤดูร้อน) , อัลกาซาบ้า (ป้อมปราการ), ปาลาซิโอ้ นาซาเรียส (ตำหนักที่ประทับของพวกมุสลิมสมัยก่อน)
อิมเมจพระเอกของเราขอยืมก่อนนะฮะ Don Joaquin Cortes

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา