ความหิว และเตรียมนอนพักเอาแรง เพื่อพรุ่งนี้จะได้เจอกับเจ้านาย เพี้ยง........ ขออย่าให้เจออีตาคนนั้นอีกเลย คนอะไรดุ แล้วก็เย็นชาเป็นบ้า ไม่ถามสักคำว่า หิวหรือเปล่า เดินทางมาตั้งไกล หิวจะตายอยู่แล้ว.....เอ๊ะจะคิดถึงเขาทำไม แล้วหญิงสาวก็ผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง
…………………………………………………………………………………………….
เช้าวันใหม่หลังจากที่อมัญญา รับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว เธอจึงเข้าไปรายงานตัวกับเจ้านายใหม่ ซินญอร่า9มาลินีผู้เป็นนายให้การต้อนรับอย่างดี และพูดคุยชี้แจงรายละเอียดต่างๆ ในการทำงาน และเรื่องอื่นๆ เพื่อสร้างความคุ้นเคยในการทำงาน
“สวัสดีจ้ะ หนูอมัญญา เมื่อคืนหลับสบายมั๊ยจ๊ะ” ผู้เป็นนายถาม
“ดิฉันหลับสบายมากค่ะ ต้องขอบคุณซินญอร่านะคะที่รับดิฉันเข้าทำงาน” หญิงสาวตอบ
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกจ้ะ ไม่ใช่ฉันหรอกที่เป็นคนตัดสินใจ หลานชายฉัน กับคุณดำรงน่ะ เขาจัดการ”
“หนูอายุเท่าไรนะ ฉันเดาว่าคงไม่เกิน 25 ปี ใจจริงฉันต้องการคนที่อายุเยอะกว่านี้สักหน่อย จะได้อดทนที่จะอยู่ในไร่ ในสวนกับฉันได้” หญิงชราคาดเดาจากใบหน้า ซึ่งดูยังงัยก็ไม่น่าเกินอายุ 25
“หนูอายุ 32 ปีแล้วค่ะซิญญอร่า ซินญอร่าไม่ต้องห่วงค่ะ หนูคิดว่าหนูอดทนพอที่จะอยู่ที่นี่ค่ะ ถ้าไม่อย่างนั้นหนูคงไม่ตัดสินใจมาค่ะ”
“เห็นว่าตอนแรก หนูลังเลเพราะติดปัญหาทางบ้าน ก็ต้องขอขอบใจหนู ที่ยังอุตส่าห์มาดูแลคนแก่นะ”
“รู้สึกหนูจะมีลูกเล็กที่ต้องดูแลอยู่ไม่ใช่หรือจ๊ะ แล้วใครดูลูกให้ล่ะ” หญิงชราถาม
“หนูฝากให้คุณแม่กับน้องชายดูอยู่ค่ะ บางครั้งการที่เราต้องทำสิ่งใดเพื่อให้ได้มาถึงสิ่งที่เราหวังไว้ เราก็ต้องยอมเสียสละความสุขส่วนตัวบ้างค่ะ เพื่อรอคอยโอกาสนั้นมาถึง แต่หนูดีใจมากค่ะที่ได้มาดูแลซินญอร่า หนูรู้สึกว่าหนูโชคดีมากที่มาเจอเจ้านายอย่างซินญอร่า” หญิงสาวบอกออกไปด้วยความจริงใจ
เมื่อเจ้านายและลูกน้องเริ่มคุ้นเคยกันมากขึ้น หญิงสาวทราบว่าซินญอร่ามาลินี มีโรคประจำตัว และต้องได้รับยาเป็นประจำทุกวัน โดยจะมีคุณหมอสั่งยามาให้ เธอมีหน้าที่จัดเตรียมยาให้ท่าน และคอยดูแลอำนวยความสะดวกเวลาที่ซินญอร่าต้องการสิ่งใด โดยปกติแล้วซินญอร่าจะตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า เพื่อดูแลสวนดอกไม้ที่ปลูกไว้ทางด้านหลังของบ้าน ประมาณ 2 ชม.ที่เธอใช้เวลาอยู่ในสวนดอกไม้หลังบ้านทุกวันด้วยการตัดแต่งกิ่งไม้ ใส่ปุ๋ย รดน้ำ พรวนดิน ดอกไม้ ต้นไม้ในกระถาง หลังจากนั้นจึงกลับเข้ามาพักผ่อน และรับประทานอาหารเช้า กินยา หลังจากนั้นซินญอร่ามาลินีจะเข้าห้องสมุดเพื่ออ่านหนังสือและรับของว่าง จนเวลาเกือบบ่าย 2 ถึงจะรับประทานอาหารกลางวัน และหลังจากนั้นเธอจะนอนพักผ่อน จนถึงเวลาประมาณ 5 โมงเย็น ตามปกติแล้วที่ประเทศสเปนจะมีวัฒนธรรมในการนอนพักกลางวันซึ่งเรียกว่า เซียสต้า10 ทุกคนที่ทำงานหลังจากรับประทานอาหารกลางวันแล้วจะหยุดพัก ประมาณ 3 ชม. ร้านค้าในตลาด บริษัท ห้างร้าน จะหยุด ปิดร้านกันหมด และจะกลับมาเปิดดำเนินการใหม่อีกครั้งประมาณ 5 โมงเย็นเป็นต้นไปจนถึงประมาณ 3 ทุ่ม จึงเลิกงานในช่วงเย็นและกลับบ้านเพื่อรับประทานอาหารเย็น อมัญญาทราบดีว่าที่นี่เวลา 3-4 ทุ่ม ก็ยังไม่มืดเท่าไร จะเหมือนเวลาเย็นในประเทศไทยตามความรู้สึก ในช่วงที่ซินญอร่ามาลินีพักผ่อนนอนกลางวัน ช่วงเวลานั้นจะเป็นเวลาส่วนตัวที่อมัญญาจะได้พักและสามารถทำกิจกรรมที่เป็นส่วนตัวของเธอ หลังจากนั้นเธอจะดูแลเจ้านายจนถึงเวลาประมาณ 2 ทุ่ม ก็จะเลิกงาน ………..
เวลาผ่านไปกว่าสองสัปดาห์แล้วที่อมัญญาทำงานเช่นนี้ทุกวัน จนเธอคุ้นเคยและชินกับทุกคนในบ้าน โดยเฉพาะอิเนสที่เธอสนิทด้วยเป็นอย่างมาก อิเนสเล่าเรื่องต่างๆที่เกี่ยวกับไร่ริคาเดโล ให้ฟังทุกอย่าง ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องของชายหนุ่มคนนั้นที่ไปรับเธอจากสนามบิน จนเธอได้ทราบว่าเขาคือหลานชายของซินญอร่า แต่ตั้งแต่วันที่เขามาส่งเธอที่ไร่ เธอก็ไม่เคยเจอเขาอีกเลย เธอทราบจากอิเนสว่า นานๆทีเขาถึงจะกลับมาเยี่ยมคุณยายที่นี่ เธอยังเคยคิดสงสารเจ้านายที่ต้องอยู่คนเดียวหลังจากที่สามีเสียชีวิตไปเมื่อ 6 ปีก่อน หลานชายซึ่งก็คือเขา ต้องทำงาน และดูแลกิจการในแถบอันดาลูเซียทั้งหมด นานๆจะกลับมาเยี่ยมที ผู้เป็นยายก็คงจะเหงาเป็นธรรมดา
จนวันหนึ่งเมื่อซินญอร่ามาลินีพักผ่อนกลางวันอยู่ที่ระเบียงที่มองออกไปเห็นไร่มะกอกสุดลูกหูลูกตา และมองเห็น เซียร่า เนบาด้า11 ซึ่งเป็นภูเขาที่ทอดตัวยาวไกลๆ ซึ่งเป็นสัญญลักษณ์ของเมืองกรานาด้า หญิงสาวกำลังนั่งอ่านหนังสือให้ท่านฟังอยู่ อัลเฟรโด้ก็เดินเข้ามาในบ้าน ที่จริงแล้วเขาจำเธอได้ ผู้หญิงตาโต ผิวสีน้ำผึ้ง แต่เขาแสร้งไม่สนใจ
“สวัสดีครับยาย เป็นอย่างไรบ้างครับ สบายดีหรือเปล่า” เขาเข้ามาทักทายผู้เป็นยายอย่างสนิทสนมด้วยการแนบแก้มขวาซ้าย ตามธรรมเนียมของคนสเปน
“สบายดีจ้ะ หลานล่ะเป็นอย่างไรบ้าง หายหน้าไปเป็นอาทิตย์นะ คราวนี้ไปไหนมาล่ะ” ผู้เป็นยายถามอีก
“ผมไป เตเนริเฟ่ มาครับ ไปดูโรงแรม แล้วก็เลยไปหาโฆเซ่มาด้วย” หลานชายตอบ
“แล้วโฆเซ่ พี่ชายเราน่ะ เค้าสบายดีเหรอ ยังควงสาวๆ ไม่ซ้ำหน้ากันอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า” คุณยายถามถึงหลานชายคนโต
“พี่โฆเซ่ สบายดีครับ ก่อนกลับมา ยังฝากความคิดถึงมาถึงคุณยายด้วยครับ” ชายหนุ่มตอบ
เมื่อหญิงสาวเห็นยายกับหลานสนทนากัน เธอจึงคิดเลี่ยงออกไปจากที่ตรงนั้น ขณะที่ซินญอร่าร้องห้าม
“ไม่ต้องไปหรอกจ้ะหนู ตาอัลเฟรโด้ ไม่ใช่ใครที่ไหน หลานชายฉันเอง หนูคงเคยเจอแล้ว คนที่ไปรับหนูวันก่อน”
“เอ้อ..... ค่ะ พอจะทราบค่ะ สวัสดีค่ะ คุณอัลเฟรโด้” หญิงสาวทักทายเขาด้วยการไหว้ แทนที่จะทักทายแบบสเปนด้วยการแนบแก้ม
“สวัสดี ฉันคิดว่าเธอ ร้องไห้คิดถึงบ้าน หนีกลับประเทศไทยไปแล้วซะอีก” อัลเฟรโด้แกล้งเย้า
“ฉันไม่ใช่เด็กๆ นะคะ ที่คิดทำอะไรแล้วจะทิ้งกลางคัน ถ้าไม่แน่ใจ ฉันคงไม่ดั้นด้นมาถึงที่นี่หรอกค่ะ” หญิงสาวโต้ตอบอย่างไม่ลดละเช่นกัน
“เอาล่ะๆ สองคนนี้ เอาเป็นว่า เดี๋ยวเย็นนี้ อัลเฟรโด้อยู่ทานข้าวเย็นกับยายนะ หนูญาเค้าทำอาหารไทยให้ยายชิมทุกวัน นานๆ จะมีคนไทยมาอยู่ด้วยกัน ยายมีความสุขมาก”
“ครับยาย เดี๋ยวผมขอตัวไปสั่งงานดิเอโก้ แล้วกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วจะกลับมาทานข้าวเย็นกับคุณยายนะครับ ” เขาบอกและลุกขึ้นเดินออกไปพร้อมรอยยิ้มมุมปาก ขณะเหลือบสายตามองมาที่อมัญญาซึ่งนั่งพับเพียบอยู่อีกด้านของเตียงตั่งที่คุณยายนอนอยู่
หญิงสาวรู้สึกไม่ถูกชะตากับหลานชายเจ้านาย เพราะเค้าไม่เคยที่จะพูดดีกับเธอ เจอกันครั้งแรก เขาก็ดุเธอ คราวนี้เขาก็หาว่าเธอกลัวจนคิดที่จะหนีกลับบ้าน ................
ด้านอัลเฟรโด้ เมื่อเดินออกมาจากคุณยายแล้ว เขาก็กลับไปที่บ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านคุณยายมากนัก ก่อนถึงบ้าน เขาแวะสั่งงานลูกน้อง และสอบถามถึงการเก็บผลผลิตในไร่มะกอก ในช่วงเวลาที่เขาไม่อยู่
“ไม่มีปัญหาอะไรครับนาย คนงานทุกคนตั้งใจทำงานกันดี คาดว่าอาทิตย์หน้าก็คงจะเสร็จครับ” ดิเอโก้ หัวหน้าคนงานหนุ่ม บอกกับเจ้านาย
ในขณะที่มิเกลเดินมาสมทบกับดิเอโก้ เพื่อคุยกับเจ้านาย “แล้วเจ้านายไปเจอคุณยายมาแล้วเหรอครับ วันก่อนผมเข้าไปพบท่านที่บ้านใหญ่ เรื่องรถขนส่งมะกอก เจอผู้ดูแลคนใหม่ สวยเอาการเลยนะครับนาย” มิเกลพูดต่อ
“รู้งี้วันก่อน ผมไม่น่าเมา ไม่งั้นคงได้ไปรับเธอที่สนามบิน จะได้ทำความรู้จักมากกว่านี้” มิเกลพูดทีเล่นทีจริง
“ก็ไม่เห็นจะสวยเท่าไรนี่ หน้าตาก็บ้านๆ หุ่นเหิ่น ก็งั้นๆ สู้สาวๆแถวอันดาลูเซียบ้านเราก็ไม่ได้ อย่าคิดอกุศล นั่นคนดูแลคุณยายของชั้น พวกนายอย่าสนใจเลย กลับไปทำงานต่อได้แล้ว” ชายหนุ่มพูดไปอย่างนั้น แต่ในใจคิดไปตรงกันข้าม
“หวงด้วยนะนาย จะเก็บไว้คนเดียวสิท่า” ลูกน้องยังแกล้งต่อ “ เอ๊ะ ไอ้พวกนี้ เล่นมาก ลามปาม บอกให้ไปทำงานต่อ ถ้างานไม่เสร็จ มีเตะ” เขาบอกพร้อมทำท่า จนลูกน้องแตกกระเจิง วิ่งหนีไปคนละทิศคนละทาง