20 ก.ค. 2020 เวลา 05:45 • นิยาย เรื่องสั้น
บทที่ 3 ....เมื่อได้ชิดใกล้...
เช้าวันรุ่งขึ้นอมัญญาได้หยุดพักหนึ่งวัน อัลเฟรโด้มารับตามเวลาที่บอกไว้ เขาและเธอขับรถออกไปในตัวเมืองเพื่อหาซื้อโทรศัพท์มือถือตามที่ตั้งใจไว้ เมื่อขึ้นรถหญิงสาวนั่งตัวลีบติดไปกับประตูอีกด้าน และพยายามไม่มองหน้าเขาในตอนแรก จนเขาเอื้อมมือมาคว้าเข็มขัดนิรภัยเพื่อคาดให้นั่นล่ะ หญิงสาวถึงรู้ตัว ใจเต้นโครมครามเพราะเขาโน้มหน้าเข้ามาใกล้ ห่างกันไม่ถึงคืบ เธอได้กลิ่นยาสระผม ผสมกับกลิ่นตัวผู้ชาย มันเป็นกลิ่นหอมอ่อนๆ จะไม่ให้หัวใจเต้น จนแทบจะทะลุหน้าอกออกมาได้อย่างไร ในเมื่อจมูกเขาเฉียดแก้มเธอไปนิดเดียว
ระหว่างทางเขาและเธอเริ่มคุ้นเคยกันมากขึ้น เขาหาเรื่องคุยไปเรื่อยๆ ดิน ฟ้า อากาศ ผู้คนในสเปน เขาเล่าเรื่องโน้น เรื่องนี้ เธอได้แต่นั่งฟังและพยักหน้าหงึกๆ แต่เธอพยายามไม่ทำตัวสนิทสนมกับเขามากนัก เนื่องจากเธอทราบดีว่า เขาก็คือเจ้านายอีกคนของเธอ เธอแอบมองซีกหน้าของเขาขณะขับรถอยู่บ่อยๆ จะไม่ให้รู้สึกอะไรเลยก็ผิดธรรมชาติไปล่ะ ก็เขาหล่อซะขนาดนี้ แต่ก็นั่นล่ะนะ ความหล่อบางครั้งก็โหดร้าย เธอเองก็เคยเจอคนหล่อมาแล้วจนแทบเอาตัวไม่รอด.......
ชายหนุ่มรู้ดีว่าหญิงสาวลอบมองเขาอยู่บ่อยๆ เขายิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ฉันจะพังกำแพงน้ำแข็งของเธอให้ได้ ชายหนุ่มคิดในใจ..
เมื่อขับรถออกมาจากไร่ได้ประมาณ 1 ชม. เขาพูดกับเธออีกโดยที่ตายังจับจ้องอยู่ที่ถนน
“หิวหรือเปล่า” “เดี๋ยวเราแวะหาอะไรกินกันก่อนนะ ป่านนี้ห้างก็ยังไม่เปิดหรอก ” เขาบอก
“แล้วแต่คุณสิคะ ฉัน ยังไงก็ได้ค่ะ” หญิงสาวพูดโดยหันไปมองหน้าเค้าแว่บหนึ่ง
“เดี๋ยวจะพาไปกินร้านดั้งเดิมของที่นี่ มีตาปัส13 ให้เลือกเยอะ หรือเธอจะสั่งปาเอญ่า14 ก็ได้นะ ถ้าอยากกินข้าว” ชายหนุ่มเชิญชวน
“ฉันอยากลองตาปัสค่ะ” เธอพูดพร้อมกับยิ้ม “ พอจะรู้มาบ้างว่ามีหลากหลายให้เลือกกิน ” หญิงสาวนึกไปถึงสมัยก่อนตอนที่เรียนมหาวิทยาลัย เธอ เพื่อนๆ และอาจารย์ประจำภาควิชาภาษาสเปน จัดงานวันคริสมาสต์ ภายในงานมีอาหารสเปนหลากหลายชนิดที่อาจารย์พยายามแนะนำให้รู้จักถึงวัฒนธรรมการกินของคนสเปน เธอรู้ว่าอาหารนี้ขึ้นชื่อของสเปน ตาปัส เป็นลักษณะตักอาหารมาใส่จานเล็กๆ มีหลายอย่างให้เลือกกิน เช่น หมึกวงทอดชิ้นเล็กๆ ,ปลาทอด, แฮมสไลด์, ไส้กรอก,คามอน15 ,ตอร์ติย่า16 หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ฯลฯ บางคนก็เรียก จิ้ม จิ้ม เพราะมีไม้จิ้มมาให้เลือกจิ้มได้ตามใจชอบ คงจะคล้ายๆ อาหารที่เรียกว่าออเดิร์ฟบ้านเรา ประวัติของตาปัส อาจารย์ก็เคยเล่าให้ฟังสมัยเรียน เธอก็เลือนๆ ไปแล้ว จำไม่ได้แน่นอนนัก ที่เรียกว่า ตาปัส นี่เนื่องจากสมัยก่อนเรียกตามลักษณะภาชนะที่ทำฝาปิดอาหารแต่ละชนิดหรืออย่างไรนี่ล่ะ...
เมื่อมาถึงร้านอาหาร ร้านนี้ตกแต่งตามสไตล์ดั้งเดิมของชาวอันดาลุส มีภาพวาดขนาดใหญ่ของนักเต้นฟลาเมงโก้ชายหญิงใส่ชุดตามสไตล์สเปนที่เราคุ้นเคยประดับอยู่บนฝาผนัง ถัดไปเป็นรูปโปสเตอร์มาธาดอร์ กำลังสู้วัวกระทิง เมื่อมองไปฝั่งตรงข้าม มีภาพพระราชวังประดับอยู่ นี่ล่ะมั้งคงเป็นพระราชวังอัลอัมบรา พระราชวังที่อยู่ของเจ้าหญิงอาหรับ ที่อิเนสเล่าให้ฟัง หญิงสาวยืนมองนิ่งอยู่นาน
เมื่อเดินเข้าไปพูดคุยกับเจ้าของร้านแล้ว เขาพาเธอออกมานั่งด้านนอกตัวร้านซึ่งมีโต๊ะเก้าอี้วางเรียงรายอยู่ เขาสั่งตาปัส มา 5 แบบ และสั่งกัสปาโช่ ซึ่งเป็นอาหารขึ้นชื่อของสเปนเช่นกัน หญิงสาวลองชิมดูก็เห็นว่าเหมือนซุป ทำจากมะเขือเทศและแตงกวามาบดๆลักษณะเป็นซุปเย็นๆ เป็นอาหารดั้งเดิมของชาวอันดาลุส............ เมื่อรับประทานกันไปได้สักพัก
“สนใจจะสั่งปาเอญ่าไหม” เขาถามอมัญญา
“ไม่เอาดีกว่าค่ะ ไม่อยากทานข้าวตอนนี้ ยังเช้าไปค่ะแค่นี้ก็พอ” หญิงสาวตอบพลางคิดในใจแค่นี้ชั้นก็ไม่มีตังค์จ่ายแล้ว
“เธอทานน้อยแบบนี้ประจำหรือ ระวังจะไม่มีแรงทำงานนะ” เขาแกล้งแหย่
“คุณไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ฉันมีแรงทำงานคุ้มค่าเงินเดือนของคุณแน่นอนค่ะ” หญิงสาวสวนกลับไป
“จะคอยดูว่าจะคุ้มแค่ไหน” เขาแกล้งเธออย่างไม่ลดละ พร้อมกับยิ้มเก๋
หญิงสาวเปลี่ยนเรื่องไม่อยากจะต่อปากกับเขาให้เสียบรรยากาศ
“ทำไมที่นี่คนเยอะจังคะ ดูคุณสนิทสนมกับเจ้าของร้าน” หญิงสาวเอ่ยถาม
“ซินญอร์เจ้าของร้านเป็นเพื่อนกับคุณตาน่ะ ผมมาที่นี่ประจำสมัยเด็กๆ กับคุณตา เวลาเข้าเมืองทีไรก็จะต้องมาแวะกินอาหารร้านนี้ แล้วคนก็เยอะอย่างนี้ทุกวัน เป็นร้านดั้งเดิม สังเกตสิ ที่พื้นน่ะ มีไม้จิ้มฟัน ทิชชู่ทิ้งอยู่ให้เกลื่อนพื้น ที่สเปนเขาว่ากันว่าถ้าจะดูว่าร้านไหนอร่อย ให้ดูที่พื้นว่ามีทิชชู่ ไม้จิ้มฟันพวกนี้ทิ้งอยู่หรือเปล่า ถ้าเยอะแสดงว่าร้านนั้นอร่อย” เขาเล่าให้ฟัง เมื่อรับประทานเสร็จหญิงสาวเตรียมหยิบกระเป๋าสตางค์เพื่อจ่ายเงิน แต่เขารีบห้ามไว้
“มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง” เขาบอกเธอพร้อมทั้งยื่นมือจับมือเธอเพื่อห้ามไม่ให้หยิบเงิน
หญิงสาวรีบชักมือหนี “ไม่ได้หรอกค่ะ หารกันก็ได้นะคะ ฉันไม่สบายใจ” หญิงสาวพูดรัวเร็ว
“ไม่ต้องคิดมาก ผมเป็นเจ้านายคุณนะ ผมบอกว่าเลี้ยง คือเลี้ยง” เขากล่าวเสียงดุ
“งั้น คราวหน้าให้ฉันเลี้ยงตอบแทนคุณนะคะ” หญิงสาวพูดอีกครั้ง
“ได้เลย ผมจะกินของแพงๆให้คุณหมดตัวเลย” เขาขู่ยิ้มๆ หญิงสาวได้แต่หน้างอ
.....................................................................
เครดิตภาพ ตาปัส จาก https://www.turgranada.es/de-tapas-por-granada/
เครดิตภาพ ปาเอญ่า จาก https://spanishsabores.com/2017/05/29/paella-in-granada/
ชายหนุ่มพาหญิงสาวมาห้างสรรพสินค้าในตัวเมือง เขาช่วยเธอเลือกโทรศัพท์มือถือ และซื้อซิมการ์ดให้เธอเสร็จสรรพ พร้อมทั้งทดสอบสัญญาณด้วยการกดโทร.เข้าเครื่องเขา และกดโทร.จากเครื่องเขาเข้าเครื่องเธอและเมมเบอร์ให้เสร็จเรียบร้อย เขาบอกว่า เผื่อซินญอร่ามาลินีมีธุระอะไรเรียกหาเขา เธอจะได้โทรหาเขาได้โดยตรง เจ้าเล่ห์นัก ทำไมเธอจะไม่รู้เจตนาเขา เธอไม่ใช่สาวน้อยอ่อนประสบการณ์ เธอเคยมีความรักมาแล้ว พังไม่เป็นท่า!!! เธอไม่มีทางโทร.หาเขาแน่
เมื่อซื้อโทรศัพท์เสร็จ ก็พากันเดินออกมานอกตัวห้างเพื่อหาซื้อของอื่นอีกเล็กน้อย มองไปทางด้านตะวันออกสุดสายของถนนที่ตัดผ่านหน้าห้าง จะเห็นพระราชวังอัลอัมบรา อยู่ๆเค้าก็ถามขึ้น
“อยากไปดูอัลอัมบราไหม ผมเห็นคุณมองรูปที่ร้านอาหารเมื่อเช้าอยู่ตั้งนาน” เขาบอกถึงสิ่งที่สังเกตเห็น
“อยากเห็นสิคะ อิเนสเล่าให้ฟังว่าเป็นพระราชวังของคนมุสลิมสมัยก่อน คงจะสวยและมีมนต์ขลังมากเลยใช่มั๊ยคะ” หญิงสาวถาม
“ก็ไม่รู้สิ ผมเคยเข้าไปทัศนศึกษากับที่โรงเรียนตั้งแต่สมัยเด็กๆ จำไม่ค่อยจะได้แล้วเหมือนกันความรู้สึกนั้น” เขาตอบพร้อมพยายามนึกถึงความทรงจำสมัยเด็ก
“เรามีเวลาพอไหมคะที่จะเข้าไปดู” หญิงสาวถามอย่างกังวลเพราะการซื้อตั๋วเข้าชมอัลอัมบรานั้น เธอเคยได้ยินมาว่ายากลำบากแสนเข็ญ เพราะคนเยอะ รอคิวกันนาน บางครั้งต้องจองล่วงหน้าหลายวัน
“ทำไมจะไม่มีล่ะ อย่าลืมสิว่าคุณมากับใคร” เขาตอบพร้อมหัวเราะในลำคอ พร้อมกับจูงมือเธอวิ่งข้ามถนนไปยังอีกฝั่ง หญิงสาวได้แต่งง พร้อมทั้งวิ่งตามเขาไปก่อนจะได้ยินเสียงแตรรถบีบไล่ตามหลัง
หญิงสาวลืมไปว่าเค้าคือ ดอนอัลเฟรโด้ คอร์เตส ที่ใครๆในเมืองกรานาด้าเมื่อเอ่ยชื่อ นามสกุลเขาก็ต้องรู้จักแทบทั้งนั้นเพราะเป็นตระกูลเก่าแก่ เมื่อข้ามถนนมาได้เธอรีบดึงมือกลับทันทีจนเขาอมยิ้มที่มุมปาก
ระหว่างที่เดินขึ้นไปเพื่อซื้อตั๋วเข้าชมอัลอัมบรา หญิงสาวเป็นฝ่ายวิ่งตามเขาซะมากกว่าเนื่องจากเขาตัวสูงก้าวเท้าแต่ละที ก็นำหน้าหล่อนเท่ากับสองก้าว ถ้าใครมองมาก็จะดูเหมือนหญิงสาวชาวเอเซียวิ่งตามชายหนุ่มชาวสเปนเสียมากกว่า บางคนคงคิดว่าเขามีสาวใช้เป็นคนเอเซียล่ะมัง แต่ก็จริง หล่อนก็แค่ลูกจ้างของเขาเท่านั้น หญิงสาวคิดพร้อมสลัดความคิดต่างๆ ตั้งหน้า ตั้งตาเดินตามเขาไป.....
เมื่อซื้อตั๋วเข้ามาบริเวณอัลอัมบราได้แล้ว ซึ่งก็คงไม่ต้องบอกว่าเข้ามาได้อย่างไรรวดเร็วนัก เพราะเขารู้จักเจ้าหน้าที่ที่ทำงานภายในนั้น หญิงสาวผู้นั้นอำนวยความสะดวกให้เป็นอย่างดี เขาจูงมือเธออีกครั้งเพื่อดึงให้รีบไปต่อแถวเพื่อเข้าชมด้านใน หญิงสาวตื่นตาตื่นใจมาก เพราะเคยอ่านแต่ในหนังสือ พระราชวังอัลอัมบรา ปัจจุบันเปิดให้ชมในส่วนของ เฆเนรัลลิเฟ่ (เพระราชวังฤดูร้อน) , อัลกาซาบ้า (ป้อมปราการ), ปาลาซิโอ้ นาซาเรียส (ตำหนักที่ประทับของพวกมุสลิมสมัยก่อน) หญิงสาวชอบบริเวณส่วนที่เป็น เฆเนรัลลิเฟ่ซึ่งเป็นพระราชวังฤดูร้อนที่สุด มีน้ำพุ มีดอกไม้หลากสี เป็นสวนดอกไม้ที่สวยที่สุดในความคิดเธอ มีผีเสื้อบินวนรอบๆ ....อีกที่หนึ่งส่วนตรงบริเวณป้อมปราการแดง เมื่อมองลงไปก็จะพบกับวิวของเมืองกรานาด้าทั้งเมือง ซึ่งบ้านแต่ละหลังเป็นสีขาวปลูกเรียงรายสุดลูกหูลูกตา ส่วนของปาลาซิโอ้ นาซาเรียส หญิงสาวไม่ค่อยประทับใจเท่าไร เนื่องจากเมื่อเข้าไปเดินอยู่ภายใน ผู้คนเยอะแยะทำให้เสียบรรยากาศในการดื่มด่ำทางประวัติศาสตร์ไปเยอะ หญิงสาวชอบเดินเที่ยวด้านนอกมากกว่า
ใช้เวลาประมาณ 3 ชม.ในการเดินชมอยู่ในบริเวณพระราชวังอัลอัมบรา จนรู้สึกเมื่อยและหิวเขาจึงชวนเธอกลับออกมาเพื่อหาอาหารทานกัน เพราะเวลาก็ล่วงเลยมาจนประมาณ บ่าย 4 โมงเย็นแล้วยังพอจะหาอะไรกินได้ ในเมืองใหญ่วัฒนธรรมการนอนกลางวันค่อยๆ เลือนหายไปแต่ในชนบทวัฒนธรรมการนอนกลางวันนี้ยังคงอยู่
หญิงสาวบอกกับชายหนุ่มว่า หาอะไรง่ายๆกินก็ได้ เขาจึงซื้อเคบับ17สำหรับหญิงสาวหนึ่งอันและตัวเขาหนึ่งอัน เดินมานั่งกินตรงสวนสาธารณะใกล้ๆพระราชวังอัลอัมบรานั่นเอง
“อร่อยไหม” เขาถามพร้อมกับเอื้อมมือไปเช็ดมุมปากให้หล่อนอย่างไม่รังเกียจ หญิงสาวเอียงหน้าหลบเล็กน้อย
หญิงสาวพยักหน้าแต่ไม่ได้ตอบเพราะกำลังเคี้ยวตุ้ยๆ อยู่ ชายหนุ่มอมยิ้มพร้อมหัวเราะหึหึ ท่าทางของหล่อน ช่างแตกต่างกับผู้หญิงอื่นๆ ที่เขาเคยผ่านมา พวกเธอเหล่านั้นจะห่วงสวยตลอดเวลา และมีจริตจะก้านมากกว่านี้ แต่กับอมัญญา เธอกลับตรงข้ามทำอะไรตรงๆ ขี้กังวล ขี้เกรงใจ เธอไม่ได้ตามใจเขาทุกเรื่องเหมือนผู้หญิงคนอื่น
ชายหนุ่มเดินไปที่รถหยิบขวดน้ำมายื่นให้เธอ “ขอบคุณค่ะ” เมื่อดื่มเสร็จหญิงสาวถือไว้อย่างนั้นเพราะคิดว่าเขาให้เธอเลย แต่เขากลับดึงขวดน้ำนั้นไปจากมือเธอพร้อมกับดื่มตรงรอยที่เธอดื่มก่อนหน้านั้นอย่างไม่รังเกียจ
“เอ้ออ ฉันดื่มแล้วนะคะนั่น” หญิงสาวรีบท้วง
“ไม่เป็นไร ผมไม่ถือ” เขาสบตาหล่อน “เรากลับกันเถอะ เดี๋ยวจะถึงไร่ค่ำ คุณยายจะเป็นห่วง”
“ค่ะ” แล้วทั้งคู่ก็เดินมาที่รถ ก่อนขึ้นรถจากมา หญิงสาวหันไปมองพระราชวังอีกครั้งผ่านทางหน้าต่างรถ จนรถเคลื่อนตัวห่างออกไป
La Alhambra
‘ลาก่อนนะ อัลอัมบรา ฉันคงมีวาสนาได้เห็นเธอเพียงครั้งเดียวในชีวิตนี้ แต่แค่นี้ก็คุ้มแล้ว เคยมีคนกล่าวไว้ว่า ไม่มีสิ่งใดที่จะโชคร้ายไปกว่าการเป็นคนตาบอดในอัลอัมบรา เพราะแม้จะสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่และมีมนต์ขลังแต่ก็ไม่สามารถมองเห็นได้ถึงความสวยงามของพระราชวังแห่งนี้ แต่หญิงสาว อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิตก็ได้เห็น ได้สัมผัสแล้วถึงความสวยงามและยิ่งใหญ่’ หญิงสาวยิ้มกับตัวเองอย่างมีความสุข
ขากลับหญิงสาวนั่งหลับมาตลอดทางด้วยว่าวันนี้เขาพาเธอไปเปิดหู เปิดตาเที่ยวชมเมืองกรานาด้าทั้งวัน เมื่อนั่งมาในรถเจอแอร์เย็นๆ เธอจึงหลับอย่างง่ายดาย หลายครั้งที่เขาจอดรถและหันไปมองเธออย่างเพ่งพินิจ ถึงดวงหน้าอันอ่อนโยนอย่างพึงพอใจ เขาแอบหอมแก้มเธอไปหลายฟอด เธอก็ยังไม่รู้สึกตัว เขาต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก ที่จะไม่ทำอะไรเกินกว่านั้น เขาต้องอดทนไว้
เมื่อมาถึงไร่ ก็เย็นมากแล้ว ซินญอร่ามาลินีกลับเข้าห้องไปแล้ว เขาขับรถมาส่งเธอหน้าบ้าน พร้อมกลับปลุกให้ตื่น
“อมัญญา ถึงแล้วนะ” เขาเขย่าตัวเธอเบา หญิงสาวลืมตาพร้อมทั้งดีดตัวขึ้น
“ถึงแล้วหรือคะ ฉันนี่แย่จัง นั่งหลับมาตลอดทาง ขอโทษนะคะ คุณเลยต้องขับรถคนเดียวเลย ไม่มีเพื่อนคุย”
เธอกล่าวขอโทษพร้อมทั้งยิ้มแห้งๆ
“ไม่เป็นไร ผมชินแล้วกับการขับรถคนเดียว” เขาตอบ
เขาเดินมาส่งจนถึงประตูบ้านจึงหันมาบอก “ผมไม่เข้าบ้านนะ ป่านนี้คุณยายคงเข้าห้องพักผ่อนแล้ว คุณก็พักผ่อนเสียเถอะ”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นพร้อมกล่าวขอบคุณอีกครั้ง “ขอบคุณนะคะที่พาฉันไปเที่ยวทั้งวันเลยวันนี้ ขอบคุณจริงๆค่ะ”
“ไม่เป็นไร ผมเต็มใจ” แล้วเขาก็เดินกลับไปที่รถ ก่อนถึงรถ เขาหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มและบอกว่า “อมัญญา คราวหลังอย่านั่งหลับบนรถกับคนอื่นตามลำพังนะ”
หญิงสาวได้แต่งุนงง กับคำพูดนั้น แต่ก็รับคำออกไป “ค่ะ” เธอจึงเดินเข้าห้องเพื่อเตรียมอาบน้ำเข้านอน
...........................................................
กลางดึกคืนนั้นหญิงสาวตั้งนาฬิกาปลุกเพื่อโทรศัพท์กลับมาที่เมืองไทย เวลาที่สเปนช้ากว่าเมืองไทย 5 ชม. เธอกะให้ที่เมืองไทยเป็นตอนเช้าก่อนที่ลูกจะไปโรงเรียนเพื่อจะได้คุยกับลูก แม่และน้องชาย เพราะ 7 โมงเช้าแบบนี้ทุกคนยังไม่ออกไปเริ่มภารกิจประจำวัน เมื่อโทร.ไปปลายสาย น้องชายรับ
“สวัสดีจ๊ะวี สบายดีหรือเปล่า พี่มาอยู่ได้สองอาทิตย์แล้ว ไม่ได้โทร.หาเลย พี่เพิ่งได้มือถือส่วนตัวน่ะ” เธอบอกน้องชาย
“สบายดีครับพี่ญา พี่ล่ะ ทำงานเป็นงัยบ้าง” น้องชายถามกลับ
“พี่สบายดี งานก็ดี เจ้านายใจดี แล้วแม่กับอมัญญ์ล่ะ ออกไปข้างนอกกันหรือยัง”
“ยังครับ กำลังจะไป นี่ก็เจ็ดโมงนิดๆ แล้ว พี่คุยกับอมัญญ์มั้ย ผมเรียกให้” แล้วน้องชายก็ตะโกนเรียกหลาน
“อมัญญ์ แม่โทร.มาแน่ะ คุยกับแม่เร็ว” เขายื่นโทรศัพท์ให้หลานชาย
“แม่ญาฮะ อมัญญ์เอง อมัญญ์คิดถึงแม่” เด็กชายพูดใส่โทรศัพท์
“แม่ก็คิดถึงลูกจ้ะ อย่าดื้อกับน้าวี กับคุณยายนะลูก ตั้งใจเรียนหนังสือ ทานข้าวเยอะๆ แล้วก็อย่าให้ป่วยนะลูก” หญิงสาวพูดรัวออกมาเป็นชุด
“ฮะแม่ อมัญญ์เป็นเด็กดีฮะคุณยายบอก เมื่อไรแม่จะกลับล่ะฮะ” เด็กน้อยถามซื่อๆ
“แม่เพิ่งมาได้ 2 อาทิตย์เองลูก เหลืออีก 11 เดือนกับอีก 2 อาทิตย์ครับ” หญิงสาวตอบลูก
“นานจังนะครับ” เด็กชายโอดครวญ “ไม่นานหรอกจ้ะ ” หญิงสาวตอบ
หญิงสาวได้ยินเสียงแม่พูดเข้ามาในโทรศัพท์ “อมัญญ์อย่างอแงกับแม่เขาเลย แม่เขาไปทำงาน เดี๋ยวก็กลับ”
“แม่ขอคุยกับคุณยายหน่อยได้ไหมลูก” หญิงสาวบอกลูกชาย
“ได้สิฮะ” เด็กชายยื่นโทรศัพท์ให้คุณยายพร้อมกับพูด “แม่จะพูดกับคุณยายฮะ”
“ญาหรือลูก ไม่ต้องห่วงนะ ทุกคนทางนี้สบายดี ลูกเถอะ รักษาตัวเองให้ดี ตั้งใจทำงาน” เสียงแม่พูดผ่านมาในโทรศัพท์
“ค่ะแม่ หนูจะตั้งใจทำงาน แม่รักษาสุขภาพด้วยนะคะ อย่าทำงานหนัก ผลไม้น่ะไม่ต้องเสียดาย ถ้าเก็บไม่ไหวก็จ้างคนมาช่วย อะไรปล่อยได้ก็ปล่อยไป อย่าทำคนเดียวอีกนะคะแม่” หญิงสาวบอกแม่
“ได้ลูก ญา พอแค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวเปลืองค่าโทรศัพท์แย่ เดี๋ยวแม่จะไปส่งอมัญญ์ไปโรงเรียนแล้ว รักษาตัวนะลูก” หญิงชราพูดอีกครั้ง
“ค่ะแม่ ฝากความคิดถึง ถึงวี ถึงอมัญญ์ หอมแก้มอมัญญ์ให้หนูด้วยนะคะ สวัสดีค่ะแม่” หญิงสาวพูดและกดปุ่มตัดสายในอีกวินาทีถัดมา
หญิงสาวหันไปมองนาฬิกา ‘ตีสองกว่า’ นอนไม่หลับซะแล้ว ทำอะไรดี แล้วเธอก็หยิบสมุดบันทึกเล่มเล็กออกมาเขียนบันทึกเรื่องราวในวันนี้ ไปทำอะไร ที่ไหนมาบ้าง หญิงสาวตั้งใจจะเขียนบันทึกทุกวัน เพื่อบันทึกเรื่องราวที่นี่ไว้เป็นความทรงจำเพราะแค่หนึ่งปีเท่านั้นที่เธอจะอยู่ที่นี่ เธอจะไม่ต่อสัญญาในปีหน้า
.................................................................
เช้านี้ที่กรานาด้าอากาศกำลังดี ไม่ร้อนหรือหนาวเกินไป หญิงสาวลุกขึ้นไปเตรียมภารกิจประจำวันอย่างเคย วันนี้คุณหมอประจำตัวของซินญอร่ามาลินีจะมาตรวจอาการ คุณหมอจะมาตรวจเป็นประจำทุกเดือน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เธอจะได้เจอคุณหมอเพื่อซักถามรายละเอียดต่างๆมากขึ้น ข้อปฏิบัติในเรื่องอาการป่วยของซินญอร่า
เวลา 10 โมงเช้า คุณหมอก็มาถึง ซินญอร่ามาลินีแนะนำให้หญิงสาวรู้จักคุณหมอ
“สวัสดีค่ะ คุณหมอ มาเช้าเหมือนเคยนะ” ซินญอร่ามาลินีทักคุณหมอ
“สวัสดีครับ เช้านี้เป็นอย่างไรบ้างครับ” คุณหมอถามอาการ
“ก็ยังเหมือนเดิมแหล่ะจ้ะ ยังสบายดี เอ้อ... เดี๋ยวฉันมีคนแนะนำให้รู้จัก”
“หนูอมัญญาจ๊ะ นี่คุณหมอเอดูอาโด้ หมอ นี่อมัญญา คนดูแลฉัน มาจากเมืองไทย” หญิงชราแนะนำทั้งสองฝ่าย
คุณหมอเอดูอาโด้ทักทายเธอด้วยการแนบแก้มขวาซ้ายตามธรรมเนียม หญิงสาวรู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่ก็มิได้แสดงอาการอะไรออกไป เมื่อแรกที่ยังไม่เจอตัว หญิงสาวนึกว่าเขาจะมีอายุเยอะกว่านี้ สักรุ่นเดียวกันกับซินญอร่ามาลินีแต่นี่เขายังดูเด็กและหนุ่มอยู่เลย น่าจะรุ่นเดียวกันกับดอนอัลเฟรโด้เสียด้วยซ้ำ
“รายการชนิดอาหารที่ซินญอร่าควรหลีกเลี่ยงก็มีเท่านี้แหล่ะครับ” หมอหนุ่มบอกหลังจากชี้แจงรายละเอียดอาการ และสิ่งของต้องห้ามสำหรับหญิงชรา
“ได้ค่ะ ดิฉันจะจดไว้ จะได้ไม่พลาด คุณหมอวางใจได้” หญิงสาวกล้าพูด กล้าคุย กล้าหยอกล้อกับคุณหมอมากขึ้น
ขณะนั้นเองอัลเฟรโด้ ก็เดินเข้ามาในตัวบ้านพร้อมกับได้ยินเสียงหัวเราะของทั้งสองคน เขากลับจากการสั่งงานลูกน้องในไร่ กะว่าจะเดินเข้ามาขอกาแฟกินสักแก้วก่อนออกไปดูเหล่าคนงานทำงานในไร่มะกอกต่อ
“อ้าว หวัดดีไอ้หมอ วันนี้มาตรวจคุณยายเหรอ” เขาทักเพื่อนซี้ เขาและหมอเอดูอาโด้เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ สมัยที่คุณตาของเขา กับคุณตาของหมอยังอยู่ สมัยเด็กๆ คุณตาของทั้งสองมักจะชอบพาเด็กทั้งสองไปเล่นสกีที่สกีรีสอร์ทบนเทือกเขาเซียร่า เนบาด้า ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก ทั้งสองจึงสนิทกันมากเป็นพิเศษ
“หวัดดี อัลเฟรโด้ ไม่เจอแกตั้งเป็นเดือนๆ หายไปไหนมาวะ” หมอหนุ่มทักเช่นกัน
“ฉันก็ไปดูแลกิจการแถวนี้แหล่ะ ว่าแต่แกเหอะ ได้ข่าวคนไข้ที่คลินิคเยอะนี่ ไหนจะงานที่โรงพยาบาลอีก ” อัลเฟรโด้ชวนคุย
“ก็ไม่เท่าไรหรอก ยังพอมีเวลามาตรวจอาการคุณยายของนาย สงสัยต่อไปฉันต้องมาบ่อยๆ แล้วล่ะ” หมอพูดพร้อมกับชำเลืองตาไปทางอมัญญา หญิงสาวจากเมืองไทย
อัลเฟรโด้รับรู้ได้ถึงน้ำเสียงและแววตาของเพื่อน ว่าคงจะรู้สึกสนใจหญิงสาวเข้าแล้ว
“บางทีก็คงมีใครบางคนอยากให้แกมาทุกวันล่ะมั้ง” ชายหนุ่มพูดกระแทก
“แคร้งงงง” เสียงแก้วพลาดหลุดจากมืออมัญญาเล็กน้อย หญิงสาวรีบกล่าวขอโทษพร้อมกับหยิบแก้วน้ำเพื่อเติมให้ซินญอร่า
“คุณยายครับ วันนี้ผมจะออกไปดูคนงานในไร่ ไม่ได้เจอพวกลูกน้องหลายวัน คราวนี้กะจะอยู่กับคุณยาย ช่วยคุณยายคุมคนงานสักเดือน ดีไหมครับ” เขาพูดประจบ
“อัลเฟรโด้ ไม่สบายหรือเปล่าลูก ธรรมดายายไม่เคยเห็นหลานอยู่ติดบ้านเลย กลับมาก็ขลุกอยู่แต่บ้านโน้น นานๆ จะมาหายาย แล้วไหงช่วงนี้เปลี่ยนใจจะมาเอาใจยายล่ะ” หญิงชราถามอย่างสงสัย
“เอ้อออ ผมกลัวคุณยายจะมีคนดูแลถูกใจจนลืมผมน่ะครับ” เขาพูดพร้อมกับชำเลืองไปที่หญิงสาวขณะที่หญิงสาวเดินเข้ามาภายในห้องรับแขกนั้น
“ทำเป็นเด็กขี้อิจฉาไปได้” ผู้เป็นยายพูดพร้อมหัวเราะและเอามือไปโยกหัวหลานชายตัวดี
“เออ.... หมอ กลางวันนี้อยู่ทานกลางวันด้วยกันก่อนสิ ค่อยกลับ” อัลเฟรโด้ชวนเพื่อน
“เห็นจะไม่ได้ล่ะ ฉันมีนัดคนไข้ที่โรงพยาบาลต้องรีบกลับเข้าไป” หมอเอดูอาโด้บอกเพื่อน
“ถ้างั้น ผมลากลับก่อนนะครับคุณยาย วันหลังจะมาเยี่ยมบ่อยๆครับ” หมอหนุ่มกล่าวลายายเพื่อน
“ผมกลับก่อนนะครับคุณอมัญญา วันหลังพบกันใหม่” เขากล่าวลาหญิงสาวเช่นกัน
“ค่ะ วันหลังเจอกันใหม่” หญิงสาวพูดพร้อมกับยกมือไหว้แบบไทยๆ เพราะกลัวว่าเขาจะบอกลาแบบแก้มแนบแก้มอีก ซึ่งคราวนี้ถ้าเกิดขึ้น คงไม่พ้นสายตาดุๆ ของเจ้าของบ้านหนุ่ม แล้วเขาก็คงหาทางค่อนแคะเธออีกจนได้
..................................................................................
ค่ำนั้นหลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวเดินออกมารับลมบริเวณสวนดอกไม้หลังบ้าน หลังจากที่ดูแลซินญอร่ามาลินีเสร็จเรียบร้อยแล้ว เวลานี้ก็เป็นเวลาส่วนตัวของเธอ หญิงสาวคิดอะไรไปเพลินๆ เรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิต จนเมื่อรู้สึกตัวอีกที เจ้านายหนุ่มก็มายืนชิดอยู่ด้านหลังเสียแล้ว
“คิดถึง ไอ้หมออยู่หรือไง เมื่อตอนกลางวันเห็นคุยกันสนิทสนมดี” เขาถามออกไปพร้อมอารมณ์เสียนิดๆ
“เปล่าค่ะ ฉันแค่คิดถึงบ้าน คิดถึงลูก นี่คุณจะไม่หาเรื่องฉันสักครั้งได้ไหมคะ เวลาเจอกัน” หญิงสาวพูดด้วยเสียงรำคาญ
“แล้วคิดถึงมันหรือเปล่าล่ะ” ชายหนุ่มยังย้ำอีก
“คุณอัลเฟรโด้คะ ฉันมาทำงานนะคะ ไม่ได้ตั้งใจมาหาสามี ทำงาน เก็บเงิน อย่างเดียวเท่านั้น อย่างอื่นฉันไม่สนใจหรอกค่ะ ” หญิงสาวตอบด้วยอารมณ์โกรธ
เขาก้าวเท้าเข้ามาใกล้จนชิดกันพร้อมทั้งจับมือหญิงสาวไว้ “แม้กระทั่งผมหรือ”
หญิงสาวใจเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อเขาก้าวเข้ามาจับมือ “เอ้ออออ ค่ะ คุณอย่ามาเสียเวลากันฉันเลยค่ะ ในใจฉันตอนนี้ไม่มีที่ว่างให้ใคร” หญิงสาวพูดปดออกไป เพราะหล่อนกลัวใจตัวเองเช่นกัน กลัวจะเผลอไปชอบเขาน่ะสิ
“ฉันไม่ใช่คนที่คู่ควรกับคุณหรอกค่ะ ฉันเคยผ่านการแต่งงาน แล้วก็หย่าร้างมาแล้ว แถมมีลูกติด คุณอย่าเสียเวลาเลยนะคะ ฉันไม่อยากเป็นของเล่นของใครอีก” หญิงสาวพยายามอธิบายถึงเหตุผล
“ผมไม่สนหรอกนะ อดีตอะไรที่ผ่านมา แล้วผมก็ไม่เคยเห็นคุณเป็นของเล่นเลย ” เขายังจับมือหล่อน พร้อมสบตาหญิงสาวลึกเข้าไปถึงจิตใจ
“ไม่ได้ค่ะ ไม่ได้” หญิงสาวพยายามดิ้นรน แกะมือเขาออกจากมือหล่อน “คุณเป็นเจ้านายนะคะ ฉันเป็นลูกจ้าง ทำอย่างนี้ไม่เหมาะหรอกค่ะ เดี๋ยวซินญอร่าทราบ จะไม่ดี” หญิงสาวรีบปราม
“ผมไม่ใช่เจ้านายคุณโดยตรง คุณยายต่างหาก แล้วท่านก็ทราบดี ถ้าผมจะชอบใครสักคนท่านคงห้ามไม่ได้” เขาพูดอีกอย่างเอาแต่ใจ
“นั่นแหล่ะค่ะ ไม่.........” ยังไม่ทันจะพูดจบประโยค ชายหนุ่มก็ก้มลงมาฉกริมฝีปากของหญิงสาว เขาจูบอยู่เนิ่นนาน หญิงสาวพยายามจะไม่จูบตอบแต่ใจเจ้ากรรมและร่างกายสิกลับมีปฏิกิริยาตอบสนองเขาซะงั้น หญิงสาวรู้สึกเหมือนกำลังจะจมน้ำ หัวสมองคิดอะไรไม่ออก เหมือนเคลิ้มอยู่ในความฝัน เมื่อตั้งสติได้ หญิงสาวพยายามดิ้นหนีอ้อมกอดของชายหนุ่ม แต่ไม่เป็นผล เขายังคงวนเวียนอยู่ที่ใบหน้าและริมฝีปากของเธอ
“ดอนอัลเฟรโด้คะ ได้โปรด.....อย่าทำแบบนี้เลยค่ะ ฉันขอร้อง” หญิงสาวอ้อนวอน
“ผมรู้ คุณไม่ได้รังเกียจผม อย่ากลัว ผมไม่ใช่ผู้ชายอื่นๆที่คุณเคยเจอมา ผมรักคุณจริงๆ” ชายหนุ่มพูด
“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ ดิฉันไม่ได้เกลียด ไม่ได้กลัวนะคะ ฉันรู้คุณแค่อยากเอาชนะ” หญิงสาวพูดพร้อมสะบัดตัวออกจากอ้อมกอดได้สำเร็จ “อย่าพยายามเลยค่ะ มันไม่สำเร็จ” หญิงสาวพูดแล้วก็วิ่งกลับเข้าไปในตัวบ้าน
หญิงสาววิ่งเข้าบ้านไปแล้ว ชายหนุ่มได้แต่มองตามพร้อมรอยยิ้มอย่างมีเลสนัย “เธอหนีฉันไม่พ้นหรอก อมัญญา ฉันจะทำให้เธอยอมฉันให้ได้ ไม่ว่าเธอจะปฏิเสธแค่ไหนก็ตาม” ชายหนุ่มพูดในความมืด พร้อมกับเดินออกจากสวนดอกไม้เพื่อกลับไปยังบ้านพัก
..........................................................................
13ตาปัส : อาหารเรียกน้ำย่อยของสเปน มีหลายชนิดให้เลือก เสริฟมาในจานเล็กๆ
14ปาเอญ่า : ข้าวผัดสเปน
15คามอน : ขาหมูรมควัน หั่นออกมาเป็นชิ้นบางๆ มีรสเค็ม
16ตอร์ติย่า : ไข่เจียวสเปน หั่นคล้ายลูกเต๋า
17เคบับ : อาหารตุรกี มีลักษณะคล้ายแป้งโรตีห่อ ด้านในมีไส้ เช่น หมู ไก่ เนื้อ แพะ และผักต่างๆ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา