20 ก.ค. 2020 เวลา 02:14 • หุ้น & เศรษฐกิจ
EP 21 นักลงทุนสหรัฐฯ ยังเดินทุ่มเงินลงทุนในจีน ท่ามกลางความตึงเครียดทางการเมืองที่รุนแรงขึ้น
• ในสกุลเงินหยวน จีนรายงานการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign direct investment - FDI) จากสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 6% จากปีก่อนหน้า
• ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในจีนเพิ่มขึ้น3.7% ในเดือนมิ.ย. จากปีก่อนหน้า แต่ร่วงลง4% ในครึ่งปีแรกของปีนี้
รมต. ว่าการกระทรวงการคลังของจีนเปิดเผยว่า สหรัฐฯนั้นเป็นผู้ที่ลงทุนหลักโดยตรงในประเทศจีนในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ แม้ว่าจะมีความตึงเครียดระหว่างทั้งสองเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลกนี้ก็ตาม
ในช่วง6 เดือนแรกของปี 2563 การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศจากสหรัฐฯมายังจีน เพิ่มขึ้น 6% จากปีก่อนหน้าในสกุลเงินหยวน ซึ่งทางรมต. คลังเองก็ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดว่าเป็นเม็กเงินเท่าไหร่นะคะ
ส่วนในภาพรวมการลงทุนลักษณะดังกล่าวในสกุลเงินหยวน ร่วงลง 1.3% ในเดือน ม.ค. ถึง มิ.ย. หากเปรียบเทียบ การลงทุนโดยตรงจากฮ่องกงนั้น เพิ่มขึ้น 4.2% ในขณะที่กาลงทุนโดยตรงจากสิงคโปร์เพิ่มขึ้น 7.8%
ถ้าการลงทุนโดยตรงจากสหรัฐฯมายังจีนเป็นการลงทุนในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง ก็อาจจะเป็นผลมาจากความพยายามของทางการจีนในการที่จะดึงดูดให้ธุรกิจสัญชาติอเมริกันเข้ามา แม้ว่าจะมีความขัดแย้งกับสหรัฐฯในเรื่อง ฮ่องกง ไต้หวัน ทะเลจีนใต้ และเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์
ทางประธานธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ได้ระบุในจดหมายส่งถึงผู้บริหารธุรกิจข้ามชาติว่าทางการจีนจะทำให้สภาพแวดล้อมทางธุรกิจดีขึ้น และได้สรรเสริญบริษัทต่างๆที่ได้ลงทุนและดำเนินการในจีนแล้ว
ทั้งนี้ ยังมีธุรกิจของสหรัฐฯได้เลือกที่จะขยายการลงทุนในจีน หลังเล็กเห็นศักยภาพของตลาดในประเทศจีน แม้จะมีความตึงเครียดทางการเมืองที่รุนแรงมากขึ้นก็ตาม
เมื่อเดือนเม.ย. ExxonMobil ได้เริ่มก่อสร้างโครงการปิโตรเคมิคอล คอมเพล็กซ์ ในจีน ด้วยงบลงทุน10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงก็เพิ่มมากขึ้น จากการที่เงินทุนสำหรับลงทุนในระยะยาวกำลังจะเหือดแห้งไป โดยการสำรวจจากหอการค้าอเมริกันในจีน ก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโรน่า ไวรัส พบว่า มากกว่าหนึ่งส่วนสามของธุรกิจ ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่ปี 2558 รายงานว่า พวกเขากำลังชะลอหรือแม้แต่ตัดงบการลงทุนในปี 2563 ในขณะที่อีก 16% กำลังปรับห่วงโซ่อุปทาน หรือ Supply Chain ด้วยการย้ายออกจากประเทศจีน นี่ยังไม่นับรวมเรื่องกฎหมายความมั่นคงใหม่ในฮ่องกงที่สร้างความกังวลให้กับสมาชิก76% ในหอการค้าอเมริกันในฮ่องกง
สำหรับจีนแล้ว กำลังมองหาเงินทุนจากต่างประเทศ พร้อมๆกับการหาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อช่วยให้จีนยังคงเป็นประเทศที่เป็นศูนย์กลางในห่วงโซ่แห่งคุณค่าของโลก หรือ Value Chain คือ อธิบายกิจกรรมภายในห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งประกอบไปด้วยกลุ่มกิจกรรมการบริหารงานขององค์กรที่มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันและมีความเกี่ยวเนื่องกับการสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับวัตถุดิบ ในขณะที่ประเทศอื่นๆอย่างอินเดีย หรือเวียดนาม กำลังแข่งขันกันเพื่อให้ได้รับการลงทุน
จีนได้ประกาศช่วงปลายมิ.ย. ว่า ได้ลดจำนวนอุตสาหกรรมที่ไม่อนุญาตให้มีการลงทุนจากต่างชาติลง หรือที่เรียกว่าNegative List จาก40 เหลือ 33 อุตสาหกรรม
ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในจีนรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ร่วงลง 4% มาอยู่ที่ 67.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เฉพาะในเดือนมิ.ย. เท่านั้น การลงทุนดังกล่าวในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 3.7%
การแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสได้ทำให้ประเทศอื่นๆต้องพึ่งพาจีนสำหรับผลิตภัณฑ์สินค้าที่จำเป็น ซึ่งรวมถึงอุปกรณ์เพื่อการป้องกัน
ยิ่งไปกว่านั้น ความตึงเครียดที่รุนแรงขึ้นระหว่างสหรัฐฯและจีนได้ทำให้บริษัทต่างประเทศที่ทำธุรกิจในจีนในตลาดผู้บริโภคซึ่งมีมูลค่า1.4พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มีความเสี่ยงสูงขึ้นด้วย

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา