22 ก.ค. 2020 เวลา 00:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
EP 22 ทั่วโลกจับตากลุ่มเทคโนโลยี ซอฟท์แวร์คลาวด์ หลังราคาหุ้นพุ่งกระฉูด รับอานิสงส์โควิด -19
ช่วงหลายปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีพยายามอย่างหนักที่จะสร้างโลกที่ทุกคนสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ ผ่านการใช้บริการและคอมพิวเตอร์ที่มาจากคลาวด์ (Cloud)
ทันใดนั้น การแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ทำให้โลกนั้นเป็นจริงขึ้นมา และกลุ่มเทคโนโลยีก็พร้อมรับการมาของโลกใบนั้น
เห็นได้ชัดว่า Zoom Video Communications Inc หรือ. ZM ได้ขยายการรองรับผู้ร่วมประชุมราวๆ 10ล้านคนต่อวัน มาเป็น30 ล้านคน
Netflix Inc. หรือ NFLX ซึ่งมีลูกค้าเพิ่มขึ้นมามากกว่า 35ล้านคนในเวลาไม่กี่เดือน ช่วยให้ลูกค้าอยู่บ้านแบบไม่น่าเบื่อในช่วงที่มีการล็อคดาวน์ด้วย
Amazon.com Inc. หรือ AMZN ได้โอกาสใช้เครือข่ายโครงสร้างพื้นฐานขนาดยักษ์ที่บริษัทใช้เวลาสร้างอยู่หลายปีมาขนส่งสินค้าที่มีความจำเป็นให้แก่ลูกค้าที่บ้าน และให้บริการคลาวด์ คอมพิวติ้ง (Cloud Computing) แก่บริษัทต่างๆเพื่อที่จะขยายการบริการของพวกเขา
แม้ว่าพนักงานของบริษัทเหล่านี้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่รุนแรงและเหล่าผู้ใช้หรือUser ได้แห่ใช้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอย่างล้นหลาม แต่บริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้ ก็สามารถให้บริการต่างๆเป็นไปตามที่ลูกค้าต้องการ รวมถึงการให้บริการทั้งประเทศที่ต้องการพวกเขาอย่างที่ไม่เคยต้องการมาก่อน
หุ้นบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่ง มีแรงซื้อเข้ามาอย่างมากจากนักลงทุน ทำให้ดัชนีแนสแดค คอมโพสิต (Nasdaq Composite Index) ทะยานขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ด้วยความหวังว่าหุ้นกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่ปลอดภัยจากภาวะเศรษฐกิจที่เปราะบาง
ดัชนีแนสแดค คอมโพสิต ทะยานขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์
โดยหุ้นกลุ่มซอฟท์แวร์ คลาวด์ เป็นกลุ่มที่นำหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่พุ่งขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เป็นช่วงที่บริษัทเทคโนโนโลยีหลายแห่งจะประกาศงบไตรมาส 2 และมีการคาดการณ์ว่าจะออกมาแข็งแกร่งจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้หลายๆธุรกิจต้องทำงานทางไกล
มูลค่าของ Zoom ได้ปรับขึ้นมากกว่าสามเท่าในปี 2563 มาแต่ระดับ 70,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ Netflix และ Amazon ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 60% ทำให้ Amazon มีมูลค่าตามราคาตลาด หรือ Market Cap อยู่เหนือ 1 ล้านล้านดอลาร์สหรัฐ
ทางด้านMicrosoft เองก็ได้รับประโยชน์จากที่บริษัทมีบริการไฮบริดคลาวด์ (Hybrid Cloud) แอพลิเคชั่น Software-as-a-Service หรือ SAAS ซึ่งเป็นรูปแบบการให้บริการ ซอฟท์แวร์ ผ่านอินเทอร์เน็ต เกมส์ต่างๆ ที่สามารถให้บริการช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัส ซึ่งบริการนี้คิดเป็นสัดส่วน 50% ของรายได้ของบริษัท
ทางด้าน IBM รายได้ลดลงไป 5.4 % ในไตรมาสที่ 2 จากการใช้จ่ายที่ลดลงที่เกี่ยวกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในช่วงการแพร่ระบาด และเปลี่ยนผ่านไปใช้ระบบดิจิทัลบนคลาวด์แทน โดยด้านการพัฒนาแอพลิเคชั่น กระบวนการธุรกรรมต่างๆ และการให้คำปรึกษา ลดลงอย่างเห็นได้ชัด และกระทบการดำเนินงานของIBM
อย่างไรก็ตามบริษัทกล่าวว่า ทุกอย่างไม่ได้แย่ไปหมด โดยรายได้จากคลาวด์กลับเพิ่มขึ้น 30% จากความต้องการใช้คลาวด์ในไตรมาสล่าสุด ทำให้รายได้ส่วนนี้เพิ่มขึ้นจาก 4,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่แล้วขึ้นมาเป็น 6,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ รายได้จำนวน 900 ดอลลาร์สหรัฐได้มาจากการที่ IBM ทุ่มงบ34,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เข้าซื้อ Red Hat ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ OpenSource และเป็นผู้นำตลาดของระบบปฏิบัติการลินุกซ์
มีการคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ว่า กว่าการแพร่ระบาดจะยุติลง หลายๆองค์กรทุกขนาดธุรกิจจะเร่งใช้กลยุทธ์โดยย้ายทุกอย่างไปที่คลาวด์
โดยรวมบริษัทเทคโนโลยีน่าจะมีการรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ออกมาดีกว่าไตรมาสที่1 เนื่องจากว่าบริษัทผู้ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์ได้เพิ่มการผลิต หลังจากมีคำสั่งซื้อโหมเข้ามาอย่างมากเพื่อสั่งคอมพิวเตอร์ให้แก่พนักงานที่ทำงานอยู่ที่บ้าน ส่วนผลประกอบการของบริษัทด้านซอฟท์แวร์ก็น่าจะออกมาแข็งแกร่งเช่นเดียวกันเนื่องจากบรรดาธุรกิจต่างๆมองหาวิธีที่จะให้พนักงานเชื่อมต่อกันได้และสามารถทำงานได้
นักวิเคราะห์ได้ให้ความเห็นว่าเมื่อเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโรคที่เกิดขึ้นครั้งหนึ่งในหนึ่งร้อยปี นักลงทุนก็จะมองข้ามผลประกอบการไป เว้นเสียแต่ว่าจะมีหาทางที่โดดเด่น ที่สามารถเปลี่ยนปัจจัยพื้นฐานในระยะยาวได้
อาจกล่าวได้ว่าโควิด-19 ได้เร่งกระบวนการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วม (Digital Transformation) ครั้งยิ่งใหญ่ในทุกอุตสาหกรรม ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจเทคโนโลยีเป็นอันมาก หากเปรียบเทียบกับช่วงฟองสบู่ดอทคอมยุค เมื่อนักลงทุนได้เข้าซื้อหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีจนเกิดภาวะฟองสบู่ โดยหุ้นส่วนใหญ่ขณะนั้นไม่มีโครงสร้างรายได้ที่แข็งแกร่งเหมือนกับธุรกิจเทคโนโลยีในยุคปัจจุบัน อีกทั้ง ปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ยังไม่เอื้ออำนวยให้ธุรกิจเทคโนโลยีขยายตัวแบบก้าวกระโดดอย่างในปัจจุบันที่มีระบบ 4G หรือ 5G และโครงข่ายใยแก้วนำแสงครอบคลุมทั่วโลก ทำให้ประชาชนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้ไม่ยาก เพราะฉะนั้นจำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และสมรรถนะในการเก็บและประมวลผลข้อมูลที่รวดเร็วมีประสิทธิภาพกว่าแต่ก่อน จึงทำให้ธุรกิจเทคโนโลยีในยุคนี้สามารถสร้างรายได้เติบโตได้แบบทวีคูณ ส่งผลให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้นสูงตาม
และเรื่องดังกล่าวนั้นปฏิเสธไม่ได้เลยสำหรับบริษัทที่ทุ่มเทให้กับคลาวด์ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าได้เป็นพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยยามเกิดการแพร่ระบาด นักวิเคราะห์ต่างเห็นพ้องว่านักลงทุนหลายคนที่แห่เข้าซื้อหุ้นที่เกี่ยวข้องกับคลาวด์ยังคงถือหุ้นเหล่านี้ต่อไปอีกยาว และคาดหวังผลตอบแทนมากขึ้นเรื่อยๆ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา