25 ก.ค. 2020 เวลา 01:13 • ท่องเที่ยว

Orchard สถานทูต​ไทย

➡️ อังกฤษ​ & Royal Thai Embassy​ ⬅️
.... 🔸2-3 ปีก่อน มีข่าวเงียบ แต่แอบใหญ่อยู่ข่าวหนึ่งในบ้านเรา เมื่อสถานทูตอังกฤษ ขายที่ดินแปลงสุดท้าย​ ตรงถนนวิทยุ ได้เงินไปกว่า 18,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินก้อนใหญ่ที่สุด ที่อังกฤษเคยขายที่ดิน พร้อมอาคารสถานทูต ออกไปในประวัติศาสตร์ตน
▪️
🔸ใครที่เคยมาขอวีซ่า สมัยที่ต้องยื่นด้วยตัวเอง ที่สถานทูตนี้ คงจำทหาร หน้าตาไม่ใช่ฝรั่ง แต่ออกไปทางแขก ประจำการอยู่ ตั้งแต่หน้าทางเข้า และกระจายอยู่ทั่วสถานทูต นั่นหละครับ นักรบเกรดพรีเมี่ยม "ทหารกูรข่า" ที่ร่วมรบกับอังกฤษมา ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 และแจมในทุกสงครามที่อังกฤษเข้ารบ
▪️ชุดทหารอังกฤษในหลายสมรภูมิ▪️
🔸ทหารกูรข่า เป็นทหารเนปาล ที่เคยซัดกับอังกฤษมาก่อน ไม่รู้แพ้รู้ชนะ จนอังกฤษต้องจ้าง มาประจำการในกองทัพ รวมถึงจ้างให้มาเป็น guard ในแทบจะทุกสถานทูต​ ของอังกฤษทั่วโลก
🔸"เนปาล" นอกจากจะเป็นดินแดน ของสุดยอดนักปีนเขาแล้ว ก็มีทหารกูรข่านี่เอง ที่เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิ และเป็นเกียรติภูมิของชาวเนปาล จนหมดยุคยื่นวีซ่า ที่สถานทูตแบบเดิม โอกาสที่จะได้เจอ "กูรข่า" ในตำนาน​ ที่ชิดลมบ้านเรา ก็เลยหมดไปด้วย​ โดยปริยาย
▪️การพิชิตเอเวอเรสต์ของ "เอดมันด์ ฮิลลารี" ก็มีคู่หู "เทนซิง นอร์เก" ชาวเชอร์ปา "เนปาล" นี่เอง ที่เป็นคู่หูร่วมทาง▪️
🔸เม็ดเงินเกือบ 500 ล้านปอนด์ ที่ขายที่ดินในกรุงเทพฯ ดูๆไป ก็เหมือนไม่น่าจะใช่เหตุบังเอิญ เพราะ รมต.ต่างประเทศอังกฤษคราวนั้น ก็เป็นคนเดียวกับ ที่อาสาจะพาอังกฤษออกจาก Brexit และเพิ่งโดน covid ขวิดเข้าเต็มๆ จนหวิดจะเสียชีวิต ก็คือ Borris Johnson นายกฯ อังกฤษ ที่เคยมากินนอน เที่ยวเมืองไทยเราจนปรุ พักอยู่สุขุมวิท บ้านคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพื่อนเรียน ที่วิทยาลัย Eton ด้วยกัน
🔸เม็ดเงินก้อนโต ที่ขายที่ได้ มันสามารถนำไปซื้อเครื่องไม้ใช้สอย ปรับปรุงสถานทูตอังกฤษ ได้อีกหลายแห่งทั่วโลกก็จริง แต่ก็ใช่ว่าทุกคน ในวิถีอนุรักษ์แบบอังกฤษ จะเห็นดีด้วย เพราะก็มีอยู่มาก ที่เข้าไปถล่มต่อว่า กับการขายสมบัติเก่านี้กิน
▪️ ปี 1982 วิทยาลัย Eton นำนักเรียนระดับเรียนเก่งแถวหน้า และเป็นที่ยอมรับของรุ่น 20 คน มาถ่ายรูปกัน ที่หน้า Eton College Chapel "มาร์ค อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” (No 10) อยู่ด้านหลัง ส่วนยืนผมทองด้านหน้า เสื้อเหลือง คือ Boris Johnson นายกฯ อังกฤษคนปัจจุบัน - ล่าง admin เชิญตัวเอง มาถ่ายรูปไว้ในมุมเดียวกัน ▪️
▪️ อนุสาวรีย์ Queen Victoria ตั้งโดดเด่นกลางแจ้งในทุกดินแดน ของเครื่องจักรภพ แต่ที่สยาม อนุสาวรีย์นี้ ตั้งโดดเด่นได้ แต่ต้องภายในรั้วสถานทูต ▪️
🔸ความไม่พอใจส่วนหนึ่ง คงเป็นเพราะ ที่ดินผืนนี้ มีเรื่องผูกพันกับประวัติศาสตร์อังกฤษ และดินแดนแถบนี้อยู่ไม่น้อย และยังเป็นความภูมิใจให้คนอังกฤษ เดินได้อย่างอกผายไหล่ผึ่ง เมื่อได้เห็นรูปปั้นขนาดใหญ่ ของ Queen Victoria ที่ตั้งผงาดอยู่หลังรั้วสูง ในตำแหน่งสำคัญที่สุดจุดหนึ่ง กลางกรุงเทพฯ (อนุสาวรีย์ที่สถานทูตสร้างขึ้น เพื่อเป็นที่ระลึกถึงการสวรรคตของพระองค์)
🔸แต่ก่อนที่อังกฤษจะมีสถานทูต ตั้งอยู่ท่ามกลางสายลมเย็นสบาย แวดล้อมไปด้วยสวนผัก ริมคลองแสนแสบ​ นอกกรุงตรงนี้ สถานกงสุลเดิม​ ก็ตั้งอยู่ไม่ห่างปอร์ตุเกส เพื่อนฝรั่งที่คบค้ากับเรามานานกว่า 500 ปี และไม่ไกลกับฝรั่งเศส ตรงอาคาร "ศุลกสถาน" หรืออาคารเก็บภาษีร้อยชักสาม หัวใจสำคัญ ของชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยา​ ยุคนั้น
▪️
🔸ที่นั่น บุคคลผู้ดูแล ควบคุมภาษีสายฝรั่ง มีธุรกิจกิจอู่ซ่อมเรือ และมีหน้าที่ควบคุมการคมนาคมทางน้ำ จนได้เป็นกรมเจ้าท่า​ คนแรกของสยาม และยังเป็นคนเดียวกับ ที่ไปรับแหม่มแอนนากับหลุยส์ลูกชาย จากสิงคโปร์มาบางกอก 🔸และยังเป็นผู้ควบคุม​ เรือกลไฟพระที่นั่ง ยามที่ในหลวง เสด็จฯไม่ว่าใกล้ไกล ทั้งคราวในหลวงพระจอมเกล้าฯ เสด็จฯ หว้ากอ หรือคราวพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จฯ สิงคโปร์ ต้นหนทุกครั้งผู้นั้น คือ "กัปตันบุช" ชาวอังกฤษนี่เอง
▪️"กัปตันบุช","แหม่มแอนนา"และ"หลุยส์ ลีโอโนเวนส์" The King and I 1956▪️
▪️ ท่าเรือกรุงเทพ ในภาพจะเห็นปล่องโรงสี, เรือจำนวนมากในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่จอดรอขนถ่ายสินค้า - และอู่เรือบางกอกของ "กัปตันบุช" ทางยานนาวา ▪️ ความคึดคักลักษณะนี้ ทำให้มีการตัดถนนเจริญกรุง - ถนนตก ขนานกับแม่น้ำขึ้น และการมีโรงสีจำนวนมาก และความอึกทึก ก็เป็นเป็นปัจจัยหนึ่ง ที่ทำให้สถานกงศุลอังกฤษ เลือกจะออกไปอยู่ชานเมือง เพื่อความสงบ ▪️ ภาพโดยตากล้องราชสำนัก Robert Lenz
🔸อังกฤษย้ายสถานกงสุล ออกมากลางทุ่งนา มาเป็นสถานเอกอัคราชทูตตรงนี้ ในสมัยรัชกาลที่ 5 ก็ด้วยหลายเหตุผล ซึ่งเป็นรอยต่อของยุค ของการขยายตัวเมือง ให้ออกมาทางนี้ ของสยาม​ ด้วยเช่นกัน
▪️บริเวณทีตั้งสถานกงสุลอังกฤษเดิม - ไปรษณีย์กลางบางรัก▪️
🔸สมัยโบราณอย่างที่รู้กันว่า เราเดินทางกันทางน้ำ จะค้าขาย จะรบ จะยึดเมือง ก็เอาเรือปืนมายิง ยึดเมืองกันก็ด้วยเรือ สมัยก่อนก็พอทำเนา เพราะเดินทางไปมาด้วยสายลม ยังพอรู้​ ฤดูจะไปจะมา แต่มายุคหลัง ใส่ไม้ใส่ฟืน ยัดถ่านหินเข้าเตา ทีนี้จะล่องเรือ ค้าขาย หรือจะยิงปืนยึดเมืองกัน ก็ไม่ต้องสนฤดูกาล ไปไม่ต้องลา มาก็ไม่ต้องไหว้
▪️พระที่นั่ง-พระตำหนัก-พระราชวังมากมาย ที่ถูกสร้างไกลออกจากแม่น้ำ▪️
🔸การตัดถนนให้ห่างแม่น้ำเจ้าพระยาก็เกิดขึ้น วัง ตำหนัก พระที่นั่ง ก็สร้างให้ห่างแม่น้ำ​ ไกลลูกปืนให้มากขึ้น ถนนราชดำเนิน ถนนราชวิถี ถนนสามเสน เกิดขึ้นก็ด้วยสาเหตุนี้ด้วย และเมืองก็ขยายมาไกลเสียจน สถานทูตอังกฤษกลางทุ่งแปลงผัก ก็กลายมาเป็นทำเลทองคำ กลางกรุง​จนได้​ ในวันหนึ่ง
▪️
🔸พูดถึงที่ดิน แปลงที่ขายไปของอังกฤษในไทย ก็อดนึกถึง ที่ดินของสถานทูตไทย ที่ถนน Orchard กลางเมืองสิงคโปร์ขึ้นมาไม่ได้ เพราะที่ดิน 11 ไร่ แปลงของสถานทูตไทยตรงนั้น มันตั้งเด่นอยู่จนเป็นที่อิจฉา ของทุกสถานทูตยักษ์ใหญ่ ที่ต่างก็คิด อยากจะมีธงชาติของตน ปักเป็นสง่าราศี​ ลงบนถนน ที่ได้ชื่อว่าแพงที่สุดในโลกบ้าง แต่ก็เป็นได้แค่ความฝัน
🔸ที่ดินพร้อมบ้านแปลงนี้ พระพุทธเจ้าหลวง ทรงซื้อต่อมาจาก ลูกเขยของกัปตันบุช คราวเสด็จฯ​ สิงคโปร์ เมื่อ 120 ปีที่แล้ว ซึ่งหลักฐานการเสด็จฯหนนั้น นอกจากที่ดินแปลงนี้แล้ว ช้างหล่อสำริด ที่ตั้งบนแท่นประดับ​ หน้าอาคารรัฐสภาหลังเก่า หัวมุมสนามหลวงของสิงคโปร์ บนถนน Hight Street ก็ยังปรากฏอยู่​ ถึงทุกวันนี้
🔸ยุคนั้นถนนออร์ชาร์ด ยังเป็นแปลงปลูกผัก ไม่ต่างแปลงของอังกฤษ​ ที่ถนนวิทยุ ที่ดินแถบนี้ ปลูกพริกไทย มีต้นจันทน์เทศ และกล้วยไม้ ที่ดินส่วนใหญ่ ก็มีชาวอังกฤษนี่เอง ที่จับจองซื้อหา ต่อมาจากคนท้องถิ่น
▪️ พระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ กับคณะผู้ตามเสด็จฯ เยือนสิงคโปร์ พ.ศ.2439 ถ่ายซ้ำจากนิทัศน์การ ภาพเก่าฉายาลักษณ์สยาม : Robert Lenz ▪️
▪️ พระรูปเจ้าจอมมารดาชุ่ม (2412 - 2454) ในพระจุลจอมเกล้าฯ พระองค์เป็นหนึ่งในคณะ เสด็จประพาสสิงคโปร์และชวาทั้งสองครั้ง ทรงภาษาอังกฤษได้ดีเยี่ยม - ถ่ายซ้ำจากนิทัศน์การ ภาพเก่าฉายาลักษณ์สยาม : Robert Lenz ▪️
🔸ทุกวันนี้ บนถนนที่ยาวเพียง 2 กม.เศษตรงนี้ มีเพียงสถานทูตไทยเพียงสถานทูตเดียว ที่ตั้งเด่นอยู่บนถนน สายที่ดังเด่นที่สุดของสิงคโปร์ จนท.ของสถานทูต​ เพียงแค่ก้าวเท้า เดินออกมาด้านนอก ก็ถูกรายรอบไปด้วยแหล่งการค้า, แหล่งอาหาร, สถานบันเทิง กับการคมนาคม MRT อันทันสมัย ของถนน "Billionaire's Road"
▪️
🔸และ ณ มุมหนึ่งท้ายเกาะสิงคโปร์ บนเนินเขาของ Fort Canning มันเป็นที่ตั้งของป้อมปืนใหญ่ของอังกฤษ ที่สร้างทับซากเมืองโบราณแห่งหนึ่งเอาไว้ ที่ตรงนั้นมีป้ายเขียนบรรยาย ประวัติซากเมืองเก่านี้ไว้ แต่มันก็เล็กเหลือเกิน แถมยัววางแอบมุม เสมือนไม่อยากให้ใครในโลก​ นี้ได้เห็น
▪️ Fort Canning : Singapore ▪️
🔸"โบราณสถานนี้ เป็นป้อมค่ายใน ศ.14 ของอาณาจักรศรีวิชัย (สยาม)" แม้ข้อความจะสั้น แต่แค่นี้ มันก็พอให้รู้ว่า "ศรีวิชัย - สยาม" เคยมาไกลถึงที่นี่จริงๆ
🔸และด้วยสายพระเนตร​ อันยาวไกล ของในหลวงพระจุลจอมเกล้าฯ ที่ทรงปักธงช้างเผือกสยาม​ ให้เกรียงไกรไว้อีกหน ลงตรงตำแหน่งสำคัญ​ ที่ต่อให้มีเงินท่วมฟ้า หรือจะมีอาวุธท่วมทะเล ก็ไม่สามารถแย่ง ความภูมิใจนี้​ ออกไปจากเราไปได้ และที่พระองค์สร้างทำไว้ให้ ก็ไม่ใช่เพื่อใคร ก็ให้ลูกหลานไทยทุกคน ได้ก้าวเท้าเดินไป​ ทั้งในและนอกแผ่นดิน​ อย่างอกผายไหล่ผึ่ง ที่ปลายแหลมมลายู.
🔓 ราคาประเมินที่ดิน 11 ไร่บนถนน Orchard ผมไม่ทราบ แต่ลองถามเพื่อนชาว Singapore ก็ได้คำตอบ รวมๆมาว่า "many many billion us$ for sure"
▪️ โมเสกพระบรมสาทิศลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ หน้าบันพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท โมเสกนี้สั่งทำในเวนิส อิตาลี ก่อนนำมาประดับหน้าพระที่นั่งฯ ▪️
▪️ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ▪️
ภาพถ่ายต่างกรรมต่างวาระ
📸 All Photos ☀️ by Tui Kajondej
⭕ รวมเรื่องร้อยเรื่องราว
⭕ Happy Birthday ลูฟร์
⭕ ลอมพอก
🌸 เขียนทุกเรื่องด้วยความสนุก เพื่อความสุขของผู้เขียน และไว้สะสมเรื่องเขียน ในมุมสนุกตรงนี้ 🌸

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา