4 ส.ค. 2020 เวลา 11:30 • ประวัติศาสตร์
“มาร์โค โปโล (Marco Polo) นักเดินทางในตำนาน” ตอนที่ 6
มาร์โคกลับบ้าน
เพื่ออารักขาเจ้าหญิง กุบไลข่านมอบเรือจำนวน 13 ลำ พร้อมคนรับใช้และลูกเรืออีก 600 คนแก่ครอบครัวโปโล
นอกจากนั้น ท่านข่านยังฝากสาส์นไปถึงกษัตริย์แห่งฝรั่งเศส อังกฤษ และสเปนอีกด้วย
นอกจากนั้น กุบไลข่านยังมอบจารึกให้แก่มาร์โค เป็นจารึกทองคำจำนวนสองแผ่น ซึ่งในจารึกนี้ ท่านข่านได้เขียนว่าระหว่างการเดินทาง ทุกคนต้องช่วยเหลือครอบครัวโปโล หากใครขัดขืน ตาย
แผ่นจารึกของกุบไลข่านเปรียบเสมือนกับแผ่นวิเศษ ทุกผู้คนที่พบตลอดทางล้วนแต่เกรงกลัว มอบทั้งม้าและเสบียงอาหารให้พวกเขา
พวกเขาล่องเรือเข้าไปในทะเลจีน ผ่านเวียดนาม และด้วยความที่เกิดพายุมรสุม พวกเขาจึงจำเป็นต้องจอดเรือที่เกาะสุมาตรา
พวกเขาต้องอาศัยบนเกาะนี้เป็นเวลาถึงห้าเดือน โดยในระหว่างนั้น ชนเผ่ากินคนได้พยายามเข้าทำร้ายพวกเขา
ทุกๆ อย่างบนเกาะสุมาตราสร้างความตื่นตาตื่นใจให้มาร์โค เขาได้เห็นมะพร้าวเป็นครั้งแรก ได้เห็นแรด และยังได้พบกษัตริย์ที่ครอบครองทับทิมที่ใหญ่ที่สุดในโลก
การเดินทางนี้ใช้เวลานานกว่า 26 เดือน กว่าจะถึงจุดหมาย ลูกเรือส่วนมากก็ตายไปหมดแล้ว ซึ่งมาร์โคก็ไม่เคยชี้แจงว่าลูกเรือตายเพราะอะไร
เมื่อเรือเทียบท่าที่เปอร์เซีย พวกเขาก็ต้องได้รับข่าวร้าย นั่นคือคู่หมั้นของเจ้าหญิงได้ตายไปแล้ว เจ้าหญิงจึงต้องเข้าพิธีเสกสมรสกับลูกชายของอดีตคู่หมั้นแทน
จากนั้นไม่นาน ข่าวร้ายยิ่งกว่าก็ตามมา
“กุบไลข่านตายแล้ว”
เมื่อสิ้นกุบไลข่าน มาร์โคก็ไม่สามารถเดินทางไปจีนได้อีกต่อไป ในเมื่อปราศจากความคุ้มครองของท่านข่าน การเดินทางในเอเชียก็ไม่ปลอดภัย
จากนั้นครอบครัวโปโลก็ได้มุ่งไปเวนิส ซึ่งพวกเขาก็ถูกปล้นที่ตุรกี
มาร์โคไม่ได้บันทึกว่าพวกเขาสูญเสียทรัพย์สินไปเท่าไร อีกทั้งไม่ได้บอกด้วยว่าทำไมถึงใช้เวลาเป็นปีกว่าจะมาถึง ทั้งๆ ที่ระยะทางไม่ได้ไกลกัน
ครอบครัวโปโลกลับถึงบ้านที่อิตาลีในปีค.ศ.1295 (พ.ศ.1838)
ในทีแรก ครอบครัวจำพวกเขาไม่ได้เนื่องจากพวกเขาจากบ้านเป็นเวลานานกว่า 24 ปี
สภาพของพวกเขานั้นทรุดโทรม ผิวดำจากการตากแดดในทะเลทราย ผอมแห้ง เสื้อผ้าขาดๆ เน่าๆ หลายคนไม่เชื่อว่าพวกเขาคือครอบครัวโปโลด้วยซ้ำ
ไม่กี่วันต่อมา ครอบครัวโปโลก็ได้นำทับทิมและเพชรพลอยมาให้ทุกคนดู ทุกคนจึงเชื่อว่าพวกเขาคือครอบครัวโปโลจริงๆ แต่หลายคนก็ไม่เชื่อในสิ่งที่โปโลเล่า
เรื่องราวการเดินทางของโปโลนั้นดูน่าเหลือเชื่อ และในที่สุด มาร์โคก็กลับมาใช้ชีวิตพ่อค้าอย่างสงบดังเดิม
ในเวลาไม่นาน ก็ได้เกิดสงครามระหว่างเมืองเวนิซและเจนัว และมาร์โคก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็น “สุภาพบุรุษผู้บัญชาการ” แห่งเรือรบเวนิซ
เรื่องราวของมาร์โคจะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามได้ในตอนหน้านะครับ
โฆษณา