20 ส.ค. 2020 เวลา 01:54 • การศึกษา
อสงไขยและมหากัปเหมือนกันหรือต่างกัน มีไว้ใช้นับอะไร และเมื่อเทียบกับหน่วยนับเวลาในปัจจุบันคือจำนวนเท่าใด ?
ในวัฏสงสารอันยาวนานที่ผ่านมา พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ตรัสรู้ไปแล้วมีจำนวนมาก นับอสงไขยพระองค์ไม่ถ้วน ท่านเปรียบว่ามากกว่าเม็ดทรายในท้องพระมหาสมุทรทั้ง ๔ เราคงเคยไปเดินเที่ยวชายหาดริมทะเล ลองคิดดูว่า ถ้าเอามือกอบทรายขึ้นมากำหนึ่งให้นั่งนับทีละเม็ด ใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะนับหมดกำมือหนึ่ง
แล้วถ้าทรายทั้งหาดนับทั้งชาติก็ไม่หมด แล้วถ้าทรายทุกมหาสมุทรรวมถึงก้นสมุทรด้วยทั้งโลกมันมากขนาดไหน แล้วท่านลองพิจารณาดูว่าจำนวนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ตรัสรู้ล่วงไปแล้วในอดีตมากกว่าเม็ดทรายในท้องพระมหาสมุทรทั้ง ๔ มากกว่ากันเป็นหลายล้าน ๆ เท่า เพราะวัฏสงสารนั้นยาวนานมาก ทำให้จำนวนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ตรัสรู้มีมาก
การจะเข้าใจระยะเวลาการสร้างบารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราต้องทำความเข้าใจหน่วยเวลาก่อนเกี่ยวกับจำนวนตัวเลข
อย่างแรก คือ จำนวนตัวเลข อสงไขย คำว่า “อสงไขย” มาจาก อะ+สังขยา
สังขยา แปลว่า การนับ อะ แปลว่า ไม่ อสงไขย แปลว่า ไม่สามารถนับได้ คือ มากจนนับไม่ถ้วน ถ้าใช้ตัวเลขแบบตรง ๆ ๑ อสงไขยมีค่าเท่ากับ 〖๑๐〗^๑๔๐
พูดง่าย ๆ ว่า เขียนเลข ๑ ไปตัวหนึ่ง เติม ๐ ต่อท้ายไป ๑๔๐ ตัว มากหรือไม่ เติม ๐ ต่อท้ายไป ๑ ตัวเป็นสิบ ๒ ตัวเป็นร้อย ๓ ตัวเป็นพัน ๔ ตัวเป็นหมื่น ๕ ตัวเป็นแสน มีศูนย์ ๖ ตัวกลายเป็นล้าน ๗ ตัวสิบล้าน ๘ ตัวร้อยล้าน ๙ ตัวพันล้าน ทุก ๆ เลขศูนย์ที่เติมท้ายเลขหนึ่ง มีค่าทวีขึ้นสิบเท่า มีเลขหนึ่งแล้วเลขศูนย์ต่อท้ายยาวไป ๑๔๐ ตัว มันมากมายมหาศาลเพียงใดลองคิดดู
นางอินทิรา คานธี อดีตนายกรัฐมนตรีประเทศอินเดียเคยเขียนจดหมายไปหาพ่อ คือ ชวาหระลาล เนห์รู (जवाहरलाल नेहरू) ถามพ่อว่า หน่วยอสงไขยมีไว้นับอะไร เพราะมันมากเหลือเกิน 〖๑๐〗^๑๔๐
ชวาหระลาล เนห์รู
ตอนนั้นพ่อท่านเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศอินเดีย เขียนตำราประวัติศาสตร์โลกเล่มใหญ่เพื่อจะสอนลูกสาว จะปั้นให้ดีแล้วก็ดีได้อย่างใจ พ่อเป็นนายกฯ ลูกสาวก็เป็นนายกฯ ฝีมือดีอีก เรียกว่าเก่งมาก ๆ ครอบครัวนี้ แม้แต่นางอินทิรา คานธี ก็งง ส่วนท่านพ่อเนห์รูก็ตอบไม่ได้เช่นกัน
เราอยากจะรู้ว่ามันมากแค่ไหน ถ้าอธิบายเปรียบเทียบให้ฟังแล้วเราจะรู้สึกตกใจ อะตอมมีขนาดเล็กใช่หรือไม่ สสารทั้งหลายประกอบด้วยอะตอม อะตอมที่เล็ก ๆ ในโลกใบนี้มีอยู่กี่อะตอมใส่ตัวเลขเอาไว้ยังไม่ถึง ๑ อสงไขย รวมจำนวนอะตอมในเอกภพทั้งหมดที่นักดาราศาสตร์ค้นพบแล้วแสนล้านกาแล็กซี่ ยังไม่ถึง ๑ อสงไขย แล้วตัวเลขอสงไขยจะไปใช้นับอะไรดีมากมายขนาดนี้
ตอบว่า
หน่วยอสงไขยมีไว้นับเวลาในการสร้างบารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นับจำนวนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ตรัสรู้ไปแล้ว ในเมื่อจำนวนอะตอมทั้งหมดในเอกภพยังไม่ถึงอสงไขย แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ตรัสรู้ไปแล้วมีมากกว่าอสงไขยพระองค์ นับอสงไขยไม่ถ้วน เข้าใจตรงนี้แล้วเราจะรู้ว่าวัฏสงสารที่เราผ่านมามันนานมาก ๆ จึงสามารถมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้จำนวนขนาดนี้ แล้วอสงไขยเขาไว้นับหน่วยปี นับหน่วยกัปที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้สร้างบารมีด้วย
ตัวเลขอีกตัวหนึ่ง คือ คำว่า “มหากัป” มหากัปเป็นหน่วยเวลานับอายุของโลกเรา วงจรหนึ่งรอบตั้งแต่เจริญ เสื่อม อยู่ในสภาพปรักหักพัง แล้วค่อย ๆ เจริญขึ้นมาใหม่ จนอยู่ในสภาพที่มีสัตว์ มีสิ่งมีชีวิตอยู่ วงจรนี้เรียกว่า ๑ มหากัป เรามาดูแผนภาพประกอบนี้
แผนภาพข้างบนคือสภาพโลกที่กำลังเจริญ มีมนุษย์อยู่ มีพืชพันธุ์ธัญญาหารต่าง ๆ อยู่ ต่อมาค่อย ๆ เสื่อมลง เสื่อมลง จนกระทั่งพืช สัตว์ มนุษย์ทั้งหลายตายหมด เกิดไฟบรรลัยกัลป์ หรือลมบรรลัยกัลป์ หรือน้ำบรรลัยกัลป์ล้างโลก ไม่มีสิ่งมีชีวิตเหลือเลย แล้วก็อยู่ในสภาพที่เป็นซาก พินาศอยู่อย่างนั้นอีกยาวนานมาก ๆ แล้วจึงค่อย ๆ ฟื้น ค่อย ๆ เจริญขึ้นมาใหม่ จนกระทั่งเป็นโลกที่มีมนุษย์อยู่ มีสัตว์อยู่ มีพืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ วัฏจักรทั้งหมดนี้เราเรียกว่า ๑ มหากัป
อยากรู้ว่า ๑ มหากัปนานเท่าไหร่ ดูแผนภาพประกอบ ท่านอุปมาไว้อย่างนี้ มีภูเขาหินแท่งทึบรูปทรงสี่เหลี่ยม คือ เป็นภูเขาหินแกรนิต หินภูเขาไฟแข็งแกร่งมาก มีลักษณะเป็นรูปลูกบาศก์ กว้าง ๑ โยชน์ คือ ๑๖ กิโลเมตร ยาว ๑ โยชน์ สูง ๑ โยชน์ สูงยิ่งกว่าภูเขาเอเวอร์เรสต์ที่นับว่าสูงที่สุดในโลกจากระดับน้ำทะเล (วัดความสูงโดย GPS ในปี ๑๙๙๙ ได้ ๒๙,๐๓๕ ฟุต หรือ ๘,๘๕๐ เมตร หรือ ๘.๘๕ กิโลเมตร) ทุก ๆ ร้อยปี เทวดาจะเอาผ้าทิพย์ที่บางเบาเหมือนควันไฟมาลูบเบา ๆ
ครั้งหนึ่ง ภูเขาก็อาจจะสึกไปนิดหนึ่ง ภูเขาที่สูง ๑๖ กิโลเมตรนี้ ค่อย ๆ สึกลงทีละน้อย จนกระทั่งราบเสมอกับพื้นดินใช้เวลานานเท่าไร ๑ มหากัปยาวนานกว่านั้น
ดังนั้นคิดดูว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ทรงสร้างบารมีมายาวนานแค่ไหน ดังที่กล่าวแล้วว่า พระพุทธเจ้ามี ๓ ประเภท คือ หนึ่ง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสรู้เองแล้วสอนคนอื่นด้วย สอง พระปัจเจกพุทธเจ้า ตรัสรู้เองแต่ไม่สอนใคร สาม พระอนุพุทธเจ้า คือพระอรหันต์
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังแบ่งออกเป็นอีก ๓ ประเภท คือ
ประเภทที่ ๑ พระวิริยาธิกพุทธเจ้า คือ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ยิ่งด้วยความวิริยะ ยิ่งด้วยความเพียร พระองค์สร้างบารมี ๘๐ อสงไขยกับแสนกัป
ความยาวนานการของสร้างบารมีของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ละประเภท
ถ้าเปรียบเทียบให้เข้าใจ สร้างบารมีผ่านไป ๑ กัปที่ยาวนานมาก ๆ เสร็จเรียบร้อย ก็เอาอะตอมในโลกเราเก็บไปหนึ่งอะตอม พอหมดไปหนึ่งกัปเก็บไปหนึ่งอะตอม จนกว่าอะตอมจะหมดเกลี้ยงทั้งโลกทั้งสุริยะจักรวาล ทั้งกาแล็กซี่ ทั้งเอกภพก็ยังไม่ถึงอสงไขยเลย
การสร้างบารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงยาวนานมาก ๆ พระองค์ท่านจึงต้องเป็นบุคคลที่ใจเด็ดเดี่ยวจริง ๆ ไม่ย่นย่อท้อถอยสร้างบารมี ๘๐ อสงไขยกับแสนมหากัปโดยไม่พักเลย ไม่ย่อท้อ ใจของพระองค์เด็ดเดี่ยวขนาดนี้เพราะมุ่งหวังจะโปรดชาวโลก
ประเภทที่ ๒ พระสัทธาธิกะพุทธเจ้า คือ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ยิ่งด้วยศรัทธา สร้างบารมี ๔๐ อสงไขยกับแสนกัป
ประเภทที่ ๓ พระปัญญาธิกะพุทธเจ้า คือ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ยิ่งด้วยปัญญา สร้างบารมี ๒๐ อสงไขยกับแสนกัป
คำว่า “กัป” หรือ “มหากัป” คืออันเดียวกัน อยู่ที่ว่าจะเรียกแบบย่อหรือแบบขยาย ใช้เวลาสร้างบารมี ๒๐ อสงไขยกับแสนกัป หรือแสนมหากัปนั่นเอง
พระปัญญาธิกะพุทธเจ้าทรงสร้างบารมีเร็วขึ้นเพราะว่าพระองค์มีปัญญามาก สามารถตรัสรู้ได้เร็ว แต่ว่า ๒๐ อสงไขยกับแสนกัปก็นานมาก ๆ เพราะกัปหนึ่งก็นานมากแล้ว แสนกัปก็ยิ่งนาน อสงไขยกัปก็ยิ่งนาน
นี่อสงไขยกัปตั้ง ๒๐ รอบ จะนานแค่ไหนลองพิจารณาดู
เจริญพร
โฆษณา