29 ส.ค. 2020 เวลา 00:56 • ประวัติศาสตร์
ร่องรอยการเดินทางของ ก.ไก่ ถึง ฮ. นกฮูก จากอารยธรรมอินเดียโบราณมาสู่ตัวเขียนในปัจจุบัน
เส้นจารเนื้อความพระไตรปิฎกบนแผ่นลานนอกจากจะเป็นหลักฐานแสดงการสืบทอดพุทธธรรมแล้วยังเป็นหลักฐานบ่งบอกถึงวิวัฒนาการอักษรโบราณบนแผ่นดินไทยอีกด้วย แม้คัมภีร์ใบลานที่หลงเหลืออยู่ในปัจจุบันจะมีอายุไม่กี่ร้อยปี
แต่อักษรขอม อักษรธรรมล้านนา และอักษรธรรมอีสาน ที่ใช้จารคัมภีร์พระไตรปิฎกใบลานก็เป็นหลักฐานสำคัญที่หลงเหลือมาสู่คนรุ่นปัจจุบันที่สามารถนำไปศึกษาร่องรอยการสืบทอดอักขรวิธีและวิวัฒนาการอักษรโบราณ ซึ่งมีต้นกำเนิดย้อนไปได้ไกลถึงอักษรปัลลวะแห่งอารยธรรมอินเดียในยุคพุทธศตวรรษที่ 11-12
ณ ช่วงเวลาดังกล่าว ดินแดนของประเทศไทยเคยเป็นที่ตั้งของอาณาจักรโบราณมากมาย อาทิ อาณาจักรทวารวดี อาณาจักรเจนละ อาณาจักรศรีวิชัย เป็นต้น แต่ละอาณาจักรต่างรับอิทธิพลด้านตัวอักษรจากดินแดนภารตะฝ่ายใต้ผ่านการค้าขายและการเผยแผ่ศาสนา
จารึกเขารัง , Cr: ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
ดั่งปรากฏหลักฐานจารึกอักษรปัลลวะหลายหลักกระจายอยู่ในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศไทย อาทิ จารึกเขารัง จังหวัดสระแก้ว นับเป็นศิลาจารึกอักษรปัลลวะที่มีอายุเก่าแก่ที่สุด จารด้วยภาษาสันสกฤตและภาษาเขมรโบราณบนหินทรายเนื้อหยาบ กำหนดอายุตามปีมหาศักราชที่ระบุในจารึกตรงกับ พ.ศ. 1182
จารึกอักษรปัลลวะสมัยพระเจ้าสิงหวรมัน กษัตริย์ราชวงศ์ปัลลวะแห่งอินเดียตอนใต้ อายุราวพุทธศตวรรษที่ 11 , Cr: พัฒนาการของอักษรไทย
หรือ จารึกเยธมฺมาฯ ซึ่งเป็นคาถาภาษาบาลีคัดจากพระวินัยปิฎก มหาวรรค มหาขันธกะ ตอนพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะบรรพชา ปรากฏบนระเบียงด้านขวาองค์พระปฐมเจดีย์ อายุราวพุทธศตวรรษที่ 12
จารึกทั้ง 2 หลักนี้แสดงให้เห็นว่าอักษรปัลลวะในอาณาจักรยุคแรกยังคงรูปแบบสัณฐานต้นฉบับเดิมของอินเดียฝ่ายใต้ไม่เปลี่ยนแปลง
เหรียญสมัยทวารวดี อายุราวพุทธศตวรรษที่ 12 ปรากฏอักษรปัลลวะ ภาษาสันสกฤต, Cr: พัฒนาการของอักษรไทย
จากนั้น ราวพุทธศตวรรษที่ 13-15 รูปแบบอักษรที่ใช้อยู่ในอาณาจักรทวารวดี อาณาจักรเจนละ และอาณาจักรศรีวิชัยมีความคลี่คลายเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม แต่ยังคงรักษาอักขรวิธีเหมือนอักษรปัลลวะอยู่ เรียกอักษรในยุคนี้ว่า “อักษรหลังปัลลวะ”
และต่อมาช่วงประมาณพุทธศตวรรษที่ 15-19 พัฒนาการของอักษรในแต่ละท้องถิ่นก็ยังดำเนินไปอย่างตลอดต่อเนื่อง แม้อาณาจักรเดิมจะล่มสลายไปและมีอาณาจักรใหม่เข้ามาแทนที่ แต่รูปแบบของตัวอักษรก็ยังได้รับการพัฒนาปรับเปลี่ยนและผสมผสานเข้ากับสังคมและวัฒนธรรมท้องถิ่นจนเกิดเป็นอักษรที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
จารึกอักษรมอญโบราญ , Cr: พัฒนาการของอักษรไทย
อักษรหลังปัลลวะที่ใช้ในอาณาจักรขอมสมัยพระนครซึ่งต่อเนื่องมาจากอาณาจักรเจินละมีพัฒนาการจนกลายเป็น “อักษรขอมโบราณ” อักษรหลังปัลลวะที่ใช้ในอาณาจักรหริภุญชัยซึ่งต่อเนื่องมาจากอาณาจักรทวารวดีก็กลายเป็น “อักษรมอญโบราณ” และอักษรหลังปัลลวะที่ใช้ในอาณาจักรศรีวิชัยก็พัฒนาเป็น “อักษรกวิ”
จึงเห็นได้ว่าอักษรโบราณในแต่ละท้องถิ่นที่มีอาณาเขตครอบคลุมบริเวณบางส่วนของประเทศไทยในปัจจุบันต่างสืบทอดมาจากอักษรสมัยราชวงศ์ปัลลวะด้วยกันทั้งสิ้น
ในช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ 19 อาณาจักรขอมพระนครเสื่อมอำนาจลงและได้มีการสถาปนาอาณาจักรสุโขทัยขึ้น ถึงกระนั้นผู้คนในอาณาจักรสุโขทัยก็ยังนิยมใช้อักษรขอมโบราณเพื่อเขียนภาษาบาลี ในภายหลังจึงมีการปรับใช้อักษรขอมโบราณให้เอื้อต่อการเขียนภาษาไทยด้วย จึงเกิดเป็น “อักษรขอมไทยสมัยสุโขทัย”
หนังสือสมุดไทยอักษรขอมสมัยอยุธยา (บน) สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น (ล่าง) , Cr: สมุดข่อย
และเมื่ออาณาจักรอยุธยาได้สถาปนาขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ก็ได้รับเอาอิทธิพลอักษรขอมจากสุโขทัยไปปรับใช้จนกลายเป็น “อักษรขอมไทยสมัยอยุธยา” แล้วใช้เรื่อยมาจนถึงสมัยพุทธศตวรรษที่ 24 เมื่อมีการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ อักษรขอมจึงมีรูปแบบที่เรียกว่า “อักษรขอมไทยสมัยรัตนโกสินทร์”
นอกจากมีการใช้อักษรขอมสุโขทัยแล้ว อาณาจักรสุโขทัยยังมีการใช้อีกอักษรหนึ่งควบคู่กัน คืออักษรไทยสุโขทัยหรือลายสือไทยที่พ่อขุนรามคำแหงทรงประดิษฐ์ขึ้นเมื่อปีมหาศักราช 1205 ซึ่งตรงกับ พ.ศ. 1826 ตามที่ระบุไว้ในศิลาจารึกหลักที่ 1
ทั้งนี้นักวิชาการได้ตั้งข้อสันนิษฐานว่า พ่อขุนรามคำแหงน่าจะอาศัยอักษรขอมโบราณ และอักษรมอญโบราณซึ่งเป็นอักษรดั้งเดิมที่ใช้อยู่ในท้องถิ่นตั้งแต่ก่อนการสถาปนาอาณาจักรสุโขทัยเป็นต้นแบบ แล้วพัฒนาจนกลายเป็นอักษรไทย ที่สำคัญคืออักษรไทยสมัยพ่อขุนรามคำแหงนี้เป็นต้นแบบของอักษรไทยทุกยุคทุกสมัยจนมาถึงอักษรไทยแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ในปัจจุบัน
ตัวอักษรไทยย่อแบบอยุธยาตอนปลาย, Cr: สมุดข่อย
ในขณะที่อาณาจักรสุโขทัยมีการใช้อักษรขอมไทยและอักษรไทย อาณาจักรล้านนาในภาคเหนือก็มีการใช้อักษรธรรมล้านนา ซึ่งเชื่อว่าได้รับอิทธิพลจากอักษรมอญโบราณที่ใช้ในอาณาจักรหริภุญชัยประมาณพุทธศตวรรษที่ 17-18 เนื่องจากอักษรธรรมล้านนามีรูปแบบอักษรและอักขรวิธีคล้ายคลึงกับอักษรมอญโบราณมาก
ประกอบกับข้อมูลประวัติศาสตร์ที่สนับสนุนว่าอาณาจักรล้านนามีการติดต่อกับอาณาจักรหริภุญชัยมาก่อนที่พญามังรายจะผนวกอาณาจักรหริภุญชัยเข้ากับอาณาจักรล้านนา จึงมีความเป็นไปได้อย่างมากว่าชาวล้านนาในอดีตจะรับวัฒนธรรมหลายด้านโดยเฉพาะด้านตัวอักษรจากอาณาจักรหริภุญชัย
ภาพฝาผนังแสดงเหตุการณ์เกี่ยวกับพญามังรายและการจารพระไตรปิฎกอักษรธรรมในดินแดนล้านนา
ส่วนสาเหตุที่เรียกว่าอักษรธรรมนั้น ก็เนื่องด้วยเป็นตัวอักษรที่ใช้บันทึกพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง อิทธิพลอักษรธรรมล้านนาสืบทอดไปยังอาณาจักรล้านช้างซึ่งอยู่ในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของ 2 อาณาจักรทำให้อาณาจักรล้านช้างรับเอาอิทธิพลด้านพระพุทธศาสนาและรับตัวอักษรธรรมล้านนาไปพัฒนาปรับใช้ในท้องถิ่นจนกลายเป็น “อักษรธรรมอีสาน” ในที่สุด
▲ คัมภีร์พระไตรปิฎกทีฆนิกาย สีลขันธววรค อักษรธรรมล้านนา
▲ คัมภีร์พระไตรปิฎกทีฆนิกาย สีลขันธววรค อักษรธรรมอีสาน
จากจุดเริ่มต้นแห่งดินแดนภารตะตอนใต้ อักษรปัลลวะได้เป็นแม่แบบของวิวัฒนาการอักษรโบราณในผืนแผ่นดินไทย ผ่านห้วงกาลเวลาเนิ่นนานพันกว่าปี จากอักษรหนึ่งพัฒนาจนกลายเป็นอีกอักษรหนึ่งผ่านการติดต่อปฏิสัมพันธ์ ก่อเกิดการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างอาณาจักร ผสมผสานจนมีเอกลักษณ์ของตนเอง
แม้อักขรวิธีและรูปแบบอักษรจะเปลี่ยนแปลงไปจนไม่เหลือเค้าโครงเดิม แต่อักษรเหล่านั้นต่างมีกำเนิดจากที่เดียวกัน และบูรพชนชาวไทยก็ได้ใช้อักษรโบราณเหล่านี้จารึกเรื่องราวคดีโลกและคดีธรรมผ่านรุ่นสู่รุ่นไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาสืบมา
อ้างอิง
กรรณิการ์ วิมลเกษม. ตำราเรียนอักษรไทยโบราณ อักษรขอมไทย อักษรธรรมล้านนา อักษรธรรมอีสาน. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2554.
บุญเตือน ศรีวรพจน์, ประสิทธิ์ แสงทับ. สมุดข่อย. กรุงเทพฯ : องค์การค้าของคุรุสภา, 2542.
สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร. พัฒนาการของอักษรไทย. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์พระพุทธศาสนา, 2556.

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา