30 ส.ค. 2020 เวลา 00:30 • หนังสือ
สรุปหนังสือ Miracle Morning ทุกสิ่งในชีวิตจะดีขึ้น เมื่อตื่นเช้า
🔆...เคล็ด (ไม่) ลับ ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตคุณได้
(ก่อน 8 โมงเช้า)
คือการที่เราได้ตื่นนอนเร็วขึ้นกว่าปกติอย่างน้อย 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง อย่างมีจุดมุ่งหมายเพื่อที่จะทุ่มเทเวลาในการพัฒนาตนเองและเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้นได้
เรารู้ว่าการพัฒนาตนเองเป็นสิ่งที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ ความสุข และการเติมเต็มในชีวิต
แต่จะทำยังไงถึงจะมีเวลาเพื่อพัฒนาตนเองได้ท่ามกลางกิจกรรมตารางเวลาที่แน่นเอียดในแต่วัน
คำตอบคือ การสร้างเวลาขึ้นมาเพื่อใช้ในการพัฒนาตนเอง
‼️ช่วงเวลา 1 ชั่วโมงแรกหลังการตื่นนอนคือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด เปรียบเหมือนหางเสือของการใช้ชีวิตในวันนั้น
1
หากหลังตื่นนอนเราสามารถใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ได้สูงสุด ก็มีแนวโน้มว่าวันนั้นเราจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีประสิทธิผลทั้งวัน
2
📔กลยุทธ์ 5 ขั้นตอน ตื่นเช้าโดยไม่งีบหลับ
ทำยังไงให้ตัวเองมีแรงกระตุ้นพอที่จะลุกจากที่นอนในตอนเช้าเพื่อทำสิ่งที่แตกต่างไปจากเดิม
1. ตั้งปณิธานก่อนเข้านอน “ความคิดแรกของยามเช้า คือ ความคิดสุดท้ายของคืนวันก่อนหน้า”
3
ทุกคนคงเคยเป็น ตอนกลางคืนนอนไม่หลับ เพราะตื่นเต้นกับวันสำคัญหรือกิจกรรมที่เราจะได้ทำในวันพรุ่งนี้
เมื่อได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกเราจะลุกออกจากที่นอนเลยทันทีทั้งที่เมื่อคืนแทบไม่ได้นอน เพราะเราตื่นเต้นและกระตือรือร้น
✅สิ่งที่ต้องทำคือการกำหนดจิตอย่างมีสติในทุก ๆ คืน เพื่อสร้างความคาดหวังเชิงบวก และสร้างความตื่นเต้นในชีวิตสำหรับเช้าวันถัดไป
1
2. วางนาฬิกาปลุกคนละมุมห้องกับที่นอน 
ทำให้เราได้เคลื่อนไหวร่างกาย และช่วยเพิ่มระดับแรงกระตุ้นในการตื่นนอนได้
1
3. แปรงฟันทันที
4. ดื่มน้ำ 1 แก้ว 
การขาดน้ำเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการอ่อนล้า
5. เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดออกกำลังกาย 
เพือให้ร่างกายมีการเคลื่อนไหวและให้หัวใจได้สูบฉีด เพื่อให้ร่างกายตื่นตัวอย่างเต็มที่ อาจจะเป็นการยืดตัว ขยับตัว ออกกำลังกายเบาๆได้
หลังจากทำ 5 ขั้นตอนที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที เราก็พร้อมที่จะทำกิจกรรม Miracle Moring ได้แล้วค่ะ
🔥The Life S.A.V.E.R.S. หลักปฏิบัติ 6 ประการ
เพื่อช่วยให้คุณออกจากชีวิตที่ใช้ศักยภาพไม่เต็มที่
⁉️ช่องว่างทางศักยภาพ
คือ เรารู้สึกผิดหวังกับตัวเอง ขาดแรงบันดาลใจ ความพยายาม คิดว่าศักยภาพที่แท้จริงห่างไกลกับความจริงที่เป็นอยู่ และไม่รู้ว่าต้องทำยังไงดี
เป็นระยะห่างระหว่างความสามารถขั้นสูงสุดที่คนเราแต่ละคนสามารถทำได้ กับความสามารถปัจจุบัน ณ ตอนนี้ที่เราทำได้
เพื่อลดระยะห่างนี้ จึงต้องจัดเวลาและลำดับความสำคัญเพื่อพัฒนาตัวเองในแต่ละวัน
ด้วยหลัก
“The Life S.A.V.E.R.S. – หลัก 6 ประการ เพื่อชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม”
S – ความสงบนิ่ง (Silence)
คือ ทำสมาธิ เพื่อ จิตใจปลอดโปร่ง แจ่มใส มีพลังและสติ ยึดมั่นกับเป้าหมาย
(หลายคนมักเริ่มตอนเช้าด้วยความรีบ ยุ่ง เครียด วุ่นวาย หรือ เชื่องช้า ขี้เกียจ)
A – คำปฏิญาณ (Affirmation)
กล่าวคำปฎิญาณเหมือนตั้งโปรแกรมให้จิตใต้สำนึก และให้จิตใต้สำนึกเชื่อ สุดท้ายก็เป็นความจริง
คำปฏิญาณให้อิสระในการออกแบบและพัฒนาทัศนคติ ความคิด ความเชื่อ ที่เราต้องการเพื่อนำพาตัวเองไปสู่ระดับชีวิตที่สูงขึ้น
เหมือน มูฮัมหมัด อาลี ที่มักพูดออกมาเสมอ และสุดท้ายเค้าก็กลายเป็นนักมวยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจริง ๆ “ผมคือผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด”
3
V – การสร้างภาพจินตนาการ (Visualisation)
จินตนาการสิ่งที่เราต้องการในอนาคต
(ช่วยทำให้มั่นใจและเป็นแรงผลักดันเราไปสู่อนาคตที่ต้องการ )
คนส่วนใหญ่มักถูกจำกัดด้วยภาพจำในอดีต ที่มักฉายภาพความล้มเหลววนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
2
จิม แครีย์ นักแสดงฮอลลีวูด สร้างภาพจิตนาการด้วยการเขียนเช็คให้ตัวเองในปี ค.ศ. 1987 จำนวน 10 ล้านเหรียญ โดยระบุว่า “สำหรับค่าการแสดง” และในปี ค.ศ. 1994 เค้าก็ได้รับค่าตัวการแสดงภาพยนต์ในเงินจำนวนนั้นจริง ๆ
4
E – ออกกำลังกาย (Exercise)
อย่าลืมว่า เรามีเป้าหมายมีความฝัน หากสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง ก็เหมือนมีใจแต่ไม่มีแรง
R – การอ่าน (Reading)
หนังสือมีประโยชน์มากมาย หนังสือคือแหล่งเรียนรู้ที่ไม่มีขีดจำกัด ขึ้นอยู่แค่ว่าเราจะให้เวลากับหนังสือมากขนาดไหน
S – เขียน (Scribing)
อาจเริ่มต้นด้วยการเขียนบันทึกประจำวัน เป็นการทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน สิ่งที่ได้เรียนรู้ ไอเดียใหม่ การตกผลึกทางความคิด ทำให้สนุกสนาน เห็นความก้าวหน้าที่เกิดขึ้น เร่งผลลัพธ์ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
🔥การสร้างนิสัยใหม่🔥
โดย ทำอะไรติดต่อกัน 21 วัน รวมทั้ง เตรียมตัวเพื่อเอาชนะความท้าทายและอุปสรรคที่จะเกิดขึ้นระหว่างกระบวนการซึ่งแบ่งเป็นช่วงดังนี้
👉🏻ช่วงที่ 1 ช่วงทนไม่ได้ (วันที่ 1-10) 
ช่วงนี้เป็นช่วงยากลำบากที่สุด เราต้องต่อสู้กับความคิดในหัวตัวเองว่าจะอยู่เฉย ๆดีหรือลุกขึ้นมาทำสิ่งใหม่ที่ไม่คุ้นเคย
หลายคนจึงล้มเลิกไปตั้งแต่ช่วงนี้ แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นชั่วคราว ผ่านได้คือผ่านเลย
👉🏻ช่วงที่ 2 ช่วงไม่สบายใจ (วันที่ 11-20) 
ถึงแม้เราจะได้ผ่านช่วงที่ยากที่สุดไปแล้ว และเริ่มทำตามนิสัยใหม่ได้แล้ว แต่บางครั้งก็ยังมีความรู้สึกไม่สบายใจและอาจเผลอกลับไปทำตามนิสัยเดิมได้
สิ่งที่สำคัญคือเราต้องยึดมั่นในวินัยและความมุ่งมั่นตั้งใจของตัวเราเอง
👉🏻ช่วงที่ 3 ช่วงหยุดไม่ได้ (วันที่ 21-30) 
เราได้ผ่านช่วงเวลาของการสร้างนิสัยใหม่ได้แล้ว แต่ช่วง 10 วันสุดท้ายนี้ยังคงมีความสำคัญต่อการรักษาอุปนิสัยใหม่ให้ยั่งยืนในระยะยาว
เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่นิสัยใหม่อย่างแท้จริง อุปนิสัยใหม่กำลังจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของเอกลักษณ์เฉพาะตัว
เราจะได้เห็นตัวเองมีความสุขในการใช้ชีวิตด้วยนิสัยใหม่ที่เราสร้างขึ้น
ยินดีด้วย!! หลังจากนี้เท่ากับเราได้เข้าสู่เส้นชัย ก้าวข้ามอุปสรรค ความสงสัย และความกลัวที่เราสร้างขึ้น ไปสู่ชีวิตที่เป็นอิสระ มีความมั่นใจที่จะเริ่มต้นทำสิ่งไหนให้สำเร็จก็ได้
1
เพิ่มการพัฒนาตัวเองวันละนิด
เหมือนเติมวันละ 1 องศา
1 วัน อาจจะไม่มีอะไร
10 วันไม่มีความต่าง
แต่ 100 วันล่ะ 1000 วันล่ะ
จะเปลี่ยนแปลงไปโดยแทบไม่เห็นร่องรอยเดิม
มาร่วมกันหา1องศา เพื่อเติมเต็มวงล้อชีวิตให้สมบูรณ์ไปกับเพจองศาที่หายไป
👍🏻เลื่อนนิ้วโป้งกด Like กด Share ให้จูลสักนิด..เพื่อชีวิตที่มีกำลังใจให้จูลนะคะ..ขอบคุณค่ะ
💎หากชอบบทความ..สามารถมอบเพชรเป็นขวัญและกำลังใจให้จูลได้นะคะ^^
⭐️ติดตามที่ Blockdit
❤️ติดตามที่ Youtube
💙ติดตามที่ Facebook
#สรุป #สรุปหนังสือ #รีวิว #หนังสือ #ทุกสิ่งในชีวิตจะดีขึ้นเมื่อตื่นเช้า #miraclemorning

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา