30 ส.ค. 2020 เวลา 09:50 • ประวัติศาสตร์
กันยา เทียนสว่าง ชีวิตไม่ผิดนวนิยาย (ตอน๕)
.
.
ป้าซิลคงกล้ำกลืนความขมขื่นที่บ้านไว้ในหัวอก แต่นิสัยคุณยายยิ่งนั้นเวลาเป็นฟืนเป็นไฟก็รุนแรงเหมือนไหม้ทุ่ง พอเชื้อหมดแล้วก็ดับเอง พอฝนตกความเขียวขจีก็กลับมาใหม่ ป้าซิลจึงไม่ได้ทิ้งบ้านนามบัญญัติ คงไปๆมาระหว่างบ้านนี้กับบ้านของคุณมังกรเช่นเดิม
ผมเคยเล่าไว้แล้วในเรื่อง “ชีวิตที่ลิขิตไว้” คุณยายท่านอ่านหนังสือไม่ออก ท่านจึงไม่สนใจหนังสือพิมพ์ เลยไม่ระแคะระคายมาก่อนว่าหลานสาวไปประกวดนางงาม ญาติในบ้านก็ช่วยกันปิด แต่ข่าวว่าสาวบ้านนี้ได้เป็นนางสาวสยามมันดังเกิ้น มีคนมาแสดงความชื่นชมกับคุณยาย เรื่องก็เลยถึงจุดระเบิด รายการนี้ไม่ทราบว่าลุงไหวโดนตกเบิกด้วยหรือเปล่า แต่แม่บอกว่าคุณยายเกรงใจพวกผู้ชาย ลูกชายหลานชายไม่ค่อยโดนคุณยายเล่นงานเท่าไหร่ เอ้อเฮย..ที่ผมเคยโดนเนี่ย ขนาดคุณยายเกรงใจแล้วหรือละนั่น
.
ในปีแรกนี้ทีมงานของรัฐบาลยังขาดประสบการณ์มาก ข่าวว่าที่จริงแล้วมีการมอบเงินรางวัลให้ผู้ชนะการประกวดถึง ๑๐๐๐ บาท แต่พอหนังสือพิมพ์ลงข่าวทำนองว่ากันยาได้รับรางวัลโน่นนี้นั่นแต่ไม่มีเงิน ผู้จัดก็อ้างว่าผู้รับได้บริจาคให้กองทัพบกไปแล้วตั้งแต่คืนนั้น แถมได้ตัวนางสาวสยามมาแล้วก็ไม่รู้จะใช้ประโยชน์จากเธอต่อไปอย่างไรดี กันยา เทียนสว่างจึงยังเป็นครูประชาบาลทารกานุเคราะห์ต่อไป เธอคิดว่างานช่วยชาติของเธอได้จบลงไปแล้ว พอสิ้นแสงและเสียงของพลุที่ระเบิดบนฟ้า ชีวิตของเธอก็เริ่มกลับสู่ที่เดิม แต่ลำบากขึ้นด้วยว่าตำแหน่งนางสาวสยามค้ำอยู่ จะทำตัวสบายๆอย่างเดิมไม่ได้อีกต่อไป เพราะไปไหนๆก็มีคนรู้จักจนไม่เป็นตัวของตนเอง ครั้งหนึ่งคิดจะปลอมหน้า พอลองดูแล้วพี่ๆน้องๆก็บอกว่า พอเห็นปาก คนก็จำเธอได้แล้ว เลยเลิกล้มความคิด
1
ต่อมาเมื่อรัฐบาลหาพี่เลี้ยงและจัดคิวให้เธอออกงานสังคมและงานการกุศลต่างๆแล้ว ป้ากันยาจึงต้องลาออกจากการเป็นครู มีเวลาว่างเยอะแต่ก็ใช้ไปในการตัดเย็บเสื้อผ้าของตนเอง มีคนเคยจะเอางานมาให้เธอรับแบบเป็นอาชีพ คุณป้าปฏิเสธ บอกว่าทำให้ตัวเองกับทำให้คนอื่นไม่เหมือนกัน ของตัวเองผิดนิดผิดหน่อยก็พอได้ แต่กับคนอื่นต้องแก้แล้วแก้อีก เหนื่อยมากทำไม่ไหว อย่างไรก็ดี ป้ากัญญาได้ประดิษฐ์ตุ๊กตาออกขาย มีผู้มาสั่งทีละสิบตัวยี่สิบตัว และได้นำไปขายในงานฉลองรัฐธรรมนูญปีต่อไปด้วย
.
งานฉลองรัฐธรรมนูญแต่ละครั้งในปีต่อๆมา การประกวดนางสาวสยามก็คึกคักขึ้น มีสาวงามจากต่างจังหวัดหนาตากว่าเดิม เพราะข้าหลวงจะอ้างว่าเวลาไม่พอไม่ได้แล้ว ป้ากันยาก็มีนางสาวสยามรุ่นน้องเพิ่มขึ้นทุกปี และทำให้กิจกรรมของนางงามเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาก มีการแท็กทีมโดยคุณป้าเป็นหัวหน้า ไปร่วมงานเพื่อการกุศลต่างๆเพื่อเป็นแม่เหล็กดึงดูดความสนใจของผู้คนที่หลงไหลคลั่งไคล้นางงาม บางคราวก็มีจ๊อบพิเศษไปเปิดป้ายร้านค้าที่มีซองแดงๆเป็นของกำนัน ได้เงินมาพอตู๊ค่าใช้จ่ายได้สบายขึ้น การงานหลักก็มีผู้ใหญ่เมตตาจัดให้ไปทำงานที่หอสมุดแห่งชาติ ท่าวาสุกรี ใกล้บ้านนามบัญญัตินิดเดียว
.
ป้ากันยาเป็นผู้วางตัวดี โดยอุปนิสัยที่เข้ากับคนง่ายอยู่แล้วตามประสาคนมีพี่น้องเยอะ นางสาวสยามรุ่นน้องๆต่างมีความรู้สึกที่ดีและรักใคร่คุณป้าด้วยกันทุกคน สะท้อนจากความเห็นของวณี เลาหเกียรติ นางสาวสยามคนที่ ๒ ผู้กล่าวว่า “พอได้ตำแหน่งแล้ว ก็ต้องออกงานการกุศลร่วมกับคุณกันยาในฐานะพี่ใหญ่บ่อยมาก แต่ก็ยังมีพี่เลี้ยงตามไปด้วยทุกงาน พี่เลี้ยงส่วนใหญ่ก็เป็นคุณอาหรือญาติผู้หญิง คุณกันยาเป็นคนสวยมีบุคลิกดี ที่สำคัญคือ เป็นคนที่มีนิสัยเปิดเผยและโอบอ้อมอารี ที่ประทับใจมากก็คือ ช่วงหลังแต่งงานแล้ว ดิฉันนอนป่วยอยู่ที่บ้านระยะหนึ่งเพราะการผ่าตัดหน้าท้อง สมัยนั้นการผ่าตัดเป็นเรื่องใหญ่ บ้านที่สนามเป้ากำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ดิฉันนอนป่วยอยู่เรือนหลังเล็ก คุณกันยาอุตส่าห์บุกฝุ่นบุกทางขรุขระมาเยี่ยม ดิฉันประทับใจมาจนทุกวันนี้
อีกสิ่งที่ชื่นชมมาตลอดก็คือ กิริยามารยาที่สมเป็นนางสาวสยาม ดิฉันจำได้ว่าได้ไปร่วมงานประกวดนางสาวไทยปีที่คุณอัมพร บุรารักษ์ ได้รับคัดเลือก ดิฉันและลูกสาวได้เดินผ่านเวทีซ้อม คุณกันยาซึ่งตอนนั้นเธออยู่บนเวที ได้นั่งลงที่ขอบเวทีและทักทาย ดิฉันยังบอกลูกสาวเลยว่าให้ดูไว้เป็นตัวอย่าง...”
.
มยุรี วิชัยวัฒนะ นางสาวสยามคนที่ ๔ เล่าในภายหลังว่า “กับคุณกันยานี่สนิทกันมากค่ะ เรียกว่ากินนอนด้วยกันมา สมัยนั้นขณะดิฉันเป็นนางสาวไทยได้ไปออกงานด้วยกันตลอด เธอเป็นคนอัธยาศัยดีมากนะคะ เป็นคนสนุก เพื่อนๆ นางสาวไทยด้วยกันรักเธอทุกคน ขณะนั้นดิฉันและคุณกันยามักจะไปมาหาสู่กันเสมอๆ ถ้าจะถามว่าสนิทกับนางสาวไทยคนไหนที่สุดก็ตอบได้เลยว่าคือคุณกันยา เพราะนอกจากเป็นนางสาวไทยด้วยกันแล้ว ยังกลายมาเป็นเพื่อนสนิทที่รักกันมากด้วยค่ะ..
…เรื่องรูปร่างหน้าที่ นอกจากเป็นคนสวยแล้ว คุณกันยายังเป็นนักประดิษฐ์ มักจะตัดเสื้อผ้าให้ดิฉันใส่ตลอด คุณกันยายังแต่งตัวเก่ง รูปร่างดีมากใส่อะไรก็สวย และเพราะเป็นคนสูง เขามักจะกังวลเรื่องสูงว่าจะสูงไปด้วยซ้ำ เพราะผู้หญิงสมัยก่อนตัวเล็กๆ กันนะคะ คุณกันยาเลยโดดเด่นกว่าผู้หญิงอื่นๆในสมัยนั้น และยิ่งเป็นถึงอดีตนางสาวสยามด้วย คนเลยยิ่งให้ความสนใจเธอกันใหญ่ เราเองก็แอบชื่นชมว่ามีเพื่อนที่ทั้งสวยและรูปร่างดี”
.
พ.ศ. ๒๔๘๒ อันเป็นที่รัฐบาลหลวงพิบูลสงครามเปลี่ยนชื่อประเทศจากสยามมาเป็นประเทศไทย หรือไทยแลนด์นั้น ตำแหน่งนางสาวสยามก็ต้องปริวรรตให้เป็นนางสาวไทยด้วย มีบทความหนึ่งเขียนไว้ในหนังสือ “ชุมนุมนางงาม” ว่า “ในประวัติของการประกวดนางสาวไทย นามซึ่งใครๆ จะลืมเสียไม่ได้นั้นคือ “กันยา เทียนสว่าง” นางสาวไทย ๒๔๗๗ กันยา เทียนสว่าง นอกไปจากการเป็นนางสาวไทยคนแรก กันยายังคงเป็นความงามที่ “สยาม” ในปี ๒๔๗๗ ภาคภูมิใจว่าหญิงงามของเมืองไทยสามารถอวดชาติไหนๆเขาก็ได้ อันความงามในรูปโฉมของกันยา ยากที่จะชมว่าส่วนไหนงามมากกว่าส่วนไหน เพราะทุกๆ ส่วนในใบหน้าอันงามนั้น ถูกต้องตามแบบฉบับของใบหน้าอันงามทุกส่วนสัด ข้าพเจ้ายังจำได้ ซึ่งภาพเหตุการณ์ในงานประกวดในคืนวันนั้นได้ดี เมื่อกรรมการได้ตัดสินเสร็จ และกันยาเมื่อสวมมงกุฎแล้วไม่มีใครติ มีแต่คนชม ข้าพเจ้านั่งดูการประกวดนางงามติดกับท่านผู้ใหญ่คนหนึ่ง ท่านสมุหราชองครักษ์ นายพันเอกพระสราญภัยสฤษติการ ท่านหันมากระซิบกับข้าพเจ้า “กรรมการเลือกถูกต้อง เธองามจริง งามแท้ ”
.
แล้วคนสวยอย่างนั้นจะมีหรือที่หนุ่มๆผู้มั่นใจในตัวเองจะไม่เสนอตนเข้ามาให้เลือก ช่วงก่อนหน้าที่นั้นประมาณปีเศษ ข่าวสังคมซุบซิบรายงานว่า ที่เคยลือกันไปเรื่องกันยากำลังจะหมั้นกับคนโน้นคนนี้นั้น ก็กลายเป็นโคมลอยไปหมดแล้ว แต่ปัจจุบันคนที่ควงอดีตนางสาวสยามออกงานสโมสรบ่อยๆ เป็นนายแพทย์หนุ่มชาวเหนือคนหนึ่ง บางที เราอาจจะได้ยินข่าวหมั้นจริงๆของกันยาในครั้งนี้
1
หมอคำหมื่น ผู้หน้าตาดีและสุภาพเรียบร้อยคือรักแรกของกันยา เทียนสว่างที่จบลงด้วยการหมั้นหมายจริงๆตามข่าว เล่นเอาชายหนุ่มทั้งหลายอกหักรักคุดไปตามๆกัน
 
สัมพันธภาพระหว่างคู่รักทั้งสองหลังจากนั้นได้ดำเนินไปอย่างเรียบและเงียบ กันยายังมีงานสังคมต้องทำอย่างต่อเนื่องและดูว่าคุณป้าจะชอบมันเสียด้วย แต่การออกงานครั้งที่ประทับใจที่สุดก็คือ การได้เฝ้าพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลและสมเด็จเจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช พระราชอนุชา พร้อมทั้งพระราชชนนีและสมเด็จพระพี่นาง คราวเสด็จนิวัติพระนครครั้งแรก และรัฐบาลกราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรงานฉลองรัฐธรรมนูญ ซึ่งจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่กว่าเดิมจนต้องย้ายสถานที่มาจัดที่สวนลุมพินี อดีตนางงามทั้ง ๔ สมัยได้ร่วมยืนรับเสด็จ ณ บริเวณเวทีประกวดนางสาวไทย และพระเจ้าอยู่หัวผู้ยังมีพระชนมายุ ๑๓ พรรษาทรงมีพระราชปฏิสัณถารด้วย ยังความปลาบปลื้มให้ป้ากันยาอย่างยิ่ง
.
โปรดติดตามตอนที่ ๖
1

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา