1 ก.ย. 2020 เวลา 14:09 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่องสั้น ยังอยู่ (still)
ยังอยู่ (Still)
พอรู้ตัวว่าสุขภาพดีขึ้น ผมก็เฝ้าคิดถึงการกลับมายังคอนโดมิเนียมแห่งนี้มาโดยตลอด ทั้งๆ ที่หมายกำหนดการเดิมคือพรุ่งนี้ แต่ผมกลับรอไม่ไหว บางสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจนั้นดึงให้ผมนั้นรีบกลับมาให้เร็วที่สุด
ว่าแต่ เธอจะยังอยู่ไหมนะ?
พอจอดรถได้ ผมก็มุ่งหน้าไปที่ลิฟต์ในทันที ซึ่งถ้าจะมีอะไรที่เคลื่อนที่เร็วกว่านี้ ผมก็ไม่ลังเลใจเลยที่จะใช้มัน เพราะตอนนี้ดูเหมือนว่าลิฟต์เจ้ากรรมดูจะไม่ทันใจเอาเสียเลย
การรอคอยนั้นช่างยาวนาน...
ชั้น 1
ชั้น 2
ชั้น 3
ชั้น 4
ชั้น 5
ชั้น 6
ชั้น 7
มันช่างเป็นการเคลื่อนที่ที่เชื่องช้าเหลือเกินในความรู้สึก แต่กลับกันเมื่อเวลาบนข้อมือนั้นกลับผ่านไปอย่างรวดเร็ว
พอประตูลิฟต์เปิดผมก็รีบวิ่งไปทางขวามืออย่างไม่กลัวเหน็ดเหนื่อย
กว่าครึ่งปีแล้วที่ไม่ได้มา
และที่อยู่ตรงหน้าผมในตอนนี้คือห้อง 713
ตอนนี้หัวใจผมเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมาข้างนอกเสียให้ได้
เอาจริงๆ เลยนะ คือที่จริงผมกลัวว่าเธอจะเปลี่ยนไปน่ะ...
9
8
7
6
5
4
3
2
1
0
พอรวบรวมสติได้ผมก็รีบเปิดประตูเข้าไปในห้องทันที
ผมพยายามกวาดสายตาทั่วทุกมุมห้อง ก็ไม่เจอเธอแม้แต่เงา
จะเหลืออยู่ก็แค่ตรงระเบียงเท่านั้น
ตอนนี้มือขวาของผมจับลูกบิดแน่น เหงื่อมากมายที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนไหลโทรมกาย
และพอเปิดประตูหลังห้องออกไป
แอ๊ดดดด!!!
เธอยังอยู่...
และยังคงเหมือนเดิมไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย
ที่ยืนอยู่ตรงระเบียงคือเธอจริงๆ
“เหมย!!!” ผมเรียกชื่อเธอสุดเสียง
เธอมองหน้าผม นำ้ตาไหลอาบแก้ม หลังจากนั้นก็หันไปยังราวระเบียง ปีนขึ้นไปบนนั้นแล้วโดดลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็ว!!!
21:09 น. นาฬิกาที่ข้อมือบอกความเป็นจริงข้อนี้
เวลาเดียวกันเลย เหมือนที่เราทะเลาะกันอย่างรุนแรงในวันนั้น เธอมองหน้าผมอย่างผิดหวังกับความผิดพลาดที่ผมได้ทำลงไป แล้วการท้าทายโดยไม่คิดของผม ก็บีบให้เธอทำตามที่ขู่ นั่นก็คือการโดดลงไปฆ่าตัวตาย
มันคือเรื่องเศร้าที่ผมจะไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต
แน่นอนว่าวันนี้ผมไม่คิดแม้แต่จะมอง หรือตามลงไป เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาภาพที่ผมกอดร่างไร้วิญญาณของเธอแล้วร้องไห้จะเป็นจะตายยังคงติดอยู่ในความทรงจำ
ไม่นานจากนั้นผมก็ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ต้องกลับไปรักษาตัวที่บ้าน โดยมีแม่ของผม และมุ่ยน้องสาวของเหมยที่คอยเทียวไปเทียวมาดูแลผม
สารภาพว่าความรู้สึกผิดทำให้ผมอยากฆ่าตัวตายตามเหมยไปให้มันรู้แล้วรู้รอด ซึ่งผมก็พยายามอยู่เนืองๆ ด้วยวิธีการต่างๆ ตามแต่จะคิดได้
จนมาถึงการฆ่าตัวตายครั้งที่ 11 วันนั้นผมกินยาพาราเซตามอลไป 50 เม็ด ตามด้วยยาแก้แพ้อีก 50 เม็ด เพราะเชื่อว่าจะได้นอนหลับแล้วจากไปเลย แต่มันกลับเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะฤทธิ์ของมันทำให้นอนหลับก็จริง แต่ไม่ตายในทันที ตรงกันข้าม เมื่อตื่นขึ้นมาในสภาพเจียนตายนั้น ผมต้องทุกข์ทรมานกับการอ้วกอย่างรุนแรง โชคดีที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่บ้าน ซึ่งถ้ามุ่ยไม่เห็นเข้า และช่วยไว้ป่านนี้ผมคงได้ตายสมใจไปแล้ว
และการนอนโรงพยาบาลในครั้งนั้นก็ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของผมไปอย่างมาก เวลาเพียง 3 วันที่นอนอยู่ที่นั่น ภาพตลอดสิบกว่าปีที่จำความได้นั้นลอยเข้ามาในหัว มันทำให้ได้เห็นว่าตัวเองเจออะไรมาบ้าง เติบโตมากขึ้นแค่ไหน ทำให้คิดอะไรได้เยอะมาก มันทำให้คิดได้ว่าถ้าเราตายไปจริงๆ คนรอบข้างจะรู้สึกยังไง หรือเรายังไม่ได้ทำอะไรบ้าง เราพร้อมแล้วหรือยังที่จะตาย ก็ใช้เวลานั่งคิดสิ่งที่ตัวเองทำลงไป นั่งคิดสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ฯลฯ จึงเกิดเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนตลอดยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา "จากนี้จุดมุ่งหมายในชีวิตของผมก็คือการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าเพื่อคนที่รัก”
แต่ทุกสิ่งล้วนมีค่าใช้จ่ายที่สาสมเสมอ ดูเหมือนว่าตอนนี้ผมต้องยอมรับความจริงข้อหนึ่งให้ได้โดยเร็ว
“ผมสามารถมองเห็นวิญญาณได้” ยายแก่นั่งอยู่บนเตียงที่โรงพยาบาล เด็กน้อยที่ยืนอยู่ด้วยกันในลิฟต์เมื่อกี้ ลุงที่เดินสวนกันตรงทางเดิน ฯลฯ ผมไม่ได้ตาฝาด มันคือวิญญาณทั้งนั้น และแน่นอนว่าการเห็นเหมยเมื่อกี้ก็ยืนยันได้อีกเสียงหนึ่งว่า นี่คือความสยองครั้งใหม่ในชีวิตของผม
21:09 น. ตรงระเบียงนี้ในทุกๆ คืนเธอจะต้องมาฆ่าตัวตายซ้ำๆ วนเวียนเรื่อยไป อยู่อย่างนี้
แน่นอนว่าพรุ่งนี้เราจะได้เจอกันอีกครั้ง บางทีถ้าสื่อสารกับเธอได้ก็คงจะดีไม่น้อย ผมอยากที่จะขอโทษเธอจริงๆ กับความผิดพลาดที่ทำลงไป และถ้าจะมีวิธีไหนที่ทำให้เธอพ้นทุกข์หมดเวรหมดกรรรมจากอัตวินิบาตกรรมครั้งนี้ได้ผมก็ยินดี
เสียงเรียกเข้าคุ้นหูดังลั่น ผมรีบหยิบมือถือในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดูทันที
ให้ตายสิ!!! เมื่ออยู่ในห้องนี้ มองชื่อคนที่โทรเข้ามาแล้วผมยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่!!!
“พี่ดิมเมื่อไหร่จะมาหามุ่ยสักที สัญญาแล้วนะว่าจะมา นี่ก็ดึกมากแล้วนะ มุ่ยคิดถึง” ผมได้แต่ตอบรับปากเออออไปตามเรื่อง และวางสายไป
“ขอโทษจริงๆ นะเหมยที่เรากับมุ่ยนอกใจเธอ”
คือสิ่งที่ผมจะพูดกับเธอถ้าเราสื่อสารกันได้
END
*******************************************************
🎼อาจจะมีสักคราที่ยังคิดถึงเธอ
และอาจจะมีสักคราที่ยังหวังจะได้เจอ
เธออยู่ไหน ดูเหมือนว่าเราช่างแสนไกล
คงไม่ตามหา เพราะฉันรู้บางทีในช่วงของเวลา
เธอจะกลับมา ปรากฏกายอยู่ตรงนี้
กอดฉันเบาๆ แล้วพูดว่าเธอคนดี จะไม่ไปไหน
ต่อให้ในทุกเช้าคือช่วงเวลา ที่เธอจะต้องไกล
นั่นก็อย่างน้อย เพียงพอให้รับความรู้สึก
ว่าเธอยังอยู่
เธออยู่ไหน ดูเหมือนว่าเราช่างแสนไกล
คงไม่ตามหา เพราะฉันรู้บางทีบางช่วงของเวลา
เธอจะกลับมา ปรากฏกายอยู่ตรงนี้
กอดฉันเบาๆ แล้วพูดว่าเธอคนดี จะไม่ไปไหน
ต่อให้ในทุกเช้าคือช่วงเวลา ที่เธอจะต้องไกล
นั่นก็อย่างน้อย เพียงพอให้รับความรู้สึก
ว่าเธอยังอยู่🎼
ยังอยู่ (Still) / Mirrr
*******************************************************
“อัตวินิบาตกรรม” หรือ “การฆ่าตัวตาย” ในความเชื่อของชาวพุทธนั้นถือเป็นบาปมหันต์ เพราะมนุษย์ทุกคนเกิดมาเพื่อชดใช้เวรกรรมของตัวเอง แต่การฆ่าตัวตายถือเป็นการไปหยุดวิบากกรรมทั้งๆ ที่ยังชดใช้ไม่หมด จึงมีบาปหนัก เมื่อตายไปจะยังไม่ได้เกิดทันที จะต้องฆ่าตัวตายในสถานที่เดิม เวลาเดิม วิธีการเดิมๆ ซ้ำๆ ไปจนกว่าจะสิ้นอายุขัยของการเป็นมนุษย์ และเมื่อกลับมาเกิดใหม่ก็ต้องฆ่าตัวตายไปอีก 500 ชาติ
โฆษณา