26 ก.ย. 2020 เวลา 00:39 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่องสั้น อีกครั้ง (Prathana)
เรื่องสั้นเก่าเก็บครับผม
Memory 1.1 วันนี้
Play
การ์ดสีชมพูถูกเก็บใส่ซองสีหวานไม่ต่างกัน…
 
ไม่ว่าจะมองกี่ครั้งปฏิทินรูปนกเงือกที่ข้างฝาก็ยังคงยืนยันคำตอบเดิม ว่า วัน เดือน ปี ในความเป็นจริงก็คือ 13 กุมภาพันธ์ 2550
 
วันที่เธอจะมีความสุขมากที่สุดในชีวิตกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
 
อีก 6 นาทีจะเป็นเวลาหนึ่งทุ่มตรง ว่ากันตามกำหนดการเดิม เวลานี้ผมควรจะออกเดินทางได้แล้ว แต่เอาเข้าจริงๆ สุดท้ายผมก็ยังคงนอนแช่อยู่บนเตียงเหมือนเดิม...
 
ที่อยู่ในมือของผมในตอนนี้คือกล้องถ่ายวีดีโอ ซึ่งถ้ามีปากมันคงบ่นไม่หยุดเป็นแน่ โทษฐานที่ใช้งานมันหนักมากเป็นพิเศษในช่วงนี้
เพราะเหตุการณ์ที่บันทึกไว้เมื่อปีก่อนนั้นถูกเปิดขึ้นซ้ำๆ มากมายจนไม่อาจนับจำนวนครั้งที่แน่นอนได้...
 
เวลานี้ก็เช่นกัน รู้ตัวอีกทีนิ้วของผมก็กดลงบนปุ่ม Play ที่ตัวกล้องถ่ายวีดีโอในมืออีกแล้ว...
 
และทันทีที่ภาพในหน้าจอเริ่มเคลื่อนไหว จิตใจของผมก็ล่องลอยย้อนกลับไปในวันนั้นอีกครั้ง...
***********************************************
จะเก็บเธออยู่ในใจเสมอ
***********************************************
Memory 0.1 วันนั้น
หนังสือแห่งความทรงจำเล่มนั้น
ธันวาคม 2549
 
เช้าตรู่ ที่ด้านหน้าของทางขึ้นหอนาฬิกา การรอคอยของผมสิ้นสุดลงทันทีที่ผู้หญิงร่างกระทัดรัดคนนั้นเดินเข้ามา...
 
รอยยิ้มที่คุ้นเคยเผยให้เห็นมาแต่ไกล วินาทีนั้นโลกช่างสดใส อากาศที่เหน็บหนาวเมื่อครู่ดูอบอุ่นขึ้นมาในทันที...
 
"เดี๋ยวก่อนสิ!!! เดี๋ยวก่อน..." เธอยกมือขึ้นบังหน้า ร้องเสียงดังลั่นเมื่อเห็นผมยกกล้องถ่ายวีดีโอเล็งไปที่เธอ
 
"นี่จะถ่ายจริงๆ เหรอ? ฉันนึกว่าเธอพูดเล่นซะอีก..." เธอกางนิ้วที่ใช้บังหน้าออกเล็กน้อย แล้วยิงคำถามลอดมา
 
ผมตอบคำถามด้วยการตั้งหน้าตั้งตาถ่ายต่อไป ส่วนเธอก็เอาแต่ปัดป้อง แต่ก็แค่ไม่นาน เพราะสุดท้ายเธอก็ใจอ่อนยอมลดมือลงอยู่ดี
 
"ก็ได้ๆ เธอนี่นะ ลองตั้งใจทำอะไรแล้วไม่เคยขัดได้เลยสักที”
“อืมมม... เริ่มจากตรงใหนดีน๊าาา..." เว้นจังหวะคิดได้ไม่นาน เธอก็ยิ้มกว้าง แล้วชี้ไปยังร้านหนังสือที่อยู่ฝั่งตรงข้ามทันที
 
พอได้มองหน้าเธอชัดๆ ถึงได้รู้ว่าวันนี้เธอแต่งหน้ามาด้วย ดูแปลกตาพอสมควร เพราะก่อนหน้านี้หน้าเธอแทบจะไม่เคยเปื้อนเครื่องสำอางค์ชนิดใดเลย ไม่เถียงว่ามันทำให้เธอสวยขึ้นน่ะนะ แต่ยังไงซะ ผมก็ยังยืนยันว่าชอบความงามตามธรรมชาติแบบเดิมของเธอมากกว่าอยู่ดี
 
"จำได้ไหม? นี่ไงที่ที่เราเจอกันครั้งแรก" เธอพูดเสียงใสตอนที่เราสองคนเดินมาหยุดอยู่หน้าอาคารสีขาวหลังใหญ่เรียบร้อยแล้ว
 
ถูกต้อง นั่นคือมุมมองของเธอ แต่สำหรับผมแล้วที่ที่เราเจอกันครั้งแรกมันคือหอนาฬิกาที่เราเพิ่งเดินจากมาเมื่อกี้ต่างหากล่ะ เพราะถ้าเธอจะรู้ตัวสักนิดว่ามีคนแอบมองอยู่บ่อยๆ เราก็คงจะเข้าใจตรงกันไปแล้ว
แปลกนะที่ผมไม่เคยบอกเธอ “ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่อง” คือเหตุผลในวันวานที่ผมเคยให้ไว้กับตัวเอง ไม่รู้สินะ มาบอกในตอนนี้มันก็ดูที่จะสายเกินไปละมั้ง...
 
เสร็จจากซูมป้ายชื่อร้านหนังสือกล้องถ่ายวีดีโอก็ถูกเก็บใส่กระเป๋าสะพายของผม การถ่ายทำหยุดลงชั่วคราว เพราะเธอต้องการที่จะเข้าไปเลือกซื้อหนังสือข้างในร้าน
 
ผ่านไปเป็นปี แต่ทางฝั่งขวาของร้านยังคงถูกจัดให้เป็นโซนสำหรับหนังสืออ่านนอกเวลาเหมือนเดิม ครั้งหนึ่งที่ตรงนี้เราสองคนเคยหยิบหนังสือเล่มเดียวกัน และความบังเอิญในครั้งนั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นของการสานสัมพันธ์ ที่เปลี่ยนโลกใบเดิมของผมไม่ให้เงียบเหงาอีกต่อไป
 
“เราจะข้ามเวลามาพบกัน Only Love is Real” คือชื่อหนังสือสำคัญในอดีตเล่มนั้น วันนี้เธอตั้งใจมาหาซื้อให้ผม ตอบแทนที่ครั้งหนึ่งเคยเสียสละหนังสือที่มีอยู่เล่มเดียวในร้านเล่มนั้นให้กับเธอ อันที่จริงเธออยากเอาเล่มเดิมเล่มนั้นมาคืนให้กับผมมากกว่า แต่ติดตรงที่น่าจะทำหายไปตั้งนานแล้ว สุดปัญญาที่จะค้นหาจริงๆ
 
จากการสอบถามพนักงานประจำร้าน ดูเหมือนว่าฉบับพิมพ์ครั้งที่ 23 เล่มสุดท้ายในร้านเพิ่งจะถูกขายไปเมื่อสองสามวันก่อนนี่เอง รู้ความจริงอย่างนั้นเธอก็ทำหน้ามุ่ย หันมาถามผมว่า ถ้าเปลี่ยนเป็นหนังสือเล่มอื่นแทนจะว่าอะไรไหม?
 
ผมยิ้ม พยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าได้ เพราะถ้ามันจะทำให้เธอรู้สึกสบายใจขึ้นแม้เพียงน้อยนิด ผมก็พร้อมที่จะทำ...
 
***********************************************
อยากจะขอ
 
***********************************************
Memory 0.2 วันนั้น
คู่กัน
พระอาทิตย์อยู่ตรงหัวเราพอดีในตอนที่เดินออกมาจากร้านหนังสือ
 
"เที่ยงแล้ว หิวยัง?" ผมถามเธอตอนที่ถอดเสื้อกันหนาวยกขึ้นบังแดดให้ ส่วนเธอทำตาแป๋ว ยิ้มกว้าง แล้วพยักหน้าขึ้นลงซ้ำๆ แทนคำตอบ
เมื่อความรู้สึกเรื่องปากท้องตรงกัน จุดหมายต่อไปของเราจึงเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งร้านที่ว่าก็อยู่ไม่ไกลจากจุดที่เรายืนอยู่มากเท่าไหร่นัก
เธอจัดการเรื่องน้ำดื่มทันทีที่เรามาถึง ส่วนเรื่องอาหารการกินนั้นถ้าเป็นเมื่อก่อนไม่ต้องเป็นห่วง เพราะแค่ป้าเจ้าของร้านเห็นหน้าพวกเราก็พอจะรู้แล้วว่าจะสั่งอะไร แต่นี่นานนับปีแล้วที่ไม่ได้มา หลังจากถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันตามประสาคนไม่ได้เจอกันนานพอหอมปากหอมคอ แกก็ถามว่า เรายังกินเหมือนเดิมกันอยู่ไหม?
ไม่กี่นาทีต่อมาก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ สองชามก็ถูกยกมาเสิร์ฟที่ตรงหน้า ของผมเป็นเส้นเล็กหมูต้มยำ ส่วนของเธอนั้นเป็นเส้นใหญ่เนื้อเปื่อย
"เดี๋ยว!!! วันนี้ฉันบริการเอง เธอถ่ายต่ออีกหน่อยก็ได้" เธอเบรกผมที่กำลังลดกล้องเพื่อเตรียมปรุงก๋วยเตี๋ยวเสียงดังลั่น!!! จากนั้นก็จัดแจงยกชามของผมขยับเข้าไปใกล้ตัวเองเพื่อทำตามที่บอก
"พริกป่นสามช้อน น้ำส้มนิด น้ำปลาหน่อย ส่วนน้ำตาลไม่ต้อง เพราะเธอน่ะหวานอยู่แล้ว... ใช่ม่ะ?" เธอยิ้มล้อ
ถูกแล้วเผ็ดนรกแตกนั่นแหละคือรสชาติที่ผมโปรดปราน ส่วนเธอนั้นเฉียดเข้าใกล้รสจัดทุกชนิดไม่ได้เนื่องจากเป็นโรคกระเพาะ ซึ่งผมเองก็จำข้อมูลสำคัญเหล่านี้ได้อย่างขึ้นใจเช่นกัน
"...แต่ก่อนอื่นขอค่าปรุงหน่อยละกัน" พูดจบเธอก็เอาตะเกียบคีบลูกชิ้นจากชามของผมไปเคี้ยวแก้มตุ่ย
"..."
***********************************************
เหมือนเคย
***********************************************
Memory 0.3 - วันนั้น
 
จบจากเรื่องปากท้องเราก็ชวนกันไปเดินทอดน่องเพื่อย่อยอาหารทันที...
อ่านหนังสือ
บรรยากาศรื่นรมย์สองข้างทางเป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยย่นระยะทางได้เป็นอย่างดี เพราะรู้ตัวอีกทีเราก็เดินมาถึงสวนสาธารณะอันเป็นจุดหมายปลายทางกันแล้ว
บ่ายกว่าๆ บนพื้นสนามหญ้าอันเขียวขจี ใต้ร่มไม้ริมบึงกว้างใหญ่ ผมพักการถ่ายวีดีโออีกครั้งเพื่อจัดการกับนิยายในกระเป๋าสะพาย ที่อ่านค้างไว้เมื่อวันก่อน ส่วนเธอนอนหนุนตักผมเพื่ออ่านรวมเรื่องสั้น ของนักเขียนรางวัลซีไรต์คนดังที่เพิ่งซื้อมาเมื่อกี้
“What is reading but silent conversation?” “การอ่านไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากการสนทนาในความเงียบ” เพราะเห็นพ้องต้องกันในความจริงข้อนี้ บ่อยครั้งที่เราพร้อมใจกันหลบความวุ่นวายของเมืองใหญ่มาอยู่เงียบๆ กับธรรมชาติอย่างนี้ ผมชอบอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ ซึ่งเธอเองก็ไม่แตกต่างกันสักเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนตอนนี้จะมีอะไรบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เพราะเข้าไปในโลกของการอ่านได้ไม่นานเธอก็วางหนังสือลง แล้วหันมาสบตากับผม...
"ไม่สนุกเหรอ? เห็นอ่านไปได้นิดเดียวเอง..." ผมตั้งคำถาม
"สนุก... แต่ง่วงแล้วน่ะ... ฉันขอนอนอย่างนี้อีกสักพักได้ไหม?" นอกจากพูดแล้วเธอยังบ่งบอกอาการที่ว่าด้วยท่าทางอีก
ผมยิ้มให้เธอแทนคำตอบ
บางทีนาทีนี้เรื่องสั้นก็อาจจะยาวเกินไปสำหรับเธอ...
***********************************************
พอ
***********************************************
Memory 0.4 - วันนั้น
วงน้ำ
ที่ผมเห็นผ่านเลนส์คือภาพก้อนหินแฉลบผิวน้ำกระเด้งกระดอน สร้างวงน้ำกระจายเป็นหย่อมๆ
"นี่ไงฉันเก่งไหม?" เธอหัวเราะเสียงดัง แล้วหันมายิ้มให้กับกล้อง ก่อนที่จะก้มลงหยิบหินก้อนต่อไป แล้วขว้างไปแบบเดิมอีกครั้ง
พอได้นอนเต็มอิ่ม พลังเหลือเฟือ อาการซนแบบเด็กๆ ของเธอก็ออกฤทธิ์ขึ้นอีกครั้ง ร่าเริงสดใสในทุกสถานการณ์ นี่ล่ะมั้งตัวตนอีกข้อที่สร้างความประทับใจมากมายให้กับผม
ลมพัดกลิ่นหอมลอยมา ระบุไม่ได้เหมือนกันว่ามาจากต้นอะไร และตรงไหน เพราะตอนนี้เรากำลังยืนอยู่ท่ามกลางดอกไม้นานาพันธุ์ ซึ่งคงจะดีไม่น้อยเลยถ้ากล้องถ่ายวิดีโอที่ผมถืออยู่ จะสามารถบันทึกกลิ่นหอมเหล่านี้มาประกอบหลากหลายอริยาบถของเธอได้...
พ้นจากสวนดอกไม้ออกมาไม่นาน ที่เห็นอยู่ลิบๆ ก็คือหอนาฬิกา จุดหมายสุดท้ายที่เราตั้งใจจะไป
ซึ่งอีกแค่ไม่กี่นาทีเราก็จะไปถึงที่นั่นกันแล้ว...
แต่สารภาพตามตรงว่า ผมอยากจะชะลอฝีเท้าให้ช้าลง...
ไม่ก็หยุดเดินไปได้เลยยิ่งดี...
***********************************************
ดอกไม้
***********************************************
Memory 0.5 - วันนั้น
ทิวทัศน์
ตอนที่เราขึ้นมายืนอยู่บนหอนาฬิกา พระอาทิตย์ก็เริ่มที่จะลาขอบฟ้าแล้ว...
"ขอบคุณที่มาตามคำขอนะ..." ผมพูดขณะเก็บกล้องถ่ายวีดีโอใส่ลงไปในกระเป๋าสะพาย
"ไม่เป็นไร ฉันสัญญาแล้วนี่ ยังไงก็ต้องมาสิ" เธอบอก
"..."
เธอขยับปากจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าถือก็ดังขัดขึ้นมาซะก่อน เธอหยิบมือถือขึ้นมาดู มองหน้าผมนิดนึงก่อนเอ่ยปากพูดกับปลายสาย
"...หวัดดีจ๊ะ"
"อ๋อ... เค้ามาทำธุระน่ะ"
"...กับเพื่อน"
"ใช่เพื่อน..."
"จริงจริ้ง ...เพื่อนเก่าน่ะ ตัวเองไม่รู้จักหรอก"
"อืมมม... จ๊ะๆ ได้จ๊ะ... งั้นเดี๋ยวเจอกันนะ จ้า หวัดดีจ๊ะ..."
พอวางสายเสร็จเธอก็ก้มหน้านิ่ง เงียบไปพักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นมาเบาๆ ว่า
"ฉันชอบขึ้นมาบนนี้ มองท้องฟ้า มองเมือง มองผู้คน มันทำให้รู้สึกดีน่ะ..."
"แล้ววันหนึ่งฉันก็เจอเขา เราเจอกันครั้งแรกที่นี่ และจากนั้นเราก็อยู่เคียงข้างกันเสมอ"
"...ตอนนี้เรากำลังสร้างอนาคตที่ดีร่วมกัน"
"..."
"เธอเองก็ควรจะเริ่มต้นใหม่กับใครสักคนได้แล้วนะ..."
"ขอโทษที่ต้องพูดตรงๆ แต่เชื่อเถอะ ฉันหวังดีกับเธอจริงๆ"
"เธอไม่ควรคิดอย่างนี้กับฉันอีก ที่ผ่านมาปล่อยให้มันเป็นอดีตไปเถอะ..."
"มันจะยิ่งทำร้ายเธอ..."
"...เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้นี่ สัญญากับฉันนะ ได้ไหม?" เธอพูดพร้อมกับดึงมือผมไปกุม แล้วมองอย่างอ้อนวอน
"..."
"อย่าลืมส่งการ์ดแต่งงานมาให้ฉันบ้างนะ" วินาทีนั้นผมพูดได้เพียงแค่นี้
แค่เท่านี้จริงๆ
***********************************************
ภาพเก่า
***********************************************
Memory 0.6 - วันนั้น
ผู้เดียว
"จะกลับวันใหน?" เธอเอ่ยทำลายความเงียบตอนที่เราเดินลงมาจากหอนาฬิกา
"วันนี้แหละ... ประมาณสามทุ่ม ฉันจองตั๋วรถทัวร์ไว้แล้ว พรุ่งนี้ต้องทำงานแต่เช้าน่ะ..."
"ให้ฉันขับรถไปส่งที่อาเขตไหม?"
"ไม่เป็นไรหรอก ฉันกลับเองได้"
"..."
"จริงจริ้ง" ผมยิ้มยืนยัน
"..."
"...งั้นก็ขอให้โชคดีนะ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง..." จบประโยคนี้จากเธอ เราสองคนก็แยกย้ายกันไปตามทางของแต่ละคน...
***********************************************
Live & Larn
***********************************************
Memory 1.2 - วันนี้
Play
ภาพที่หน้าจอเล่นจบไปนานแล้ว...
ที่ข้างฝามีปฏิทินติดอยู่ ผมได้แต่มองรูปนกเงือกสองตัวที่เคียงกันอยู่ในนั้นด้วยความชื่นชม พฤติกรรมทางความรักของพวกมันเป็นอุดมคติที่น่าหลงใหล เกิด และอาศัยในป่าที่อุดมสมบรูณ์ เมื่อโตเต็มวัยก็ออกหาคู่ในฤดูกาลที่เหมาะสม จากนั้นจับคู่เดิมครองรักกันไปจนกระทั่งความตายเท่านั้นที่จะมาพรากได้
การ์ดสีชมพูที่อยู่ในมือผมตอนนี้ เธอส่งมาให้ราวอาทิตย์ก่อน ในนี้ระบุไว้ชัดเจนว่า 14 กุมภาฯ นี้เธอจะแต่งงานกับคนที่เธอบอกว่าใช่คนนั้น...
ใช่...
พรุ่งนี้แล้วที่เธอจะมีความสุขมากที่สุด และสมควรอย่างยิ่งที่ผมจะต้องไปร่วมยินดีกับความรู้สึกนั้น...
"เพื่อนคือมิตรภาพที่ยั่งยืนที่สุด" เธอย้ำกับผมอย่างนั้นเสมอ แม้ไม่ยากนักที่จะเข้าใจ แต่ผมกลับไม่เคยคิดแบบนั้นกับเธอได้เลยแม้เพียงเสี้ยววินาที...
มองดูนาฬิกา เวลาในตอนนี้ล่วงเลยจากกำหนดการณ์เดิมไปค่อนข้างมากแล้ว ขึ้นรถทัวร์เที่ยวเดิมก็คงจะไม่ทันแน่ๆ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นรถรอบดึกก็พอไหว ทีนี้เวลาก็พอจะเหลืออยู่อีกสักนิดหน่อย...
1
บางทีถ้าเรายังไม่พร้อมที่จะรับความจริงที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ก็ไม่ผิดกติกาใช่ไหมที่จะย้อนกลับไปทบทวนเรื่องราวดีๆ ที่อยู่ในความทรงจำ...
รู้ตัวอีกที นิ้วชี้ของผมก็กดลงไปบนปุ่ม Play อีกครั้ง...
END
***********************************************
จะเก็บเธออยู่ในใจเสมอ
***********************************************
เรื่องสั้นเรื่องนี้ผมแต่งไว้ราวๆ 14 ปีก่อน บรรยากาศในเรื่องก็จะย้อนยุคหน่อยๆ เพราะเนื้อหาเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2549
ตอนนั้นผมตั้งใจแต่งเรื่องนี้ให้ผู้หญิงที่ผม(เคย)รักมากที่สุดในชีวิตคนหนึ่ง โครงเรื่องโดยรวมนั้นอ้างอิงมาจากบางส่วนในชีวิตจริงของผมเอง (Based on true stories) และแต่งเติมบางจุดเพิ่มเติมขึ้น เพื่อความเหมาะสมในการดำเนินเรื่อง
แน่นอนว่าตอนนั้น “Smartphones” ยังไม่มีนะ
และเมื่อ 28 มิถุนายน ที่ผ่านมา ผมได้ทยอยลงเรื่องสั้นเรื่องนี้ไว้รวดเดียวจบเป็นจำนวนรวม 8 EP.
เผื่อบางคนยังไม่ได้อ่าน วันนี้ผมเลยขออำนวยความสะดวกโดยการนำมารวมกันเพื่อให้อ่านง่ายในโพสต์เดียวครับ
ขอบคุณที่ติดตามครับ
โฆษณา