10 ก.ย. 2020 เวลา 11:30 • ไลฟ์สไตล์
การฝึกงานแผนก F&B
หลังจากฝึกงานในแผนกแม่บ้านครบหกเดือน
ส้มก็ย้ายไปฝึกงานในส่วนของ F&B ค่ะ
หรือในส่วนของห้องอาหารนั่นเอง
โดยส้มยังคงทำงานที่ NH Hoteles Luzern เหมือนเดิม
แต่ย้ายแผนกมาอยู่ห้องอาหารอีกหกเดือนค่ะ
การทำงานหลัก ๆ ของเราคือ
ดูแลบุฟเฟต์อาหารเช้า
คอยเติมอาหาร เสิร์ฟชา กาแฟ เก็บจาน ฯลฯ
งานทั่วไปของห้องอาหารค่ะ
ห้องอาหารของเรา
อาหารเช้าของเราคือช่วง 06.00-10.00 น.
และจะมีบุฟเฟต์ช่วงกลางวัน
ระหว่างเวลา 11.30 - 14.00 น.
แม้จะเน้นขายเป็นบุฟเฟต์
แต่ก็มี A la carte ขายด้วยค่ะ
เสร็จจากบุฟเฟต์ก็จะเป็นช่วงอาหารเย็น
ตั้งแต่ราว 17.00-22.00 น.
โรงแรมของเรามีบาร์ด้วยค่ะ
บาร์ของเราถ้าจำไม่ผิดปิดเที่ยงคืน
ตอนฝึกงาน หน้าที่ส่วนใหญ่คือดูแลบุฟเฟต์อาหารเช้า
และช่วงอาหารกลางวันค่ะ
มีได้ลองทำช่วงเย็นบ้างแต่ไม่เยอะ
ช่วงเย็นก็ได้ลองทำที่บาร์ด้วย
แต่ก็ไม่ค่อยเก่งค่ะ รินเบียร์ทีไรรู้สึกยากทุกที 😅 555
ที่โรงแรมของส้มมีห้องประชุมด้วยค่ะ
ถ้ามีงานประชุม
บางทีเราก็ต้องเตรียมจัดเบรคงานประชุมด้วย
แล้วบางทีถ้ามีกรุ๊ปทัวร์ลง
เราก็ต้องดูแลกรุ๊ปทัวร์ด้วยเหมือนกัน
จำได้ว่าพนักงานแผนกเรามีไม่เยอะ
เลยเหมือนต้องช่วย ๆ กันทำงาน
ทำงานกันหลายหน้าที่มาก ๆ
เรียกได้ว่าการได้ฝึกงานครั้งนี้
ก็ได้มีโอกาสลองทำงานในทุกภาคส่วนเลยค่ะ
ความแตกต่างระหว่างงานแม่บ้าน
กับ การทำงานในห้องอาหาร
คือ แม่บ้านคือการทำงานๆๆ
คือโฟกัสที่การทำความสะอาด
อยู่กับงานตรงหน้า ทำความสะอาดอย่างเดียว
ข้อดีคืออยู่กับตัวเอง ไม่ค่อยได้คิดอะไรเยอะ
ไม่ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
ไม่ต้องติดต่อประสานงานอะไรกับคน
คือหน้าที่แค่ทำความสะอาดอย่างเดียว
เพลิดเพลินกับการทำงานตรงหน้า
อยู่กับแค่แม่บ้านในแผนกเป็นหลัก
ส่วนงานในห้องอาหาร
คืองานที่ต้องประสานกับคน
ต้องมีรอยยิ้ม มีการพูดคุย ทักทาย
มีการแนะนำอาหาร ต้องมีความรู้เรื่องอาหาร
มีทักษะการ upsell
มีความหูตาไว มีความว่องไวในการทำงาน
ต้องคอยดู คอยเติมอาหารในบุฟเฟต์
เก็บจาน เติมกาแฟ ล้างจาน
คือทุกอย่างเราทำหมดเลย
เรียกว่า วุ่นสุด ๆ
ช่วงแรกๆ คือเพราะว่าการทำงานของเราไม่ได้มีเวลาพักที่ชัดเจน
เหมือนกับงานแม่บ้าน
ส้มเคยไม่ได้ทานข้าวกลางวันแล้วเคยเป็นลมไป
จำได้ว่า ผู้จัดการสอนว่า เราต้องรู้จักดูแลตัวเอง
ต้องหาโอกาสกินข้าวเอง ไม่ต้องรอจนมีเวลาพัก
นับจากวันนั้น
ถ้าหิว หรือ ถึงเวลาทานอาหาร แต่ลูกค้าเยอะ
เดินผ่านขนมปังก็หยิบขนมปังมารองท้องไว ๆ
มีเวลาแวบๆ ก็รีบยัด ๆ เอาอาหารเข้าปาก 😅
เคี้ยว ๆ อย่างไว แล้วทำงานต่อแบบนั้นทั้งวัน
กลายเป็นว่า เราได้สัจธรรมมาข้อหนึ่ง
คือก่อนจะทำอะไร ไม่ว่าจะทำงาน หรือ ดูแลคนอื่น
เราต้องดูแลตัวเองให้ดีก่อน
คือจะบ้างานก็ได้นะ แต่เราก็ต้องมีแรงพอที่จะบ้างานด้วย
ไม่ใช่ทำงาน ๆๆๆ จนกระทั่งเราล้มไป
ข้อคิดนี้ก็ได้เอามาใช้ในชีวิตทำงานต่อ ๆ มาตลอดค่ะ
ไม่ว่าจะทำอะไร ก็ต้องดูแลตัวเองก่อน
ตัวเราเองนี่แหละสำคัญที่สุด
เพราะถ้าเราล้มป่วยไปแล้ว
งานที่อยากจะทำก็จะไม่ได้ทำ
เสียโอกาสในชีวิตนะคะ
#NamsomandherSwissLife #น้ำส้มณสวิส #บันทึกเรือนชญาดล

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา