๙พ.ค.๖๑
เจ้าพระยาบดินทรเดชา
เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ( พ.ศ. 2318 - พ.ศ. 2392) อัครมหาเสนาบดีสมุหนายก และแม่ทัพใหญ่ในรัชสมัยรัชกาลที่ 3 "เจ้าพระยาบดินทรเดชา" เป็นราชทินนามพิเศษ ที่ ร.4 พระราชทาน ให้ท่านเพียงผู้เดียวเท่านั้น
ท่าน เป็นบุตรคนที่ 4 ของเจ้าพระยาอภัยราชา (ปิ่น) กับท่านผู้หญิงฟัก เกิดในปลายรัชกาลของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ในเขตพระนคร เมื่อเจริญวัยขึ้น ได้เข้ารับราชการในเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร (ต่อมาคือ ร.3 )ในตำแหน่ง จมื่นเสมอใจราชและพระนายเสมอใจ ต่อมาได้เป็นพระยาเกษตรรักษาว่าการกรมนา เมื่อรัชกาลที่ 3 ขึ้นครองราชย์จึงโปรดให้เป็น พระยาราชสุภาวดี
ในปี พ.ศ. 2369 ร.3 โปรดให้ท่านเป็นแม่ทัพหน้ายกไปปราบปรามกองทัพลาว ที่ก่อกบฏนำโดยเจ้าอนุวงศ์ ได้สำเร็จและสามารถยกเข้าเมืองนครจำปาศักดิ์ จึงได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งเป็น เจ้าพระยาราชสุภาวดี ว่าที่สมุหนายก
ใน พ.ศ. 2372 ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น เจ้าพระยาบดินทรเดชา อัครมหาเสนาบดีสมุหนายก (เวลานั้นท่านอายุได้ 52 ปี)
พ.ศ. 2376 ญวนเข้าไปแทรกแซงเขมร เจ้าพระยาบดินทรเดชายกทัพขึ้นไปสู้รบกับญวนอีก จนกระทั่งญวนยอมทำไมตรีกับไทย ท่านจึงเดินทางกลับเข้าสู่ประเทศไทยใน พ.ศ. 2391 ท่านได้ควบคุมบ้านเมืองในเขมรนานถึง 15 ปีเต็ม
ก็ถึงแก่อสัญกรรม เมื่อวัน 24 มิถุนายน พ.ศ. 2392 ด้วยอหิวาตกโรคซึ่งระบาดชุกชุมในปีนั้น
จากผลงานและคุณงามความดีต่อประเทศชาติ ทำให้อนุชนรุ่นหลังสร้างอนุสรณ์สถานขึ้นเพื่อเคารพสักการะและระลึกถึงพระคุณของท่านหลายแห่ง เช่น เมืองอุดงมีชัย ประเทศกัมพูชา, วัดจักรวรรดิราชาวาส (วัดสามปลื้ม) , โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) , โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ บดินทรเดชา ,โรงเรียนเทพลีลา, วัดมหาธาตุ อ.เมือง จ.ยโสธร , ค่ายบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 11 อ.มะขาม จ.จันทบุรี , ค่ายเจ้าพระยาราชสุภาวดี (สิงห์ สิงหเสนี) , กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว , ค่ายบดินทรเดชา กรมทหารราบที่ 16 อ.เมือง จ.ยโสธร