19 ก.ย. 2020 เวลา 15:05 • หุ้น & เศรษฐกิจ
EP.2 มูลค่าที่แท้จริง (Intrinsic value) คืออะไร?
มูลค่าที่แท้จริง (Intrinsic value) คือมูลค่าที่ถูกประเมินออกมาจากศักยภาพของธุรกิจ ซึ่งเป็นมูลค่าแบบสมบูรณ์ (Absolute value) หมายความว่ามีค่าในตัวมันเองไม่ได้อ้างอิงจากราคาตลาด เป็นมูลค่าที่ถูกคำนวนจากการวิเคราะห์ปัจจัยเชิงคุณภาพและปริมาณที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนั้นเช่น การวิเคราะห์อุตสาหกรรม (Industry analysis), การวิเคราะห์โมเดลธุรกิจ (Business model analysis), การวิเคราะห์งบการเงิน (Financial analysis), การวิเคราะห์ผู้บริหาร, ฯลฯ
แม้ว่าวิธีการคำนวนมูลค่าที่แท้จริงมีหลากหลายวิธี แต่วิธีที่ได้รับความนิยมคือ "โมเดลคิดลดกระแสเงินสด" (Discounted cash flow model : DCF) เนื่องจากวิธีการนี้ได้รับอิทธิพลจากความผันผวนของตลาดน้อยที่สุด เพราะแทบจะไม่ได้นำมุมมองที่ตลาดหุ้นให้มูลค่าแก่ธุรกิจนั้นเข้ามาใช้ในการคำนวนเลย หลักการของการประเมินมูลค่าแบบ DCF คือ การประมาณการกระแสเงินสดส่วนเกิน (Free cash flow) ที่บริษัทจะสามารถสร้างได้ในอนาคตและคิดลดกลับมาในปัจจุบันด้วยอัตราผลตอบแทนที่คาดหวัง (Discount rate) ที่เหมาะสม
เคยมีคนถาม วอร์เรน บัฟเฟตต์ หลายครั้งถึงการคำนวน มูลค่าที่แท้จริง (Intrinsic value) เขาตอบเหมือนเดิมทุกครั้งว่า "มูลค่าที่แท้จริงสามารถหาได้ง่ายๆ จากการคิดลดมูลค่าของเงินสดทั้งหมดที่ธุรกิจสามารถจ่ายออกมาจากธุรกิจตลอดอายุของมัน"
Credit: AZ quotes
หากเป็นนักลงทุนที่มีประสบการณ์มากพออาจะจะใช้วิธีการวิเคราะห์ธุรกิจและงบการเงิน แต่การใช้ Financial ratio อย่าง P/E หรือ PEG ในการประเมินมูลค่าก็ได้เช่นกัน เพราะสุดท้ายแล้วเราเพียงต้องการเพียงมูลค่าที่แท้จริงที่ "ถูกต้องแบบคร่าวๆ" ท่านั้น ดังที่ จอห์น เมย์นาร์ด เคนส์ (John Maynard Keynes) นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังเคยกล่าวไว้ "การถูกแบบคร่าวๆ ดีกว่าผิดแบบแน่นอน"
มูลค่าที่แท้จริง (Intrinsic value) ≠ ราคาตลาด (Market price)
มูลค่าที่แท้จริงมีอยู่ในตัวธุรกิจแล้วเพียงแต่เราต้องมองให้ออกและประเมินมูลค่ามันออกมาให้ได้ การเปลี่ยนแปลงของมูลค่าที่แท้จริงจะเปลี่ยนไปตามปัจจัยภายในและภายของธุรกิจ ซึ่งกระทบต่อการดำเนินการของธุรกิจจริงๆเท่านั้น เช่น โรคระบาด COVID-19 ส่งผลกระทบให้นักท่องเที่ยวลดลงอย่างมากทำให้ธุรกิจโรงแรมขาดทุนติดต่อกัน 2-3 ปี เงินสดที่หายไป 2-3 ปี นั้นกระทบมูลค่าที่แท้จริง แต่หากมองระยะยาวแล้วผลกระทบต่อมูลค่าที่แท้จริงอาจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าหากนักลงทุนมองธุรกิจออกไปนานมากพอและมองว่าธุรกิจโรงแรมจะกลับมาดำเนินการได้ปกติดังเดิม และสามารถดำเนินการต่อเพื่อสร้างกระแสเงินสดไปอีกหลาย 10 ปี
มูลค่าที่แท้จริง (Intrinsic value)
ดังนั้นธุรกิจที่เราจะสามารถคำนวนหามูลค่าที่แท้จริงได้ ควรจะมีลักษณะดังนี้
1. เราต้องเข้าใจธุรกิจที่เราจะนำมาหามูลค่า เพราะถ้าเราไม่เข้าใจหรือมองไม่ออกก็ไม่รู้จะประเมินมูลค่าได้อย่างไร วอร์เรน บัฟเฟตต์ จึงเลือกซื้อธุรกิจที่เขามีความเข้าใจหรืออยู่ในขอบขายแห่งความรู้ (circle of competence) ของเขาเท่านั้น
2. ธุรกิจสามารถสร้างกระแสเงินสดส่วนเพิ่มได้ "ในอนาคต" ไม่ว่าธุรกิจมันจะเคยดีมาอย่างไรสุดท้ายแล้วการลงทุนของเราคือการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ในอนาคตการมองแนวโน้มของผลการดำเนินงานในอดีตก็เหมือนกับ "ขับรถโดยการมองกระจกหลัง"
3. ผู้บริหารเชื่อถือได้ เพราะหากผู้บริหารคตโกงขาดความซื่อสัตย์ มันก็ยากสำหรับเราที่จะมองอนาคตของธุรกิจไปอีกหลายปีข้างหน้า
สิ่งที่สร้างมูลค่าให้กับธุรกิจ "ไม่ใช่ตัวเลขในงบการเงินในอดีต" แต่มันคือ มูลค่าเพิ่มของสินค้าและบริการของธุรกิจที่มอบให้ลูกค้า, ลูกค้าที่ภักดีและพร้อมจะจ่ายเงินให้ธุรกิจนั้น, การบริหารจัดการต้นทุนและทรัพยากรของบริษัท และผู้บริหารที่เก่งและซื่อสัตย์ต่างหากที่สร้างมูลค่าให้กับธุรกิจในอนาคต เราจึงต้องเข้าใจมันอย่างดี
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับท่านผู้อ่านไม่มากก็น้อย
หากท่านคิดว่าบทความนี้เป็นประโยชน์
รบกวนช่วย กด like กด share และ กด follow
เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนด้วยครับ
หรือหากท่านมึความคิดเห็นอย่างไร
comment มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา