30 ก.ย. 2020 เวลา 05:00 • ประวัติศาสตร์
คดีฆาตกรรม “Black Dahlia” คดีฆาตกรรมปริศนาที่ยังปิดไม่ลงแม้เวลาจะผ่านมานานกว่า 70 ปี
คดีฆาตกรรม “Black Dahlia” เป็นคดีฆาตกรรมที่มีความโหดเหี้ยมและยังคงเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้
2
เรื่องนี้เริ่มต้นในวันที่ 15 มกราคม ค.ศ.1947 (พ.ศ.2490) เมื่อมีผู้พบศพของ “Elizabeth Short” ในชุมชนลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา
Short วัย 22 ปี ถูกหั่นเป็นสองท่อน ตั้งแต่เอวลงมา และร่างกายก็แห้ง ปราศจากเลือด อีกทั้งในกระเพาะอาหารก็เต็มไปด้วยอุจจาระ ซึ่งเป็นไปได้ว่าเธอจะถูกบังคับให้กินก่อนจะถูกฆ่า
2
แต่ที่น่าสยองที่สุด คือปากของเธอถูกเฉือนเป็นทางยาวไปจนถึงหูทั้งสองข้าง เหมือนคนกำลังยิ้ม ซึ่งดูน่าสยอง
3
ใบหน้าของ Short หลังการฆาตกรรม
ตำรวจได้เข้ามาตรวจสอบและสืบหาว่าผู้ตายเป็นใคร ซึ่งโชคดีที่มีบันทึกลายนิ้วมือของ Short เนื่องจากเธอเคยใช้สมัครงาน อีกทั้งยังมีการพิมพ์ลายนิ้วมือของเธออีกครั้ง และมีการถ่ายรูปเธอ เก็บไว้ในแฟ้มตำรวจด้วย เนื่องจากเธอเคยถูกจับข้อหาดื่มเหล้าทั้งๆ ที่อายุไม่ถึงเกณฑ์
เรื่องราวของคดีฆาตกรรมรายนี้โด่งดัง เป็นที่สนใจของสื่อมวลชน มีการขุดคุ้ยเรื่องราวของ Short มากมาย โดยจากการสืบสวนของตำรวจนั้น พบว่า Short เป็นหญิงเสน่ห์แรง ในช่วงเวลาประมาณสองเดือนก่อนที่จะถูกฆ่า พบว่ามีคนพบเห็นเธออยู่กับชายหนุ่มไม่ซ้ำหน้า ไม่ต่ำกว่า 25 คน
1
ด้วยความที่เธอแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำทั้งตัว สื่อมวลชนจึงเรียกเธอว่า “Black Dahlia” และมีข่าวลือว่าเธอเป็นโสเภณี
1
Elizabeth Short
การสืบสวนนั้นไม่มีความคืบหน้า ตำรวจไม่สามารถหาตัวฆาตกรได้ หากแต่หนังสือพิมพ์ก็ได้รับโทรศัพท์จากบุคคลที่อ้างว่าเป็นฆาตกร และได้ส่งสิ่งของต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Short มาให้ดูเป็นการยืนยัน ไม่ว่าจะเป็นใบเกิดของ Short นามบัตร ภาพถ่ายต่างๆ ทะเบียนบ้าน และยังมีจดหมายที่ตัดแปะด้วยตัวอักษรในหนังสือพิมพ์ ส่งมาให้หนังสือพิมพ์
ตัวอักษรในจดหมายที่ตัดมาจากหนังสือพิมพ์นั้นถูกทำความสะอาดด้วยน้ำมันเบนซิน จึงทำให้ไม่สามารถตรวจสอบลายนิ้วมือได้
1
ตำรวจได้พยายามตามสืบว่าใครคือฆาตกรที่แท้จริง และตลอดเวลาก็ได้รับแจ้งข่าวว่าพบฆาตกรตัวจริงแล้วกว่า 60 ราย หากแต่ก็ไม่สามารถไขคดีได้อย่างแท้จริง
1
แต่เมื่อเวลาผ่านมากว่า 70 ปี ก็ได้เกิดทฤษฎีมากมายเกี่ยวกับคดีนี้ แต่ที่ดูจะเป็นไปได้มากที่สุด และน่าสนใจที่สุด
นั่นคือฆาตกรอาจจะเป็นชายที่ชื่อ “George Hodel”
1
George Hodel
George Hodel นั้นเสียชีวิตไปตั้งแต่ปีค.ศ.1999 (พ.ศ.2542) หากแต่ลูกชายของเขา นั่นคือ “Steve Hodel” ผู้เป็นตำรวจนักสืบที่เกษียณอายุ เกิดสงสัยว่าบางที พ่อของตนอาจจะเป็นฆาตกรรายนี้
ภายหลังจากที่พ่อเสียชีวิต Steve ได้ตรวจดูข้าวของๆ พ่อ และพบภาพถ่ายของหญิงที่ดูเหมือน Short
1
เมื่อเกิดความสงสัย Steve ก็ได้ใช้ทักษะและความรู้ด้านการสืบสวนของตน สืบหาความจริงในเรื่องนี้
Steve ตรวจสอบคลังหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวนี้ รวมทั้งบทสัมภาษณ์ของพยานในเหตุการณ์ และยังค้นแฟ้มของตำรวจ
1
Steve Hodel
Steve ยังให้ผู้เชี่ยวชาญด้านลายมือ เข้ามาตรวจสอบลายมือของพ่อเขา เปรียบเทียบกับลายมือจากจดหมายบางฉบับที่ฆาตกรส่งมาให้หนังสือพิมพ์ และพบว่าลายมือของพ่อเขากับลายมือของฆาตกรนั้น มีความคล้ายกันมาก
นอกจากนั้น พ่อของเขาก็เป็นหมอ และเทคนิคการหั่นศพอย่างที่ Short ถูกหั่น ก็เป็นเทคนิคที่พ่อของเขาเคยเรียนสมัยเป็นนักศึกษาแพทย์ อีกทั้งยังพบกระเป๋าและสิ่งของต่างๆ ที่คล้ายคลึงกับที่ตำรวจพบในที่เกิดเหตุ
3
อันที่จริงแล้ว พ่อของเขาก็เป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยของตำรวจในคดีนี้ และในปีค.ศ.1950 (พ.ศ.2493) ได้มีการแอบติดเครื่องดักฟังไว้ในบ้านของเขา และพบบทสนทนาบางบทที่น่าสนใจ
“สมมติว่าฉันเป็นฆาตกรในคดี Black Dahlia จริงๆ พวกเขาก็ไม่สามารถจะพิสูจน์อะไรได้แล้ว พวกเขาจะไปสอบปากคำเลขาของฉันก็ไม่ได้ เพราะเลขาของฉันตายไปแล้ว”
1
คือคำพูดของ George Hodel ที่ตรวจจับได้จากเครื่องดักฟัง
1
George Hodel ขณะเป็นนักศึกษาแพทย์
นอกจากนั้น ยิ่งสืบสวนไปมากเท่าไร Steve ก็ยิ่งพบว่าเป็นไปได้ที่พ่อของเขาจะไม่ใช่เป็นเพียงฆาตกรในคดีนี้ แต่เขาอาจจะเป็นฆาตกรต่อเนื่องในคดีอื่นๆ อีกด้วย
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังไม่มีการฟันธงว่า George Hodel เป็นฆาตกรตัวจริง และถึงทราบ ก็คงทำอะไรไม่ได้ เนื่องจาก George Hodel นั้นเสียชีวิตไปตั้งแต่ปีค.ศ.1999 (พ.ศ.2542) แล้ว
คดีนี้จึงยังคงเป็นคดีปริศนาที่สร้างความขนลุกให้ผู้ที่ได้รับทราบ ตราบจนทุกวันนี้
โฆษณา