7 ต.ค. 2020 เวลา 13:45 • ปรัชญา
# การเลือกตั้งกษัตริย์
เพราะคำว่าคู่ควร และเหมาะสม อาจไม่ได้ดูจากความพยายามเพียงอย่างเดียว อ่านเรื่องราวต่อไปนี้แล้วคุณจะเข้าใจ
*****
Marcus กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงในเรื่องความฉลาดหลักแหลม พระองค์ทรงครุ่นคิดเกี่ยวกับการเกษียณอายุของพระองค์มาอย่างยาวนาน
จนกระทั่งวันหนึ่งกษัตริย์ก็ได้สั่งให้ทหารกระจายข่าวไปทั่วอาณาจักรของเขาว่า “ในไม่ช้านี้ เขาจะทำการค้นหาและแต่งตั้งผู้สืบทอดบัลลังก์คนต่อไป”
ซึ่งข่าวการค้นหาผู้สืบทอดคนใหม่นี้ ทำให้เกิดความปั่นป่วนไปทั่วราชอาณาจักร ประชาชนทุกคนต่างสับสน ตื่นเต้นและกังวล ไปตาม ๆ กัน
ด้วยเหตุที่ “กษัตริย์องค์นี้ ได้รับการยอมรับว่าฉลาดที่สุดเท่าที่เคยมีกษัตริย์องค์ใดปกครองมา อีกทั้งนโยบายและกิจการงานต่าง ๆ ของพระองค์ก็ได้ช่วยให้ประเทศมีความผาสุขและความเจริญก้าวหน้าด้วยดี ตลอดการปกครองของพระองค์
แต่ ที่น่าแปลกใจก็คือ พระองค์จะละทิ้งเส้นทางการสืบทอดดั้งเดิมของตระกูล แล้วมาค้นหาผู้ที่คู่ควรกับบัลลังก์แทนแบนนี้ มันช่างน่าแปลกใจยิ่งนัก”
ซึ่งหลังจากที่ข่าวแพร่กระจายได้ไม่นาน กษัตริย์ก็ทรงเรียกเยาวชนของชาติมารวมกันที่ท้องพระโรง และได้มอบเมล็ดพืชให้กับพวกเขาไปคนละเมล็ด
จากนั้นพระองค์ก็ทรงตรัสว่า “นี่เป็นเมล็ดพันธุ์ที่พิเศษมาก ฉันอยากให้พวกคุณทุกคนปลูกมัน ดูแลมันและนำมันกลับมาพบฉันอีกครั้งในอีกหนึ่งปีข้างหน้า แล้วเมื่อเวลานั้นมาถึง ฉันจะตัดสินใจเองว่า ใครจะได้เป็นราชาคนต่อไป”
หลังจากนั้น ทุกคนก็ออกจากท้องพระโรงพร้อมเมล็ดพันธุ์ที่ได้รับมอบมา ซึ่งทันทีที่ถึงบ้าน พวกเขาก็ต่างเพาะเมล็ดกันอย่างตื่นเต้นดีใจ และเฝ้ารอให้มันเติบโต
หลายเดือนผ่านไป เยาวชนของประเทศที่ถูกคัดเลือกต่างก็พูดคุยกันว่าเมล็ดพันธ์ุของพวกเขาเติบโตขึ้นได้อย่างสวยงามมากเพียงไหน
แต่ในกลุ่มคนเหล่านั้น ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่เมล็ดพันธุ์ของเขานั้นยังไม่งอกเสียที แม้ว่าเขาจะรดน้ำ หรือทำทุกวิถีทางเพื่อทำให้มันเติบโตมากเพียงใด แต่เมล็ดมันก็ไม่ยอมเติบโตเลย
เขาจึงต้องทนใช้เวลานานร่วมเดือนอยู่กับคำนินทาต่าง ๆ นา ๆ และเก็บเกี่ยวความรู้จากที่เพื่อน ๆ ที่พูดคุยกันถึงการเพาะปลูก เพื่อนำมาลองทำกับเมล็ดพันธ์ุของเขาบ้าง แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ไม่เกิดผลแต่อย่างใด
จนกระทั่งหนึ่งปีผ่านไป เยาวชนทั้งหมดก็ถูกเรียกตัวให้ไปที่พระราชวังอีกครั้ง เพื่อแสดงผลลัพธ์ของเมล็ดพันธุ์ที่พวกเขาได้รับไป ซึ่งทุกคนก็ต่างตื่นเต้นดีใจและเตรียมตัวกันด้วยความกระตือรือร้น
เว้นแต่ ชายหนุ่มผู้ซึ่งเมล็ดพันธุ์ไม่เติบโตเหมือนคนอื่น ๆ เขาทุกข์ใจมาก และไม่เต็มใจที่จะไปเลยแม้แต่น้อย แต่แม่ของเขาก็ยืนกราน ให้เขาไปที่วังด้วยสิ่งที่เขามี เพื่อแสดงถึงความพยายามที่เขาได้ทำลงไปอย่างจริงใจต่อหน้าพระราชา
ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงตัดสินใจเดินทางไปที่พระราชวังพร้อมกับหม้อดินที่วางเปล่าของเขาซึ่งทันทีที่ไปถึงท้องพระโรง ชายหนุ่มก็รู้สึกประหลาดใจที่ได้เห็นพืชพรรณสวยงามนานาชนิดที่คนอื่น ๆ ปลูกได้ ชายหนุ่มจึงรีบวางหม้อเปล่าของเขาลงบนพื้น
โดยมีคนอื่น ๆ ยืนหัวเราะเยาะเขา จนทำให้เขารู้สึกอายที่จะอยู่ที่นั่นต่อไป เขาจึงเลือกที่จะไปหลบซ่อนที่มุมหนึ่งของห้อง
และในเวลานั้นเอง กษัตริย์ก็ได้เสด็จเข้ามาภายในห้องโถง และได้ตรวจสอบหม้อแต่ละใบ พระองค์ทรงตรวจดูต้นไม้ และใบไม้ต่าง ๆ ทั้งหมดอย่างช้า ๆ พร้อมด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส
แต่ในระหว่างนั้นเอง ชายหนุ่มที่พยายามหลบซ่อนตัวจากการตรวจสอบอยู่ด้านหลัง เขาก็ได้เดินไปสะดุดเข้ากับขาโต๊ะที่วางอาหารเข้า
จนทำให้เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นมา กษัตริย์ที่ได้เห็นเช่นนั้น จึงหยุดตรวจสอบชั่วขณะ และได้เดินเข้าไปหาชายหนุ่มคนนั้นด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
พระองค์หยุดดูเมล็ดพันธุ์ที่อยู่ในหม้อของชายหนุ่มอย่างใกล้ชิด แต่ถึงอย่างนั้น พระองค์ก็ไม่ได้ทรงตรัสสิ่งใดกับชายหนุ่มเลย อีกทั้งยังสั่งให้ทหารยามนำตัวเขาไปที่ด้านหน้างานอีกด้วย
ซึ่งทันทีที่ไปถึง ทหารก็ทิ้งให้เขายืนอยู่คนเดียวต่อหน้าคนอื่น ๆ มากมายที่ต่างจับจ้องมอง อีกทั้งหลายคนก็ต่างซุบซิบนินทาเขาอย่างสนุกสนาน
หลังจากนั้นกษัตริย์ก็เรียกให้ชายหนุ่มเข้ามาใกล้ ๆ แล้วพระองค์ก็จับมือของชายหนุ่มขึ้น พร้อมทั้งตรัสว่า "ดูเถิดทุกคน นี้คือกษัตริย์องค์ใหม่ของพวกคุณ!"
กษัตริย์ตรัสต่อไปว่า “หนึ่งปีที่แล้วฉันให้เมล็ดพันธุ์แก่ทุกคน ฉันสั่งให้คุณเอาเมล็ดไปปลูก ไปรดน้ำและนำกลับมา แต่สิ่งที่คุณไม่ทราบก็คือ เมล็ดทุกเมล็ดที่ฉันมอบให้นั้นถูกต้มจนไม่มีเมล็ดใดที่จะเติบโตได้แล้ว!
แต่แล้ว หลังจากนั้นหนึ่งปีพวกคุณก็นำต้นไม้ และดอกไม้นานาพรรณมาให้ฉัน ซึ่งนั้นมันเกิดจากความไม่ซื่อสัตย์ของพวกคุณเอง เพราะเมล็ดพันธุ์ที่จะปลูกพืชเหล่านี้ได้ ไม่ใช่เมล็ดพันธุ์ที่ฉันจัดหาให้
ดังนั้นจงมองดูชายหนุ่มที่ซื่อสัตย์เพียงคนเดียวในหมู่พวกคุณนี้ไว้ เพราะเขาสมควรและเหมาะสมที่จะเป็นผู้ปกครองคนใหม่ของพวกคุณ”
ดังพระบรมราโชวาท ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 พระราชทานเพื่อลงพิมพ์ในหนังสือวันเด็ก ประจำปี 2531 ไว้ว่า “ความซื่อสัตย์สุจริต เป็นพื้นฐานของความดีทั้งปวง”
แปลและเรียบเรียงโดยเรื่องเล่าจากดาวนี้
ที่มา:
อ่านบทความเรื่องเล่าจากดาวนี้เพิ่มเติมได้ที่
หากชื่นชอบก็อย่าลืมกด Like กด Share เพื่อเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ สามารถแชร์แนวคิด มุมมองดีๆได้ใน Comments นี้เลย 😄

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา