17 เม.ย. 2021 เวลา 11:00 • ยานยนต์
Carman ยินดีนำเสนอ
EP29 : CASE STUDY กุญเเจที่ทำให้รถยนต์ประสบความสำเร็จในตลาด
*คำเตือน : บทความนี้มีการใส่ความคิดเห็นของผู้เขียนเพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับชมเเละให้เห็นเเง่มุมอีกมุมหนึ่ง มิได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลหรือสร้างความขัดเเย้งเเก่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม หากมีความผิดพลาดประการใด ขออภัยเป็นอย่างสูงครับ
เป็นอย่างไรกันบ้างครับคุณผู้อ่านทุกท่าน
คิดถึง Carman กันหรือเปล่าครับ
วันนี้เราจะมีบทความสั้นๆ ที่เป็นการตอบคำถามนึงที่น่าสนใจของคุณผู้อ่านด้วยนะครับ จะเป็นอย่างไร เชิญรับชมได้เลยครับ
ทุกวันนี้รถยนต์ที่อยู่ในตลาดนั้นล้วนมีมากมายหลากหลายยี่ห้อหลายรุ่น เเต่ละยี่ห้อก็พยายามเเข่งขันกันโดยต่างชูจุดเด่นของตัวเอง เเละประเคนทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีที่สุดใส่เข้ามาเพื่อครองใจลูกค้าได้
เเต่ก็มีทั้งยี่ห้อที่ประสบความสำเร็จเเละไม่ประสบความสำเร็จ
เเล้วมันเกิดขึ้นได้อย่างไร
เป็นสิ่งที่น่าสนใจมากครับ
มีอยู่ครั้งหนึ่ง คุณผู้อ่านท่านนึงเคยถามผมว่า"ทำไม Honda ถึงขายดีกว่า Toyota"
ถือว่าเป็นคำถามที่ดีมากนะครับ เป็นคำถามที่สั้นเเต่คำตอบนั้นมีรายละเอียดเเละให้อะไรเราได้เยอะมาก
ผมจะขอยก CASE STUDY 2 ยี่ห้อนี้มานะครับ เพราะถือว่าเป็นเคสที่เห็นภาพได้ชัดเจนดีที่สุด เเละสะท้อนถึงปัจจัยในการประสบความสำเร็จในการทำตลาดรถยนต์
ในอดีตนั้น Toyota เป็นยี่ห้อรถที่ขายได้มากที่สุดทั้งในตลาดรถยนต์นั่งเเละรถปิคอัพ เรียกได้ว่า ผูกขาดตลาดอยู่เจ้าเดียวมานาน
จนกระทั่งมาระยะหลังๆ เริ่มมีสัญญาณบ่งชี้ให้เห็นถึงความเพลี่ยงพล้ำของ Toyota ที่มีต่อ Honda มาตั้งเเต่ช่วงปี 2013 เเล้วนะครับ
หลายครั้งที่ Toyota เเพ้ Honda ในยอดขายรายเดือน จนหนักหน่อย คือ เเพ้ยอดขายรวมทั้งปีเลยในหมวดรถยนต์นั่ง!
ย้อนมาดูสถานการณ์ปัจจุบัน
ต้องเรียนตามตรงว่า Toyota เเทบจะรักษาสถานภาพความเป็นอันดับ 1 ในหมวดหมู่รถยนต์นั่งเเละรถปิคอัพไม่ได้เเล้วครับ
1
เเทบไม่มีรุ่นไหนที่เป็นผู้นำของกลุ่มเลย นอกจาก Corolla Cross ที่ขายดีเทน้ำเทท่า เเต่ส่วนหนึ่งก็เพราะรถยังใหม่อยู่ เเละคู่เเข่งตัวเเสบอย่าง Honda HRV ก็กำลังอยู่ในช่วงรอรุ่น Modelchange ทำให้ Cross นั้นต้องรีบกอบโกยยอดขายช่วงนี้ครับ
คำตอบที่ผมตอบคุณผู้อ่านท่านนั้นไป เป็นประมาณนี้ครับ
"สัญญาณอันตรายของโตโยต้ามีมานานเเล้วครับ ยิ่ง 5 ปีหลังยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับว่าฮอนด้ายุคหลังๆเขาเก่งเรื่องการตลาดการวางราคาเเละรุ่นย่อยมากครับ
เเต่สาเหตุจริงๆน่าจะเพราะหลังๆโตโยต้าทำรถออกนอกลู่นอกทางครับ ในที่นี้ไม่ใช่เเปลว่าไม่ดีนะครับ
เเต่หมายถึงว่าเขาพยายามเน้นเรื่องความสปอร์ตเเละการขับขี่มากขึ้นครับ ด้วยโครงสร้างใหม่ TNGA ที่ใช้เหมือนกันทุกรุ่นครับ (ยกเว้นพวกตระกูลกระบะ, Yaris เเละ Vios ที่ยังคงใช้ GOA)
ทำให้รถเนี่ยบุคลิกโอนเอียงไปทาง Mazda มากขึ้นครับ คือ เน้นสปอร์ตมากขึ้น เอาใจวัยรุ่นเเละคนรุ่นใหม่มากขึ้น
เเต่สิ่งที่ตามมาคือ หลายๆรุ่นความสบายภายในห้องโดยสารลดลงเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนๆครับ ทั้ง Camry, Altis หรืออย่างรถอเนกประสงค์อย่าง CHR ต่างก็ไม่สบายเท่าที่ควรครับ
เพราะดีไซน์ของตัวรถบวกกับโครงสร้างที่เน้นเตี้ยลงเเละเน้นการขับขี่มากขึ้น ความสบายเลยอาจหายไป
ซึ่งโตโยต้าเป็นรถเจ้าตลาดที่ทำมาเพื่อรองรับคนทุกกลุ่ม คือ ต้องพยายามทำให้ครอบครัวใช้ได้ หรือคนอื่นๆที่อยากสนุกหน่อยสามารถเเต่งต่อได้
เเต่พอทำมาเเบบนี้อะครับ กลุ่มลูกค้าก็เเคบลงครับ เพราะกลุ่มครอบครัวจะหนีไปฮอนด้าครับ
บวกกับกลุ่มรถเล็กที่มีฐานลูกค้าเยอะ ก็มี City ที่เป็น B-Segment(Eco Car)ที่สร้างมาตรฐานไว้สูงมาก
ทำให้ Yaris/Yaris Ativ สู้ไม่ได้ครับ(เพราะ Yaris ตอนนี้คือการนำเอา Vios รุ่นปัจจุบันมาเปลี่ยนเปลือก พูดง่ายๆคือเปลี่ยนดีไซน์ภายนอก-ภายใน เเละเปลี่ยนเครื่องจาก 1.5 เป็น 1.2 ครับ ฉะนั้นเทคโนโลยีเเละประสิทธิภาพอะไรต่างๆก็เเน่นอนว่าค่อนข้างจะเทียบกับ City ลำบากครับ
อย่าง Altis ก็โชคร้ายที่ออกดีไซน์มาไม่ถูกจริตคนไทย เเละเบาะหลังนั่งสู้รุ่นเดิมไม่ได้ครับ คนบ่นจุดนี้กันมาก โดยเฉพาะ TAXI จะไม่ชอบ เพราะคนนั่งหลังต้องสบาย
ไปส่งรถครับ / เเก๊สหมดครับ
Camry ก็ใช้วัสดุภายในที่เน้นสปอร์ตขึ้นจนงาน interior ดูไม่ละเอียดเหมือนรุ่นก่อน
หรืออย่าง CHR เป็น SUV ที่ไม่อเนกประสงค์เลยครับ พูดง่ายๆว่าไม่อเนกประสงค์เหมือน HRV เลย
บวกกับการจัดออพชั่นเเปลกๆหลายอย่างของ Toyota ที่เอาจริงๆภาพรวมเขามีเยอะกว่าฮอนด้านะครับ เเต่ดันไปกั๊กอะไรที่น่าหงุดหงิด เช่น CHR รุ่น Entry ราคา 9.79 เเสน ไม่มี Push Start เเละ Keyless Entry โอ้โห มันโบราณมากครับเเบบนี้ สมัยนี้ราคานี้ไม่มีใครเขามานั่งบิดกุญเเจกันเเล้ว
ไหนจะ Altis 1.8 ไม่ให้ Criuse Control มาตอนเเรก เพิ่งจะมาเพิ่มให้ใน MY2021 (Civic ให้มาในรุ่น 1.8 ตั้งเเต่สมัย FD เเล้วครับ ให้มาตั้งเเต่ปี 2008)
Vios ไม่ต้องพูดถึงอันนี้กั๊กเเบบกั๊กมากๆ ที่สุดของคำว่ากั๊ก เเต่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาต้องการผลักดัน Yaris ก็เลยไม่เน้นขาย เน้นเหมาะกับรถหน่วยงานหรือรถของเซลล์เสียมากกว่า เนื่องจากเครื่อง 1.5 มีความเหมาะสมในการใช้งานมากกว่า 1.2
Yaris ก็กั๊กหลายอย่างที่ไม่ควรกั๊ก เช่น พวงมาลัยปรับเข้า-ออกไม่ได้ ไม่มีที่เท้าเเขนเเบบพับเก็บได้ที่เบาะหลัง เป็นต้น
สรุปคือทำรถมาดี เเต่ผิดกลุ่มเป้าหมายของตัวเอง เเทนที่บุคลิกรถจะโอนเอียงไปทางฮอนด้า ดันเอียงไปทางมาสด้าครับ"
1
สรุป-การเป็นตัวของตัวเอง คือ กุญเเจของความสำเร็จ
จะเห็นได้ว่า Toyota พยายามพัฒนารถของตัวเองโดยการลบจุดอ่อนเดิม เเก้ดีไซน์ตัวรถที่เคยมีภาพลักษณ์ว่าเป็นรถของผู้มีอายุ เเละดีไซน์น่าเบื่อ ใส่ออพชั่นเข้าไปให้มากขึ้น เช่น ถุงลม 7 ใบในรถที่ราคาไม่ถึง 6 เเสน เเละโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการขับขี่ให้ใกล้เคียงผู้นำด้านนี้อย่าง Mazda ให้มากขึ้น ซึ่งนี่ก็ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าในยุโรปเลยครับ
เราต้องเข้าใจว่ารสนิยมเเละวัตถุประสงค์ในการใช้งานของลูกค้าเเต่ละประเทศเเตกต่างกัน บางรุ่นประสบความสำเร็จที่นึงเเต่ล้มเหลวในอีกที่นึง
Toyota เองก็ปรับตัวตามความต้องการของตลาดยุโรปซึ่งถือเป็นตลาดกลุ่มลูกค้าใหญ่
เเต่ในทางกลับกัน ในไทยนั้น Toyota เหมือนลบเอกลักษณ์เดิมๆของตัวเองไปที่เป็นรถใช้งานง่าย สบายๆ ภายในกว้างขวาง เหมาะกับกลุ่มครอบครัว เด็กใช้ได้ ผู้ใหญ่ใช้ดี ภรรยาใช้เพลิน
ฉะนั้น สาเหตุหลักๆที่ทำไม Toyota ในไทยถึงยอดขายดร็อปลง ก็คือ การทำอะไรตามความต้องการของคนอื่น ซึ่งฝืนธรรมชาติของตัวเองนั้นจะทำให้เราไม่ประสบความสำเร็จ เเละทำสิ่งนั้นอย่างไม่มีความสุข
เฉกเช่นเดียวกันกับชีวิตประจำวันครับ
การได้ทำอะไรที่ไม่ฝืนธรรมชาติของเรา เราทำเเล้วมีความสุข เเละเราใช้สิ่งนี้ในการเลี้ยงชีพในชีวิตเราได้ นั่นเป็นสิ่งที่ดีมาก
การได้เรียนในคณะที่เหมาะสมกับเรา เป็นคณะที่เราชื่นชอบเเละมี Passion นั้นโชคดียิ่งกว่าการถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 อีกครับ
เชื่อเเน่ว่าหากได้เรียนในคณะที่เราชื่นชอบ นอกจากจะเป็นการเรียน 4 หรือ 6 ปีที่มีความสุขที่สุดในชีวิตวัยเรียนเเล้ว จะสร้างความมั่นคงในการประกอบอาชีพให้กับเราในอนาคตด้วย
มนุษย์ทุกคนนั้นล้วนมีความสามารถที่เเตกต่าง ไม่เช่นนั้นเขาคงจะไม่มีหลากหลายคณะให้เลือกเรียน ถูกต้องมั้ยครับ
ทั้งคณะเเพทยศาสตร์, วิศวกรรมศาสตร์, วิทยาศาสตร์, พาณิชยศาสตร์เเละบัญชี, เศรษฐศาสตร์, มนุษยศาสตร์, นิติศาสตร์, อักษรศาสตร์ เเละอื่นๆอีกมากมายที่ยังไม่ได้กล่าวมา
ซึ่งเเต่ละคณะก็จะมีสาขาเเยกย่อยไปอีก เช่น วิศวกรรมศาสตร์มีสาขาเคมี, ไฟฟ้า, เครื่องกล, คอมพิวเตอร์ เป็นต้น
ฉะนั้น เราควรจะสังเกตตัวเอง เเละทำตามสิ่งที่ใจเราบอก เพราะการได้ทำอะไรที่เราชอบนั้น จะสร้างความมุ่งมั่นให้เรา เราจะทำสิ่งนั้นได้อย่างยั่งยืน เเละพัฒนาต่อยอดไปได้เกินกว่าที่เราจินตนาการในอนาคต
ถึงเเม้อาจจะมีเรื่องของฐานเงินเดือน เเละโอกาสว่างงานที่เเต่ละคณะอาจมีข้อเเตกต่าง ได้เปรียบเสียเปรียบอยู่บ้าง เเต่ยังไงเสียหากเรามีความมุ่งมั่นจริงเเละพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา เราก็จะสามารถหาช่องทางเเละใช้สิ่งที่เรารักในการประกอบอาชีพสุจริตที่มั่นคงให้เราได้เองครับ
ขอเพียงเรารู้ตัวเองว่าเราเป็นอย่างไร ชอบอะไร ทำตามที่ใจบอกมา เเละที่สำคัญ คือ มีความมุ่งมั่น ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคโดยง่าย ไม่ว่าจะล้มสักกี่ครั้งก็สามารถลุกขึ้นมาได้
ขอให้ทำตัวเป็น Abosolute หรือค่าสัมบูรณ์ในวิชาคณิตศาสตร์ ที่ไม่ว่าจะต้องเจอกับอะไร ชีวิตก็จะหาทางออกของปัญหาเเละผลลัพธ์สุดท้ายเป็นบวกได้เสมอครับ
เเละทั้งหมดนั่นละครับ คือ CASE STUDY
กุญเเจที่ทำให้รถยนต์ประสบความสำเร็จ
อย่าลืมนะครับ ถ้าชอบบทความเเบบนี้ อย่าลืมกดไลค์ กดเเชร์ กดฟอลโลว์กันนะครับ
ติดตามบทความย้อนหลังของ Carman ที่นี่
ใครมีความรู้สึกยังไง, มีข้อเสนอเเนะสามารถคอมเม้นลงมาที่ด้านล่างนี้เลยนะครับ ขอบคุณที่ติดตามรับชมครับ
วันนี้ Carman ลาไปก่อนครับ สวัสดีครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา