31 ต.ค. 2020 เวลา 13:46 • นิยาย เรื่องสั้น
#จันทร์เจ้าขาตอนพิเศษ, (31/10/2020)
สวัสดีครับ เพื่อนๆ
คืนวันเสาร์นี้ ขอส่งจันทร์เจ้าขา ตอนพิเศษให้เพื่อนๆได้อ่านเพลิดเพลินก่อนนอนกันนะครับ 😇❤️💙💚🎶🎵
สุขสันต์วันลอยกระทงนะครับ
..
..
#งานลอยประทีปวัดปทุมฯ
สามปีก่อน..การคัดสรรข้าหลวงตัวน้อย..
“คุณเจ้าขา.. คุณเจ้าขา รอหนูพาด้วยสิเจ้าคะ ฮึ!!”
คุณหนูพาวิ่งกระเตงของ ตามคุณพีระ พลางส่งเสียงร้องเรียก อย่างขัดใจ..
มือซ้ายคุณหนูพา กำลังถือถาดตุ๊กตาชาววัง ที่เพิ่งปั้นและอบเสร็จ..สำหรับใส่ในเรือลอยประทีป.. ส่วนใบตองและสารพัดของเล่นในจินตนาการก็หอบพะรุงพะรัง..ห้อยกระโตงกระเตงอยู่ข้างๆ..
คุณพีระ หันหลังกลับมามองคุณหนูพา แล้วจึงค่อยๆเดินย้อนมาหา พร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงใจดี สบายๆว่า..
“มาๆ..เดี๋ยว พีระช่วยคุณหนูพา ถือแล้วกัน..เราจะได้ไปจองที่นั่งแถวหน้ากันได้ทันดูการแสดง..”
คุณหนูพายิ้มตาหยี มองคุณพีระที่เดินมาหา และกำลังจะก้มตัวลงช่วยหยิบของในมือของคุณหนูพา..
จากนั้นคุณหนูพาจึงหรี่ตา ลงทำตาเล็กน่าสงสาร แล้วร้องอ้อนต่อว่า..
“คุณเจ้าขา..หนูพาขอขี่หลังจากตรงนี้ไปจนถึงริมน้ำสักหน่อยเถิดนะเจ้าคะ..หนูพาจะเดินไม่ไหว แล้วจริงๆเจ้าค่ะ..สงสารหนูพาเถิดนะเจ้าคะ”
คุณพีระ หัวเราะเอ็นดูกับเสียงอ้อนหวานใส และตาหรี่เล็กของคุณหนูพา..จึงแกล้งพูดหยอกว่า
“วันนี้ พีระอุ้มหนูพาไม่ไหวแล้ว..เมื่อวานพีระวิ่งแข่งกับพี่ผาด แล้วชนกับพี่ผาดหลายครั้ง จนแขนช้ำเสียหลายที่..”
หนูพาทำหน้าตกใจ แล้วรีบก้มมองหารอยช้ำที่แขนคุณพีระ แล้วพูดขึ้นอย่างขัดเคือง ว่า..
“เจ้าผาด ..มันแกล้งคุณเจ้าขาตรงไหนนะเจ้าคะ.. บอกหนูพามาเถิดนะเจ้าคะ เดี๋ยวหนูพาจะไปกำราบให้เจ้าค่ะ..”
คิ้วขมวดชิด และสายตาของคุณหนูพาที่เขม้นมอง ตรวจแขนถ้วนถี่ อย่างเป็นห่วง..
ทำให้คุณพีระ หัวเราะเบาๆ และพูดว่า..
“พี่ผาดแก่กว่าพีระอีก.. คุณหนูพา ก็ต้องเรียกพี่ผาดว่า พี่สิ ..”
คุณหนูพา เงยหน้าขึ้นทำสีหน้าจริงจังจ้องคุณพีระนิ่งครู่หนึ่ง.. แล้วจึงยื่นหน้ามากระซิบเบาๆ บอกพีระว่า..”อ่านปากหนูพาดีๆนะเจ้าคะ คุณเจ้าขา”..
(หนูพา)
.
(ไม่)
.
(เรียกว่า)
.
(ไอ่ผาด)
.
(ก็บุญโขนัก แล้วนะเจ้าคะ)
.
.
“อย่ามาถืออาวุโส ทำเป็นไม่รู้จักกาลเทศะ นะเจ้าคะ..เป็นพี่ แล้วจะมาทำเช่นนี้กับคุณเจ้าขาไม่ได้นะเจ้าคะ..หนูพาไม่ใจดี อย่างคุณพีระ กับเรื่องแบบนี้หรอกนะเจ้าคะ ”
“ถ้าหนูพาเจอ เจ้าผาด หนูพาจะจัดการให้ได้อายแน่ๆ เจ้าค่ะ”
หนูพาพูดเสียงทุ้มต่ำเย็นยะเยือก แต่ใบหน้าและแก้มกลมนั้นกลับแดงด้วยอารมณ์ขัดใจ..
จนคุณพีระรู้สึกเกรงในที จึงเปลี่ยนบทสนทนา เล่าถึงงานลอยประทีปในคืนนี้ และยอมให้ คุณหนูพาขึ้นขี่หลัง..เพื่อที่จะรีบไปยังที่ตั้งขบวนบริเวณริมน้ำ..
คุณพีระเล่าถึงความสนุกในงานลอยประทีป ให้คุณหนูพาที่อยู่บนหลังฟัง ในระหว่างที่กำลังเดินไปว่า..
“ในแผ่นดินปัจจุบันนี้ งานที่วัดปทุมฯ นับว่าเอิกเกริกโกลาหลยิ่งใหญ่ ..
ก็ด้วยเรือประทีปของพระบรมวงศานุวงศ์ ..และข้าราชการที่แต่งเรือผ้าป่า ตามแต่ผู้ใดจะแต่งอย่างไร บ้างก็ทําเป็นรูปยักษ์รูปสัตว์ต่างๆ บ้างก็เป็นกระจาดซ้อนกันสามชั้นห้าชั้น ประกวดประขันกันโดยความคิด ..
แล้วมีเรือการเล่นต่างๆ ละคร มอญรำ ขับแพน เพลง เสภารำ พิณพาทย์หลายสำรับ ..ชักผ้าป่าผ่านหน้าพระที่นั่งชลังคณพิมาน เป็นกระบวนแห่ มีเรือราษฎรมาช่วยแห่ผ้าป่าหลายร้อยลํา ..
การชักผ้าป่าก็มีแต่เวลากลางวันจนเวลาค่ำ จึงได้ถึงปทุมวัน แล้วจอดเรือผ้าป่าเรียงรายอยู่ตามในสระตอนข้างหน้าวัด ..วางเรือการเล่นเป็นระยะไปรอบสระ มีเรือราษฎรเข้าไปขายของกินต่างๆ ตามแต่ผู้ใดจะไป ..
ในเวลาค่ำวันนี้เรือราษฎรที่ไปดูผ้าป่าเต็มแน่นไปทั้งสระ..”
“นี่หนูพา เรามาถึงบริเวณสระน้ำกันแล้วนะ..”
คุณพีระ เอี้ยวหันร้องเรียก คุณหนูพา ก่อนที่จะได้ยินเสียงตอบจากนักเลงโต ลอยมาเบาๆ ว่า..
“ฟรี้.. คร่อก..ฟรี้”
คุณพีระอมยิ้ม และยืนอุ้มกระชับนิ่ง ให้คุณหนูพานอนหลับอยู่บนแผ่นหลังอย่างสบายต่อไป..
สายตาคุณพีระ ทอดยาวไกลไปยังดวงจันทร์งามพร้อมกับร้องเพลงกล่อมเบาๆ ว่า
“จันทร์เจ้าขา
คล้ายดังแววตา ..นวลเจ้า
ดาวพร่างพราว
เผลอมองดูเจ้า..นอนฝัน”
..
..
จบจันทร์เจ้าขา ตอนพิเศษ
#เกร็ดเพิ่มเติม
#ลอยประทีปในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
ครั้นภายหลังมาถึงว่าการที่เกณฑ์กระทงใหญ่นั้นเลิกแล้ว ท่านผู้ใหญ่ทั้งปวงก็ปรึกษากันเห็นว่าการซึ่งข้าราชการตามเสด็จลงไปอยู่หลังตําหนักแพนั้นเป็นการสมควร ด้วยประเพณีจะเสด็จออกจากพระราชวังไปในที่แห่งใด มีเสด็จพระราชดําเนินเยี่ยมไข้ และพระราชทานเพลิงเป็นต้น ท่านเสนาบดีและข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยก็ต้องไปรับเสด็จพระราชดําเนินทุกแห่ง การลอยพระประทีปนี้เป็นเวลาเสด็จออกจากพระราชวังเวลากลางคืน ก็สมควรจะมีข้าราชการลงไปรักษาอยู่ด้านหลังให้เป็นการมั่นคงแข็งแรงยิ่งกว่าเวลาอื่น เมื่อท่านผู้ใหญ่ปรึกษาพร้อมกันดังนี้แล้วก็ได้มาคอยเฝ้าประจำอยู่จนเวลาเสด็จขึ้นทุกวัน ทั้งเดือนสิบเอ็ดเดือนสิบสอง จนตลอดอายุของท่านผู้ต้นปรึกษาทั้งปวงนั้น ครั้นตกมาถึงแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ท่านเสนาบดีสำรับเก่ายังอยู่บ้าง สำรับใหม่ก็ทําตามกันเป็นธรรมเนียมยั่งยืนมา ในฤดูเดือนสิบเอ็ดมักจะยังไม่ขาดฝน ข้าราชการที่มาคอยรับเสด็จต้องเปียกฝน จึงโปรดให้ต่อเฉลียงเป็นหลังคาเก๋งออกมาจากฉนวน เป็นที่สำหรับข้าราชการเฝ้า แต่เฉลียงนั้นเป็นอย่างเตี้ยๆ สำหรับหมอบ ครั้นแผ่นดินปัจจุบันนี้เปลี่ยนเป็นยืน ข้าราชการเข้าไปยืนในนั้นก็ไม่แลเห็นหน้า ครั้นเมื่อปีจออัฐศกกีดทางแห่ลงสรงจึงได้รื้อเสีย ยังหาได้ทําขึ้นใหม่ไม่ แต่ท่านเสนาบดีที่มาเฝ้าอยู่ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น ครั้นภายหลังลงมาเสด็จลงลอยพระประทีปดึกๆ หนักเข้า สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ซึ่งเป็นหัวหน้าเสนาบดีอยู่ในเวลานั้น นอนหัวค่ำเว้นไม่ได้ มาบ้างไม่มาบ้าง จนปลายๆ ลงมา พอเกิดเลิกธรรมเนียมเสนาบดีเข้าวังก็เลยหายสูญไปด้วยกันทั้งหมด คงมาอยู่แต่ปลัดทูลฉลองและข้าราชการที่หมั่นๆ เฝ้าประจำอยู่ จนตลอดมาถึงแผ่นดินปัจจุบันนี้[๓]
กำหนดที่หมายในการเสด็จลงลอยพระประทีป พอเสด็จพระราชดำเนินถึงเกย ก็ชักโคมสัญญาณขึ้นที่เสาธง เมื่อโคมขึ้นแล้วจึงประโคมพิณพาทย์กลองแขกและแตรวงทั่วกัน เมื่อเสด็จลงประทับในเรือบัลลังก์แล้วรออยู่จนเรือตํารวจออกจับทุ่น จึงได้เสด็จพระราชดําเนินออกประทับที่ชานเรือบัลลังก์ พระเจ้าลูกเธอที่ทรงพระเยาว์บางองค์ออกประทับด้วย แต่มักใช้รัดตะคดรัดบั้นพระองค์ไว้กับเสาพนัก ข้างขวาเป็นที่สมเด็จพระบรมราชเทวี พระราชเทวี ประทับจุดเทียนข้างตอนท้ายเรือกระทงข้างซ้าย ธรรมเนียมในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้า มีพระเจ้าลูกเธอพระองค์หนึ่งบ้างสองพระองค์บ้าง คือกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพเป็นต้น ต่อนั้นไปเจ้าจอมอยู่งานที่เป็นคนโปรดผลัดเปลี่ยนกันอีก ๔ คน ครั้นมาถึงแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า แต่แรกเจ้าจอมอยู่งานจุด แต่ครั้นเมื่อมีเหตุการณ์ถ้อยความขึ้น ก็เปลี่ยนเป็นพระเจ้าน้องนางเธอ พระเจ้าราชวรวงศ์เธอจุด แล้วก็กลับเป็นเจ้าจอมอยู่งานบ้าง เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ในแผ่นดินปัจจุบันนี้ พระเจ้าน้องนางเธอจุดเสมอตลอดมา คงอยู่อย่างเช่นเมื่อในปลายแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอันใด เมื่อจุดเรือกระทงไปถึงเรือสำเภามาเป็นกําหนดจุดดอกไม้ จึงทรงจุดดอกไม้ชนวน เมื่อเรือดอกไม้เห็นดอกไม้ชนวนที่เรือบัลลังก์ จึงได้จุดดอกไม้มีพุ่ม, กระถาง, ระทา, พุ่มตะไล, พะเนียงมะพร้าว, กรวด, พลุ, มะพร้าว และมีเรือทหารในจุดดอกไม้น้ำในทุ่นชั้นในไปกว่าจะเสด็จขึ้น ในเรือบัลลังก์มีดอกไม้น้ำถวายทรงจุดสองตะลุ่ม
อนึ่ง ในเดือนสิบสองนี้ มีเรือผ้าป่าของหลวงเรียกว่าผ้าป่าบรรดาศักดิ์คืนละ ๘ ลํา ยึดทุ่นสายกลางอยู่ข้างเหนือน้ำ ผ้าป่านี้พระราชทานแด่พระราชาคณะ พระครูหัวเมือง ที่เข้ามาในการฉลองไตรเปลี่ยนไปวันละ ๘ รูป เวลาลอยพระประทีปแล้วทรงพระเต้าษิโณทกแล้วเสด็จขึ้น ลดโคมสัญญาณเป็นกําหนด
อนึ่ง การทอดผ้าป่าวิเศษซึ่งเป็นของหลวง แต่ก่อนเคยมีมาบ้างเป็นครั้งเป็นคราว แต่ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีผ้าป่าวัดปทุมวันติดๆ กันไปหลายปี พึ่งมาขาดตอนในปลายแผ่นดิน ในการผ้าป่านั้นเสด็จพระราชดําเนินโดยเรือกระบวนอย่างพระราชทานพระกฐิน เวลาบ่ายพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ในพระอุโบสถ มีเรือกระจาดผ้าป่าจอดเรียงรายอยู่ในน้ำหน้าพระอุโบสถ มีเครื่องประโคมพิณพาทย์และการเล่นคือเพลงและลาวขับแพนเป็นต้น เล่นในเรือเวลาสวดมนต์จบ ประทับแรมที่พระที่นั่งเก๋งที่ริมสระนั้นคืนหนึ่ง เวลารุ่งเช้าพระสงฆ์รับบิณฑบาตเรือในสระ ๓๐ รูป เวลาเพลรับพระราชทานฉันแล้ว เสด็จพระราชดําเนินกลับ
ในแผ่นดินปัจจุบันนี้ มีที่วัดปทุมวันครั้งหนึ่ง เป็นการเอิกเกริกโกลาหลยิ่งใหญ่
สวัสดี และขอจบเพียงเท่านี้
ร้อยเรียงจันทร์เจ้าขา
(T.Mon)
31/10/2020
โฆษณา