30 พ.ย. 2020 เวลา 12:46 • ประวัติศาสตร์
“ลีโอนาร์โด ดา วินชี (Leonardo da Vinci)” อัจฉริยะแห่งยุคเรเนสซองส์” ตอนที่ 3
“มิลาน”
มิลานเป็นเมืองที่มีมหาวิทยาลัยชื่อดัง หากแต่ก็ไม่มีศิลปินดังๆ อย่างที่ฟลอเรนซ์
1
แต่ถึงอย่างนั้น สฟอร์ซาก็ชื่นชอบศิลปะ และมักจะจัดงานเลี้ยง รวมทั้งงานรื่นเริงต่างๆ
นอกจากนั้น สฟอร์ซายังมองหาคนที่จะมาออกแบบอาวุธใหม่ๆ ให้อีกด้วย
ลูโดวีโก สฟอร์ซา (Ludovico Sforza)
ลีโอนาร์โดสนใจที่จะไปอยู่กับสฟอร์ซา โดยเขาได้เขียนจดหมายหาสฟอร์ซา เขียนบอกว่าตนนั้นมีความสามารถอะไรบ้าง
1
ลีโอนาร์โดกล่าวในจดหมายว่าตนสามารถออกแบบตึกและสะพาน รวมทั้งเรือรบและปืนใหญ่
ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าลีโอนาร์โดส่งจดหมายฉบับนี้หาสฟอร์ซาหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ สุดท้ายสฟอร์ซาก็ตกลงที่จะจ้างลีโอนาร์โด
ลีโอนาร์โดจึงเดินทางไปมิลาน และอยู่กับสฟอร์ซาเป็นเวลาหลายปี ก่อนที่สฟอร์ซาจะสิ้นอำนาจ
ลีโอนาร์โดขณะทำงานให้สฟอร์ซา
ในคราวที่หลานของสฟอร์ซาแต่งงาน ลีโอนาร์โดก็เป็นผู้ออกแบบเวทีและการแสดง โดยเวทีนั้นเป็นเวทีหมุน ฉากก็ตระการตา สมจริง สร้างความตื่นตาตื่นใจให้ผู้ชม
1
นอกจากงานใหญ่ๆ แล้ว ลีโอนาร์โดยังทำงานอื่นๆ อีก เช่น คิดหาวิธีในการทำให้น้ำร้อน เพื่อที่ดัชเชสส์จะได้อาบได้ และยังรับผิดชอบในการสร้างเขื่อน
สำหรับโครงการที่ลีโอนาร์โดทุ่มให้เป็นเวลานานหลายปี แต่ไม่เคยสำเร็จ นั่นคือการสร้าง “ม้า”
1
สฟอร์ซาต้องการรูปปั้นม้า และต้องเป็นม้าขนาดมหึมา ไม่ใช่แค่มีขนาดใหญ่ แต่ต้องใหญ่ที่สุดที่เคยมีมา
ลีโอนาร์โดใช้เวลาหลายปีในการออกแบบรูปปั้นม้า ทั้งยังลงไปศึกษาสรีระของม้าในคอกของสฟอร์ซา ทำแม้กระทั่งผ่าดูกล้ามเนื้อของม้าที่ตายแล้ว
2
สเก็ตช์รูปม้าของลีโอนาร์โด
ม้าของลีโอนาร์โดจะมีขนาดใหญ่กว่าม้าจริงๆ ถึงสามเท่าและทำจากทองสัมฤทธิ์ อีกทั้งต้องมีการใช้เหล็กในการสร้างกว่า 80 ตัน
1
ภายหลังจากทุ่มให้กับโครงการนี้มาถึง 10 ปี ลีโอนาร์โดก็สามารถปั้นม้าทั้งตัวจากดินเหนียวได้สำเร็จ และนำไปตั้งไว้ในสวนในปราสาทของสฟอร์ซา
ม้าต้นแบบนี้สูงถึง 24 ฟุต (สูงกว่าเจ็ดเมตร) และทำให้ผู้คนทั้งมิลานสนใจ เดินทางมาดูม้าตัวนี้
1
แต่ถึงผู้คนจะสนใจ งานชิ้นนี้ก็ยังไม่เรียบร้อย
ลีโอนาร์โดต้องสร้างม้าจากเหล็กจริงๆ
สฟอร์ซาได้จัดหาเหล็กจำนวนมากมาให้ลีโอนาร์โด หากแต่ยังไม่ทันจะได้ใช้เหล็กเหล่านี้ ก็ได้เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นซะก่อน
ในปีค.ศ.1494 (พ.ศ.20237) สฟอร์ซาเกรงว่าฝรั่งเศสจะเข้าโจมตี สฟอร์ซาจึงต้องนำเหล็กและทองสัมฤทธิ์ที่จะสร้างม้าไปทำปืนใหญ่
3
แต่ถึงอย่างนั้น สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้แก่ฝรั่งเศส และมิลานก็ตกอยู่ในมือฝรั่งเศสในปีค.ศ.1499 (พ.ศ.2042)
1
สำหรับรูปปั้นม้าที่ทำจากดินเหนียวของลีโอนาร์โดนั้น ก็กลายเป็นที่ฝึกซ้อมยิงเป้าของทหารฝรั่งเศส
1
ทหารฝรั่งเศสยิงธนูใส่รูปปั้นม้าจนมันทรุดโทรม และพังลงในที่สุด
2
ผลงานที่ลีโอนาร์โดทุ่มเทเวลามานานหลายปีพังทลาย ความฝันทั้งหมดพังลงทันที
แต่นอกจากงานปั้นม้า ลีโอนาร์โดยังได้รับคำสั่งให้วาดรูปบนผนังในอารามที่สฟอร์ซาตั้งใจว่าจะใช้เป็นที่ฝังร่างของตนเมื่อตายไปแล้ว
ในอารามนั้นกว้างใหญ่มาก และลีโอนาร์โดก็ตัดสินใจจะเลือกวาดภาพช่วงเวลาท้ายๆ ของพระเยซู ขณะที่พระองค์กำลังเสวยพระกระยาหารกับผู้ติดตามทั้ง 12 คน
1
นี่คือภาพ “พระกระยาหารมื้อสุดท้าย (The Last Supper)”
3
พระกระยาหารมื้อสุดท้าย (The Last Supper)
ภาพๆ นี้กลายเป็นหนึ่งในภาพที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก และดึงดูดผู้คนมาดูเป็นจำนวนมาก
พระกระยาหารมื้อสุดท้ายเสร็จสมบูรณ์ในปีค.ศ.1497 (พ.ศ.2040) และเป็นที่ฮือฮาไปทั่วอิตาลี และยังโด่งดังมาจนถึงทุกวันนี้
ในช่วงที่ลีโอนาร์โดอยู่ในมิลานนี้เอง ลีโอนาร์โดได้อุปการะเด็กชายคนหนึ่ง ชื่อ “เกียโคโม (Giacomo)” หรือ “ซาไล (Salai)”
ซาไล (Salai)
ซาไลนั้นเป็นลูกศิษย์ที่แย่ เขาทั้งขี้โกหก ทำข้าวของเสียหาย ขโมยเงินจากลีโอนาร์โดและคนอื่นๆ
ลีโอนาร์โดได้เขียนลงในสมุดบันทึกว่า “ซาไลเพียงคนเดียว ทานอาหารเท่ากับคนสองคน ก่อปัญหาเท่ากับคนสี่คน”
1
แต่ถึงอย่างนั้น ลีโอนาร์โดก็เอ็นดูซาไล
ลีโอนาร์โดมักจะให้ของขวัญแก่ซาไล และถึงแม้ซาไลจะทำตัวแย่แค่ไหน แต่ลีโอนาร์โดก็ไม่เคยไล่ซาไลออกไปจากบ้าน
ซาไลนั้นอยู่กับลีโอนาร์โดตลอดชีวิต และดูเหมือนจะเป็นมากกว่าลูกศิษย์หรือคนรับใช้
ลีโอนาร์โดมักจะอยู่คนเดียว คิดอะไรเงียบๆ ไม่ได้มีเพื่อนมากนัก และก็ไม่มีครอบครัว
บางทีซาไลอาจจะเป็นเพียงคนเดียวที่ใกล้เคียงคำว่า “ครอบครัว” ที่สุดสำหรับลีโอนาร์โด
ชีวิตของลีโอนาร์โดจะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามได้ในตอนหน้านะครับ
โฆษณา