2 ธ.ค. 2020 เวลา 06:55 • ความคิดเห็น
เรากำลัง​อยู่​ในโลกที่เรียกกว่า......
Vuca world
Vuca World คืออะไร??
V- Volatility คือ ความผันผวนสูง
U-Uncertainty คือ สภาวะที่มีความไม่แน่นอนสูง
C-Complexity คือ ความซับซ้อนที่มากขึ้นเรื่อยๆ
A-Ambiguity คือ ความคลุมเครือ
ทั้งหมดนี้ล้วนบ่งบอกว่า โลกใบนี้ ไม่มีความแน่นอนอีกต่อไป อะไรที่เคยเรียบง่าย ปัจจุบันก็กลายเป็นซับซ้อน แถมไม่ชัดเจน
ลองคิดกันดูง่าย ๆ ว่า ถ้าลองให้วางแผนในระยะยาว เมื่อ 10 ปีที่แล้ว คงเป็นเรื่องที่ง่าย ไม่ต้องมาคิดซับซ้อนคิดเยอะ และไม่ต้องมีแผนสำหรับรับมือการเปลี่ยนแปลงสักเท่าไหร่นัก
แต่กลับกันในยุคปัจจุบัน แค่วางแผนว่า 6 เดือนข้างหน้าจะเป็นยังไง ยังยากเลย ไม่ต้องไปคิดเรื่องวางแผน 3 ปี 5 ปี เหมือนในอดีต
เพราะเรากำลังอยู่ในยุคที่ การพัฒนาการเป็นไปในแบบก้าวกระโดด!!
เท่านั้นยังไม่พอ เรากำลังอยู่ในยุคที่ เกิดการต่อสู้ของ แอนาลอค และดิจิทัล อย่างชัดเจน
ไม่ใช่ อุปกรณ์ อิเลกโทรนิคแต่อย่างใด แต่นั่นคือ คน!! นั่นเอง
แน่นอนว่า สถานการณ์ทางการเมืองต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ เราเห็นความแตกต่างทางความคิด ที่เกิดขึ้นจาก "การรับรู้" และ "ความทรงจำ" ที่ไม่เหมือนกัน
การรับรู้ในอดีต คือการเรียนตามตำรา ท่องจำตามหนังสือ ใครบอกอะไร ว่าอะไร ก็เป็นไปตามที่บอก ไม่มมีโอกาส จะมาตั้งคำถาม หรือ แสวงหาข้อมูล เพราะข้อมูล มีแต่ในห้องสมุด กว่าที่ความรู้ จะเผยแพร่ต่อเป็นวงกว้างได้ ค่อนข้างช้า คนหนี่งคนต้องอ่านหนังสือ ถึงจะรู้ ถึงข้อมูล และถ้าหนังสือมีเล่มเดียว ก็ต้องต่อคิวรอ เพื่อที่จะเข้าถึงข้อมูลนั้น
แต่การรับรู้ในปัจจุบัน แตกต่างโดยสิ้นเชิง เรา แค่พิมพ์ "คีย์เวิร์ด" ลงไปใน Browser ไม่ว่าจะเป็นทางคอมพิวเตอร์ หรือ ทางโทรศัพท์ ก็เจอข้อมูลมหาศาลแล้ว ทั้งข้อมูลในประเทศ และต่างประเทศ
2
จึงไม่แปลกที่ เรื่องเดียวกัน การรับรู้ ถึงแตกต่างกัน เพราะชุดข้อมูลที่ได้รับแตกต่างกัน
1
อีกเรื่องหนึ่งก็คือ "ความทรงจำ"
ชีวิตของผู้ที่ใช้ชีวิตมาอย่างโชกโชน ย่อมมีความทรงจำมหาศาล ย่อมมีเรื่องที่ประสบพบเจอมามากมาย ผิดกับ กลุ่มคนที่ใช้ชีวิตมาเพียงไม่นาน
10 ปีที่แล้ว มีคนอินกับ การชุมนุม สีเสื้อแดง แต่ความทรงจำของใครบางคนคือ การใช้ความรุนแรง และเผาทำลาย
1
ด้วยประสบการที่แตกต่างกัน การรับรู้ และความรู้สึกที่ได้รับ จึงแตกต่างกัน นำมาสู่ความทรงจำ ที่ได้จดจำ แตกต่างกัน
เมื่อ "การรับรู้" และ "ความทรงจำ" แตกต่างกันมากเกินไป ก็นำมาสู่ความขัดแย้ง ในที่สุด
ตามความเห็นของ Yuval Noah Harari (ผู้เขียนหนังสือ Sapiens, Homo Deus) พูดถึงยุค 3 ยุค
ยุคที่ 1 คือยุคที่คน อยู่ได้เพราะ ศรัทธา (Faith)
เราจะทำอะไร คิดอะไร มีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ (ชาติ ศาสนา กษัตริย์)
ยุคที่ 2 คือยุดแห่ง เสรีนิยม (Free will)
เราจะทำอะไร ก็เป็นสิทธิของเรา ไม่มีใครมาห้ามได้ ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียม
ยุคที่ 3 คือ ยุคแห่งข้อมูล (Data)
เราจะทำอะไร ใช้ข้อมูลเป็นหลัก บางครั้งถูกข้อมูลชักจูงให้ทำ
ยกตัวอย่างเรื่องการทำแท้ง
ถ้าเป็นคนในยุคแรก แค่เปิดตำรา หรือกฎที่ระบุไว้ จะรู้ได้อย่างชัดเจนว่าผิด หรือถูก
แต่เมื่อมาในยุคของเสรีนิยม ก็บอกว่า สามารถทำแท้งได้ไม่ผิด
และถ้าเป็นยุคของข้อมูล ก็จะใช้สถิติ เป็นตัวตัดสิน หรือชี้วัด ในแต่ละด้านแทน
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ เรากำลังอยู่ในยุคที่ คนทั้ง 3 แบบใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน และคงใช้อยู่ร่วมกันไปอีกนาน
จึงไม่น่าแปลกใจว่าที่เราจะเห็นการกระทบกระทั่ง ทางความคิด ที่เกิดขึ้นให้เห็นในปัจจุบัน
ซึ่งถ้าถามว่าจะจบลงเมื่อไหร่นั้น ไม่มีใครรู้คำตอบ
เพราะนั่นคือเสน่ห์ ของยุค VUCA World นั่นเอง
นี่คือมุมมองความคิดของ ทั้งพี่โจ้ ธนาเธียรอัจฉริยะ และ พี่ตั้ม หนุ่มเมืองจันทร์ ที่มองตรงกันว่าโลกในปัจจุบัน นั้นไม่มีความแน่นอนและคาดเดาได้ยากมากเหลือเกิน
สุดท้ายคำตอบว่าจะหาทางออกยังไงในโลกปัจจุบัน ให้ลองย้อนกลับไปอ่าน 2 ตอนที่แล้วดูนะครับ
มีมุมมองทางการเมืองมาเสริมให้อีกนิดครับ นั่นก็คือ ประเทศไทยของเรา ยังขาดคนที่ จะพาประเทศรวมเป็นหนึ่งเดียว คือ ถ้าใครก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตอนนี้ จะมีคนสาดสีหรือทาสีว่าอยู่ฝั่งไหนข้างไหน และไม่มีใครที่เหมือนเป็นคนกลางพอที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำ ซึ่งเป็นที่ยอมรับของทั้ง 2 ฝ่ายได้
โฆษณา