Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เป็ดกัดเต่า
•
ติดตาม
3 ธ.ค. 2020 เวลา 02:00 • ท่องเที่ยว
ประสบการณ์ 101 : นี่หรือ!?! เชียงใหม่ การเดินทางแบบที่พระเจ้าสั่งไว้ไม่ให้ขึ้นเขา
ตอนที่ 1 มากับฝนและบัวลอย
เครื่องบิน Take off จากสนามบินสุวรรณภูมิตอนสองทุ่มกว่า ลอยเหนือน่านฟ้าอยู่ราวหนึ่งชั่วโมง ยี่สิบนาที ก็มีอันต้องลงสู่สนามบินเชียงใหม่ในที่สุด บรรยากาศด้านนอกนั้นไม่ได้มีวี่แววของลมฝนมาหลายวัน แต่ดันมามีก็เอาตอนที่เครื่องบินเรากำลังฝ่ามานี่เอง เครื่องโคลงเคลงฝ่าเมฆฝนใหญ่ ขณะที่ภายในห้องเครื่องดับไฟมืด มีเพียงแสงวูบวาบของไฟนอกเครื่องบินชวนผวาใจ แล้วมันก็เกิดขึ้น ขณะที่อีกเพียงอึดใจก็จะได้ลงจอดนั้น เครื่องบินวูบไหวจนใจหล่นร่วงไปอยู่ที่ผืนแผ่นดินที่โหยหาไปเรียบร้อยแล้ว มีเสียงหวีดหวายของผู้คนบนเครื่องให้พอได้ยินอยู่บ้าง รถไฟเหาะบนเครื่องบินมันเป็นแบบนี้นี่เอง เหงื่อเม็ดซึมออกตามหน้าผากจนต้องปาดทิ้งครั้งแล้วครั้งเล่า แต่แล้วในท้ายที่สุดนั้นเอง เครื่องก็ลงจอดอย่างปลอดภัยบนนครล้านนาแดนเหนือแห่งนี้ได้ในที่สุด
ด้วยความที่เรามาถึงก็ดึกดื่นกันแล้ว ที่ด้านนอกสนามบินนั้น มีคนขับแท็กซี่รอต้อนรับขับสู้ แก่งแย่งเราเหล่าลูกค้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร พวกเราวางแผนกันมาอย่างดีว่าจะขึ้นบัสราคา 20 บาทให้ไปส่งเราแถวๆ ที่ใกล้โรงแรม แต่เมื่อเราออกมายืนกันด้านนอกก็พบว่า ฝนโปรยปรายลงมาพอเปาะแปะ แต่ก็มากพอจะทำให้ทุกสิ่งอย่างที่พวกเราขนกันมานั้น เปียกปอนก่อนจะถึงที่พักได้อย่างไม่ต้องสงสัยเลย เราจึงตัดสินใจ เดินตรงดิ่งไปหาลุงคนขับคนหนึ่ง เหมือนตรงเข้าไปหยิบอาหารลดราคาตอนสามทุ่มในท็อปส์ซุปเปอร์มาร์เก็ต ตกลงให้เสร็จสรรพว่าต้องการจะไปที่ไหน แล้วราชรถของเราก็ดิ่งตรงมาหา รถยนต์สีขาวมาจอดลงตรงหน้า เพื่อนผู้โหยหาการนั่งพักตรงดิ่งไปหาก่อนที่จะพบว่า รถตู้สีขาวคันเขื่องอีกคันข้างๆ ต่างหาก ที่เราจะได้โดยสารกันในค่ำคืนนี้ สามคนบนรถตู้กำลังจะเริ่มต้นการท่องแดนเหนือกันแล้ว
แรกทีเดียว เราก็ไม่แน่ใจนักว่านี่มีเราแค่สามคนจริงๆ นะเหรอ หันไปมองด้านหลังรถด้วยความวังเวงใจแล้วหันกลับมาถามพี่คนขับที่ชื่อ พี่เข็ม ว่า “มีแค่เราสามคนจริงๆใช่ไหมครับ ราคา 150 นี้”
พี่เข็มหันหน้ามามองชม้ายชายตาเล็กน้อย ก่อนจะพูดว่า “น้องเห็นใครหรอ?!?” เป็นอันว่าราคานี้คงถูกแล้วแหละเนอะ พวกเราก็ได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อนกันไป แม้ใจในไม่ได้คาดหมายถึงสิ่งนั้นเลยก็ตาม ก็แค่จะถามราคาให้ชัวร์เท่านั้นเอง!! แล้วพวกเราก็เริ่มยิงคำถามไปอีกครั้ง “เราจะไปแม่โถ อำเภอฮอด นี่ต้องไปยังไงหรอจ๊ะ”
“พวกน้องจะไปทำอะไรกันเหรอ พี่ไม่เคยเห็นใครเค้าจะไปที่นั่นกันเลย” เหมือนเป็นการตอกย้ำความ Unseen สุดหัวใจของสถานที่นี้ให้ตอกติดจมลึกลงไปในหัวสมองว่า “พระเจ้าจะเล่นตลกอะไรกับพวกเราอีกกันนะ” ก่อนหน้านี้ ผมได้โทรศัพท์ไปถามไถ่ถึงการจองเต้นท์นอน รถ และไกด์นำทางกับทางหมู่บ้านเอาไว้ เค้าก็บอกว่า ปกติก็ไม่ค่อยจะมีใครมาด้วยรถประจำทางกันหรอก นั่นคือลางสังหรณ์แรกที่บอกกับเราว่า ที่นี่มันไปไม่ง่ายหรอกนะ แต่ก็เอาเถอะ ที่แปลกๆ แบบนี้ น่าจะเอามาเขียนคอนเทนต์ดีดีให้คุณผู้อ่านได้อ่านบ้างแหละน่า ปลอบใจตัวเองเช่นนั้นแล้ว ก็เริ่มถามไถ่ถึงเชียงใหม่ในวันที่โควิดล้างบางเม็ดเงินเดินได้ไปเสียหมด
เชียงใหม่ในวันนี้เงียบเหงาลงมาก เพราะขาดนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะเหล่าทัวร์จีนที่เคยแห่แหนกันมาราวกับสถานที่แห่งนี้เป็นสวรรค์ ผมได้มีโอกาสมาเชียงใหม่ครั้งแรกเมื่อตอนต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งสิ่งที่สังเกตเห็นได้ชัดเจนเลยคือ คนน้อยลงชนิดที่ว่า ร้านรวงหลายแห่งปิดไปเลยหล่ะ ถ้ามองในฐานะนักท่องเที่ยวแล้วนั้น ผมคิดว่า มันคือนาทีทองของการท่องเที่ยวเชียวหล่ะ เพราะคุณจะไม่ต้องไปเบียดเสียดกับใครให้วุ่นวาย กับเหล่าสถานที่แลนด์มาร์คหลายๆ แห่ง
ตอนนั้นก็คิดแบบนี้แหละ แต่อย่าได้ดูถูกอานุภาพของทัวร์ไทยสายถ่ายรูปเด็ดขาด เตือนแล้วนะ!!
นี่ไม่ใช่หน้าบ้านใคร แต่คือโณงแรมที่เราจะพักกันในค่ำคืนนี้
ในที่สุดเราก็มาถึงที่พักแรกในค่ำคืนนี้ ที่นี่เราจองกันผ่าน Agoda ด้วยราคาที่ 600 กว่าบาทกับห้องสำหรับนอน 4 คน ที่พักแห่งนี้มีชื่อว่า "ศรีดอนไชย แฮริเทจ" เป็นคล้ายๆ บ้านมากกว่าที่จะเป็นห้องพักครับ การตกแต่งถือว่ามีสไตล์แบบที่เจ้าของเค้าคงอยากจะให้เป็น มีมุมถ่ายรูปเยอะแยะไปหมด พร้อมเปียโนวางเอาไว้ข้างเคาร์เตอร์บริการ เราได้พบกับพี่ชายใจดีเป็นผู้รับเราเข้าสู่บ้านทรายทองหลังนี้ ความตื่นตาค่อยๆ เลือนหายไป เมื่อเราพบว่า ห้องที่เราจะไปอยู๋ในค่ำคืนนี้ อยู่ที่ชั้นหกของโรงแรมซึ่งไม่มีลิฟท์บริการ โชคยังดีที่มีลิฟท์สำหรับขนกระเป๋าพอให้บรรเทาความเหนื่อยลงไปได้บ้าง ถือซะว่าซ้อมปีนขึ้นดอยก็แล้วกันละนะ
ชอบห้องนี้มากเลยครับ กระจกรอบด้าน
ห้องเป็นแบบ Panoramic Window ที่มีหน้าต่างแทบจะรอบห้อง โดยส่วนตัวผมชอบห้องนี้มากเลยละครับ แม้ว่าจะไม่ได้มีอะไรให้ว้าวมาก แต่กับราคานี้ ถือว่าที่นี่ตอบโจทย์ผมเป็นที่สุด น่าเสียดายที่เราจะได้พักค้างอ้างแรมที่นี่แค่เพียงคืนเดียวเท่านั้นเอง ก่อนจะไปเผชิญหน้ากับธรรมชาติให้เต็มตาเต็มปอดกันบนดอยในวันรุ่งขึ้น
ว่าแล้วก็แจกลิงก์สักหน่อยครับ ถือว่าช่วยผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวแหละเนอะ
facebook.com
Sridonchai Heritage
Sridonchai Heritage. 1,565 likes · 2 talking about this · 898 were here. Vintage Boutique Bed & Breakfast, decorated with a perfect combination of European style and Northern Thai style with 8 rooms,...
อ่านเพิ่มเติม
ด้วยความตื่นตาตื่นตัว เราพากันเดินลงจากชั้นหกหลังจัดแจงสิ่งของต่างๆ วางอย่างเป็นที่ทางเรียบร้อยแล้ว พกเสื้อกันฝนแล้วมุ่งออกไปสู่เมืองชั้นในด้วยการเดินกัน แต่เพียงก้าวเท้าออกมาได้ไม่ครบ 7 ก้าวดี ข้างๆ กันนั้น พวกเราได้พานพบกับรักแท้ที่ตามหามานานของเมืองเชียงใหม่เสียแล้ว มันคือ "ร้านบัวลอยกำแพงดิน" เราลังเลใจในทีแรกว่าจะกินเลยเหรอ ไม่เผื่อกลับมาเหรอ แต่ผมก็ลั่นวาจาอันศักดิ์สิทธิ์ออกไปว่า “กินเลยเถอะ เดี๋ยวร้านปิด” ก็เป็นอันชัดเจนว่า เราคงต้องก้าวเท้ากันเข้าไปในร้านเสียแล้วหล่ะ
เก็บโต๊ะกันยกใหญ่ เป็นสัญญาณว่ายังไงก็ต้องมากิน
ถ้ามีการจัดอันดับ 100 ร้านบัวลอยที่ดีที่สุดในประเทศไทย ผมคงต้องยกให้ร้านนี้เป็นอันดับต้นๆ ของบัวลอยแห่งสยามประเทศเลยละครับ ด้วยราคา 35 บาทต่อถ้วยที่มาแบบครบเครื่อง ทั้งบัวลอยหนืบหนุบหนับ เขี้ยวคับปากกำลังดี เครื่องต่างๆ อย่างข้าวโพดหรือเผือก และไข่หวานลาวาหยาดเยิ้ม ควงคู่มากับไข่เค็ม มัน หอม ตัดรสกะทิหวานกำลังดี นี่คือสิ่งที่ต่อให้เอามิลล์เฟยมาแลกผมก็ยังต้องคิดหนักเลยว่าจะกินอะไรก่อนดี ฮ่าๆ
อร่อยจริงๆ นะ ไม่รู้จะบรรยายยังไงเลย
อวยซะใหญ่โตโอฬาร แต่บอกได้เลยว่า ถ้าคุณมาเชียงใหม่แล้วไม่ได้กินร้านนี้เนี่ย ก็ไม่เป็นไรหรอก แค่จะบอกว่าคุณกำลังจะพลาดเพชรเม็ดงามไปเสียแล้วหล่ะ อ้อ ร้านดูเหมือนจะปิดวันศุกร์นะครับ เพราะตอนที่เราจะกลับไปกินอีกครั้งเป็นการส่งท้าย มันก็หายไปเสียแล้ว บางครั้งผมก็คิดนะ ว่าผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหม ร้านบัวลอยอะไรจะอร่อยลืมโลกได้ขนาดนี้
เมนูก็ไม่แพง อร่อยลืมโลกจริงๆ
แปะ Facebook ให้อีกร้านที่อยากให้มากินกันเยอะ ๆ ครับ
facebook.com
บัวลอยกำแพงดิน
บัวลอยกำแพงดิน. 2,916 likes · 11 talking about this. บัวลอยกำแพงดิน เมนูหลากหลาย TEL : 097-0960425 หรือ 084-1749724 IG: BUALOY_KAMPANGDIN twitter:@bualoykompangdin
หลังผ่านสมรภูมิบัวลอยแรกมาแล้ว เราก็เริ่มออกเดินทางสำรวจเมืองหาอะไรกินกันต่อ พวกเราเดินไปตามที่ Google Map ได้บอกเอาไว้สู่คูเมืองที่อยู่ห่างออกไปนิดหน่อย ดูเหมือนคืนฝนตกจะไม่ได้มีอะไรให้เราได้ชื่นชมกันมากนัก นอกเสียจากขนมไทยนานาชนิดอีกร้านหนึ่ง จริงๆ แล้วร้านนี้ก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากหรอกครับ เว้นก็แต่ ขนมไทยร้านนี้รสชาติไม่หวานมากก็เท่านั้นเอง ผมกัดขนมสังขยาไปหนึ่งคำ เนื้อนวลเนียนนุ่มนิ่ม ละลายในปาก ขณะที่ฝนปรอยลงบนไหล่ซ้าย มันช่างดีเสียเหลือเกิน (ดูท่าจะเพ้อเกินไปหน่อยแล้ว)
คูเมืองในคืนที่ฝนตกพรำๆ
เจ๊ฮวย มาลองนะ
พวกเรานึกขึ้นได้ว่า พี่เข็ม เจ้าของรถตู้ที่พาเรามาที่นี่บอกกับพวกเราว่า “นี่ดีนะน้อง ที่พักอยู่ใกล้กับร้านไก่ทอดเที่ยงคืนพอดิบพอดี” เมื่อวันก่อนนี่เองที่ผมได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของไก่ทอดร้านนี้จาก Youtube ช่องหนึ่ง ดูเหมือนนี่จะเป็นการตีตราตอกย้ำความ ต้องหากิน ให้ชัดเจนขึ้นอีกเสต็ปหนึ่ง แน่นอนว่า พวกเราไม่รอช้าที่จะเดินไปหามันมาให้ได้
แต่ก็อย่างว่าละนะ พระเจ้าคงจัดสรรมาให้แล้วว่า วันนี้คาร์บของพวกเจ้า เกินเป้าหมายไปแล้วนะ ถึงไก่จะเป็นโปรตีน แต่ก็ช่างเถอะ ข้าไม่ให้กิน ไปยืนหน้าร้านที่ปิดเงียบยังไงก็ไม่ได้กินนั่นหล่ะ พอได้สดับรับรู้ดังนั้นแล้ว พวกเราก็ได้แต่เดินคอตกกลับมายังที่พักกันอย่างงงๆ อ้าว ฝนหยุดตกแล้วนี่นา หมดเวลาสนุกแล้วสิ….
1 บันทึก
8
4
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
นี่หรือ!?! เชียงใหม่ การเดินทางแบบที่พระเจ้าสั่งไว้ไม่ให้ขึ้นเขา
1
8
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย