ประสบการณ์ 101 : นี่หรือ!?! เชียงใหม่ การเดินทางแบบที่พระเจ้าสั่งไว้ไม่ให้ขึ้นเขา
ตอนที่ 3 ตะลุยคูเมือง
ถึงคูเมืองสักที….
ในที่สุดหลังจากตรากตรำกรำแดดแรงกล้าไม่ต่างกับการเดินริมฟุตบาทในประเทศกรุงเทพ ในที่สุดเราก็มาถึงที่ที่เราตั้งใจจะมากันในตอนแรกแล้วละครับ เห็นกำแพงอยู่รำไร พวกเราไม่รอช้าที่จะเข้าไปชักภาพถ่ายรูปกันอยู่สักหน่อย ให้สมกับที่ได้มาเมืองเชียงใหม่กันสักหน่อยครับ
ความเข้มขลังอย่างหนึ่งของเมืองเชียงใหม่คือผังเมืองตรงกลางที่เป็นคูเมืองสี่เหลี่ยมจตุรัส แล้วล้อมกรอบด้านนอกด้วยถนนที่เชื่อมต่อกันเป็นวงกลมอีกทีหนึ่งครับ คูเมืองชั้นในนั้นจะมีกำแพงเมืองสีน้ำตาลอ่อน ดูแล้วได้เสน่ห์ความโบราณกาลเก่ามากๆ เลยละครับ วัดวาอารามแน่นขนัดให้เราได้เห็นแทบจะทุกก้าวเดิน มีประตูทั้งหมด ห้าประตูที่นำพาเราข้ามคลองเข้ามายังเมืองชั้นในได้ ได้แก่
ประตูช้างเผือก ซึ่งเป็นประตูทางทิศเหนือของคูเมืองครับ มีสถานที่ท่องเที่ยวหนึ่งที่สวยงามมากๆ แต่พวกเราไม่ได้เข้าไปนั่นก็คือ วัดโลกโมฬี และหมูกระทะช้างเผือก รวมถึงตลาดช้างเผือกที่มีบะหมี่กระดาษก็ตั้งอยู่ทางประตูแถบนี้เช่นกันครับ
วัดโลกโมฬีที่ได้แต่ถ่ายรูปด้านนอกมา
ประตูเชียงใหม่ เป็นประตูที่อยู่ทางทิศใต้ของคูเมืองครับ สถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆ เลยก็คือ ถนนคนเดินวัวลายที่จะเปิดให้เราได้เข้ามาเดินหาของกินกันให้หนำใจ พร้อมร้านค้าสไตล์ภาคเหนือมากมายให้ได้มาจับจ่ายกันอย่างสนุกสนานเลยละครับ ใครพลาดไม่ได้มาที่นี่ถือว่าผิดมาก แบบที่พวกเราก็พลาดมาในครั้งนี้ละนะ ฮ่าๆ สิ่งสำคัญก็คือว่า ถนนคนเดินวัวลาย เปิดเฉพาะวันเสาร์นะครับ ใครมาแล้วไม่เจออะไร ก็ให้รู้ว่าคุณมาผิดวันนะครับ
ประตูท่าแพ ประตูทางทิศตะวันออก ซึ่งพวกเราเดินมาเกาะกำแพงเขายืนอยู่ขณะนี้นี่เองครับ ทางฝั่งประตูนี้เราจะได้เจอกับ นกพิราบที่กำลังถูกก่อกวนเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มาถ่ายรูปลงติ๊กต่อกกันครับ เอาจริงๆ ผมแอบสงสารนกอยู่เหมือนกันนะ ที่นี่ก็มีถนนคนเดินครับ เพียงแต่เปิดเฉพาะวันอาทิตย์เท่านั้น อย่าจำสลับวันกับวัวลายเชียวนา ถ้าดูตามแผนที่ ประตูท่าแพจะพาเราตรงดิ่งไปยังศูนย์กลางของคูเมืองซึ่งเป็นที่ตั้งของ วัดเจดีย์หลวง ซึ่งจะอยู่ทางทิศใต้ และอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือครับ ใครเป็นคนหลงง่าย ผมแนะนำให้มาเริ่มจากจุดนี้จะเป็นการดีที่สุดครับ
ประตูสวนดอก ประตูทางทิศตะวันตก ซึ่งถ้าตรงเข้ามาแล้วเลี้ยววกสักหน่อย ประตูนี้จะพาเราไปยังวัดพระสิงห์วรมหาวิหารครับ ที่นี่เป็นที่ตั้งของพระพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของเมืองเชียงใหม่นั่นเอง เห็นเค้าปิดซ่อมปรับปรุงตั้งแต่ต้นปีมาแล้วละครับ อาจจะต้องรอชมความงามกันอีกสักหน่อยนะ
ประตูสวนปรุง น่าจะเป็นประตูที่ป๊อปน้อยที่สุดแล้วละครับ เป็นประตูทางทิศใต้ สายเดียวกับประตูเชียงใหม่ วัวลายนั่นเอง ถ้าหันหน้าเข้าหาประตู มองไปทางทิศเหนือเราจะได้เจอกับสวนสาธารณะขนาดกลางที่มีชื่อว่า หนองบวกหาด ครับ ใครมีเวลาแวะไปนั่งสบายๆ กันได้นะ
เกริ่นมาซะยืดยาว ในที่สุดเราก็มาอยู่ตรงหน้า วันเจดีย์หลวงกันแล้วละครับ ถ้าหากดูหน้าตาด้านหน้าวัดก็จะเห็นเป็นเพียงวัดแห่งหนึ่งไม่ต่างกับวัดวาที่เดินผ่านๆ กันมา แต่ความพิเศษของวัดแห่งนี้ก็คือ พระธาตุสูงใหญ่โอ่อ่าอลังการที่อยู๋ด้านในต่างหากละครับ พวกเราโชคดีมากๆ ที่มาที่นี่กันในวันธรรมดา เพราะคนไม่มีชนิดที่ว่า จะถ่ายภาพมุมไหนกับพระธาตุ ก็ไม่ติดคนทั้งนั้น ใครผ่านมาทางนี้ ต้องไม่ลืมแวะนะ ความยิ่งใหญ่ของที่นี่ทำผมละสายตาจากไปไม่ได้เลยละครับ
ที่ข้างกันนั้นมีกาแฟในวัดอยู่ร้านหนึ่ง จะอ่านว่า อารักษา ก็คงจะได้มั้ง แต่ชื่อจริงๆ ของร้านกาแฟแห่งนี้คือ อารักษ์ ครับ ร้านกาแฟแห่งนี้เป็นร้านกาแฟเล็กๆ ที่ตั้งตัวอยู่ข้างพระธาตุแบบ นั่งจิบกาแฟมองยังได้เลยหล่ะ ผมมาที่นี่สองครั้งแล้วครับ และต้องบอกว่า เหมาะกับสายกาแฟเข้มหน่อย เพราะที่นี่กาแฟมีความเข้มสะใจจน สายอ่อนแบบผมอาจจะไม่ชอบก็ได้นะ เมนูที่ผมสั่งมานี่ตั้งใจเทียบกับร้านแรกเมื่อคราวที่แล้วอย่าง Chapter 2wo โดยตรงเลยละครับ กับเมนู Americano Lychee Rose ที่นอกจากกาแฟลิ้นจี่แล้วยังผสมกลิ่นกุหลาบ และโรยหน้ากุหลาบมาให้ด้วย อย่างที่บอกไปนะครับว่า กาแฟร้านนี้เข้ม ทำให้เราได้รสชาติขมของกาแฟตัดหวานเปรี้ยวของลิ้นจี่ที่เสริมความละมุนด้วยกุหลาบได้เป็นอย่างดี คงจะบอกไม่ได้ว่ากาแฟร้านนี้ดีรึเปล่า เพราะขณะนั่งจิบไป ใจก็อยู่กับพระธาตุข้างๆ ไม่จางหายไปเลยจริงๆ
แปะลิงก์ช่วยผู้ประกอบการนิดนึงครับ
จากวัดเจดีย์หลวง เราเดินลัดเลาะแวะเยี่ยมเยือนวัดพระสิงห์อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเลี้ยวไปทางทิศเหนือตรงไปตามถนน ยังร้านคาเฟ่อีกแห่งอย่าง Fern Factory Cafe ครับ คาเฟ่สไตล์เฟิร์นๆ ที่ร่มรื่นย์ด้วยต้นไม้จัดแต่งอย่างสวยสดงดงาม เอาจริงๆ ก็ไม่ได้ตั้งใจให้โปรแกรมวันนี้มันจะสายคาเฟ่หนักขนาดนี้หรอกนะครับ แต่ไหนๆ มาแล้วก็เอาหน่อยแล้วกัน เนื่องจากว่า วันนี้ผมซัดกาแฟไปสองแก้วแล้ว เลยขอพักกาแฟมาต่อกันที่ขนมหวานกันแทนครับ เมนู พายมะพร้าวที่นี่ ต้องบอกว่า ตั้งแต่ได้ลองลิ้มชิมรสมา พายมะพร้าวที่นี่หอมอร่อยที่สุดเลยหล่ะ ยกให้เป็นหนึ่งในพายมะพร้าวภาคเหนือที่คุณต้องมาลองเลยนะ อีกเมนูคือ พายแอปเปิ้ล รสชาติอร่อยไม่แพ้กันเลยครับ ร้านที่นี่จะให้บรรยากาศติดหรูหน่อยๆ แต่สิ่งหนึ่งที่สายเหงื่อชุ่มอย่างเราๆ จะต้องชอบคือความร่มเย็นทั้งแบบ Outdoor ฟังเสียงน้ำไหล มองใบไม้พริ้วไหวไปมา หรือ Indoor แอร์ฉ่ำๆ ดื่มด่ำบรรยากาศหรูแบบติดเก่าๆ หน่อย ก็ไม่เลวเลยหล่ะ ยิ่งเจอขนมอร่อยๆ ด้วยแล้ว ถือว่า ที่นี่ตอบโจทย์มากๆ เลยละครับ
เขียวสุดหัวใจเลยสำหรับร้านนี้
พายมะพร้าวที่อร่อยมาก
พายแอปเปิ้ลก็ไม่เบาเหมือนกัน
ด้านในสไตล์อังกฤษ
ด้านนอกแบบสวนป่า
แปะช่วยผู้ประกอบการอีกร้านครับ
เดินกันไม่ทันไร ดูเหมือนพระอาทิตย์ที่นี่จะต้องบอกลากันไปเสียแล้ว อากาศรอบกายเริ่มเย็นลง ขณะที่ความบางตาของผู้คนนั้นยังคงเหมือนเดิม เชียงใหม่ในวันนี้ เงียบลงกว่าที่คิดเยอะเลยหล่ะ บางทีพระเจ้าอาจจะอยากเติมเต็มความเป็นเมืองให้กับที่นี่บ้างก็คงจะไม่ผิดนัก ถึงวันนี้จะไม่ได้อย่างใจคิดไปเสียทุกอย่าง แต่การได้มาเดินมาลองลิ้มชิมรสชาติบรรยากาศและอาหารกลางเมืองแบบนี้ ก็ดูจะดีไปอีกแบบครับ
อโวคาโดปั่นนมสดอร่อยมากกกกกกกกกกก
เอ ที่นี่มีทั้ง Grab และ Food Panda หรือบางทีคนเค้าคงเลือกอยู๋บ้านเงียบๆ แล้วสั่งอาหารกันมากินด้วยความขี้เกียจเหมือนที่พวกเราทำกันในค่ำวันนี้ก็เป็นได้นะ Avocado ปั่น Peach ที่ผมสั่งผ่าน Grab มาในค่ำนี้ รสชาติดีไม่หยอกเลยหล่ะ ถือซะว่า ทดแทนดอยแม่โถไปได้หน่อยนึงแล้ว รอพรุ่งนี้กันว่าอะไรที่รอเราอยู่บ้าง ชักจะน่าตื่นเต้นขึ้นอีกแล้ว จากที่มีแผนอยู่ดีดี ก็อินโพรไวซ์กันอีกแล้ว….
- 2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
