11 ธ.ค. 2020 เวลา 02:12 • ท่องเที่ยว
ประสบการณ์ 101 : นี่หรือ!?! เชียงใหม่ การเดินทางแบบที่พระเจ้าสั่งไว้ไม่ให้ขึ้นเขา
ตอนที่ 5 นิมมานกับการหลงทางที่ไม่น่าให้อภัย
เย็นย่ำค่ำแล้ว เราวางแผนกันมาตั้งแต่ต้นว่า ค่ำนี้ เราจะไปตะลุยนิมมานกัน โดยวิธีการเช่ารถมอเตอร์ไซต์ออกรับลมยามค่ำคืนของเชียงใหม่ครับ อากาศในยามค่ำนั้นค่อนข้างเย็นสบาย กำลังดีครับ แต่ไม่ได้มีวี่แววของไอเย็นแบบที่ควรจะเป็นแฝงอยู่เลยแฮะ
“คั่วไก่มั้ย คั่วไก่นะ”
“อยากกินร้านนี้อะ”
ความเห็นเริ่มตีกัน เพราะแต่ละคนล้วนอยากกินอะไรที่แตกต่างกัน แต่ส่วนตัวผมเนี่ย จะไปฟาดให้เรียบหมดทุกอย่างเลยครับ ก็เลยเสนอไปว่า “งั้นเราเลือกกันมาคนละร้าน แล้วไปกินกันเลย”
ด้านเหตุนี้เอง ในค่ำคืนนี้เราเลยกำลังจะไปกินมื้อค่ำกันถึง 3 ร้านเลยทีเดียวเชียว ถามว่าหวั่นใจไหมว่าจะกินไม่ไหว ก็คงต้องบอกว่า ไม่มีเลยนะ ฮ่าๆ
ร้านสว่างไสวชวนให้นั่งมาก
เราออกสตาร์ทมื้อค่ำวันนี้กันที่ซอยนิมมาน 17 ครับ ที่นี่เป็นที่ตั้งของร้านคั่วไก่นิมมาน เพื่อนคนหนึ่งเปรยว่า “เดี๋ยวพาไปกินเจ้าเด็ดที่เยาวราชกัน” ก็บังเอิญว่า ไอเจ้าร้านที่เรากำลังจะเดินเข้าไปเนี่ย เป็นคั่วไก่สูตรเยาวราช ซะอย่างนั้นเลย แต่เท่าที่อ่านรีวิวมา ดูเหมือนว่า ร้านนี้จะเป็นร้านเก่าแก่ชื่อดังที่ผู้คนต่างเดินทางมากินกันครับ ในร้านคนเยอะพอตัวเลยหล่ะ ผมถือว่าเป็นร้านที่คึกคักดีทีเดียว
คั่วไก่อบไข่กระทะร้อน
ผมสั่ง คั่วไก่อบไข่กระทะร้อน ไปครับ ส่วนเพื่อนจัดมาทั้ง คั่วไก่แถมด้วยข้าวซอยเนื้ออีกถ้วย แล้วหันมาบอกกับผมว่า “แค่นี้จิ๊บ ๆ ต่ออีกกี่ร้านดี”
ข้าวซอยเนื้อ
ต้องบอกว่าร้านนี้เป็นร้านที่ตกแต่งได้สว่างไสวมาก ๆ เลยครับ ผมเห็นวัยรุ่นมากินกันเยอะดี แสดงว่าร้านนี้มันต้องมีดีในระดับนึงละน่า คนแก่ ๆ อย่างพวกเราจากที่เริ่มลังเลใจว่าเราหาสิ่งนี้กินที่กรุงเทพก็ได้ ก็ค่อย ๆ คลายความคิดนั้นลงครับ ในที่สุด จานของผมก็มาถึง ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่จานร้อนถูกเสิร์ฟมาบนกระทะที่ผมยังได้ยินเสียง ฉ่า ๆ ที่เป็นการกระทบกระทั่งกันของเส้นก๋วยเตี๋ยวกับกระทะร้อน ๆ อยู่เลยครับ ไม่ว่าจะด้วยระบบรับสัมผัสทางจมูกที่เพิ่มประสิทธิภาพขึ้นเพราะความหิว หรือเพราะมันหอมอยู่แล้วเพราะปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นระหว่างกระทะกับเส้นก็ตาม ผมต้องยอมรับว่า มันเป็นจานที่หอมมาก ๆ เลยครับ หอมจนขอนั่งดมอยู่สักพักหนึ่งก่อนจะหยิบซอสพริกมาราดแล้วเริ่มละเลียดชิมทีละนิด
“อร่อยจัง” เผลอพลั้งปากออกมาหลังจากละเลียดเส้นที่กรอบติดกระทะไปนิดนึง ผมถึงกับต้องเปลี่ยนความคิดที่ว่า คั่วไก่ไปกินที่กรุงเทพก็ได้ ไปเลยละครับ กลับกลายเป็นว่า คั่วไก่ต้องไปกินร้านที่อร่อยนะ เพราะร้านนี้มันอร่อยจริง ๆ นะ สมแล้วที่คนเยอะแยะผ่านเข้ามาในร้านและสั่งกัน แรกทีเดียวคนก็ไม่ได้เยอะอะไรเลย เสมือนว่าพวกเราได้เรียกคนเข้ามาในร้านครับ เพราะเพียงไม่นาน คนก็คึกคักจนโต๊ะไม่ว่างต้องนั่งรอกันอยู่ด้านนอกเลย นับว่าเราโชคดีกันซะจริง ๆ ที่เลือกมาถูกที่ถูกเวลาขนาดนี้
หันไปมองจานข้าง ๆ ของเพื่อน เกลี้ยง หันไปมองจานเพื่อนตรงหน้า เกลี้ยง เป็นอันรู้กันว่าร้านนี้อร่อยนะ แปะลิงก์ไปตามช่วยผู้ประกอบการชาวเชียงใหม่ไว้ครับผม
เอาจริง ๆ นะ ผมอิ่มแล้ว แต่จะให้ผิดแผนการที่วางเอาไว้อย่างดีได้ยังไงกัน ร้านที่สองเป็นร้านของผมเองครับ ชื่อร้านว่า จั๊กจี้บาร์ เป็นร้านขายอาหารแบบ Tapas สไตล์สเปน คือเป็นอาหารจานหรือถ้วยเล็ก ๆ เลือกสั่งมากินกันหลาย ๆ ถ้วยเพื่อความหลากหลาย ความน่าสนใจของร้านนี้ก็คือ มันมีอาหารสัญชาติประหลาด ๆ ให้เราได้ลิ้มลองกันหลายอย่างเลย อย่างที่เคยกินจะเป็นอาหารจาก เซอร์เบีย และอิตาลี อาหารที่นี่ยังเปลี่ยนไปทุกวันแล้วแต่เชฟ และมี Fries ที่จะมีน้ำจิ้มพิเศษหลากหลายรสชาติ อร่อยมาก ประทับใจมากตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้มากินเมื่อตอนต้นปีครับ ผมกดเข้าไปแล้วเริ่มออกเดินทางตามแผนที่ไปครับ แรกทีเดียวผมก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่ Google Map พาเราออกห่างจากนิมมานไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งมันดันพาเราหลงเข้าไปบนถนนที่สองข้างทางไม่มีไฟเลยนั่นแหละ พวกเราถึงได้เริ่มตกใจและไม่แน่ใจจนผมต้องบอกให้ “จ๊อดดดดดดดดดดด”
หน้าตาอาหารเซอร์เบียที่ลองสั่งเมื่อทริปเชียงใหม่ ต้นปี 2020 ครับ
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัดไร้แสงไฟรอบด้านของมอชอแห่งนี้นี่เองที่ทำให้เรารู้ว่า จริง ๆ แล้ว “ร้านมันปิดไปแล้ว” โควิดเพิ่งจะพรากร้านอาหารดีดีที่ผมอยากให้คุณผู้อ่านมาลองชิมกันดูไปซะแล้ว
ตั้งหลักกันใหม่ ทั้งตัวผมเองในเวลานั้น และทุกคนที่กำลังเดือดร้อนจากโควิดนะครับ…
เราวนรถกลับเข้ามาในย่านนิมมานอีกครั้ง และได้บังเอิญไปเจอเข้ากับร้านอาหารสไตล์อเมริกันร้านหนึ่งเข้า ดูภายนอกก็รู้ว่าเป็นร้านเบอร์เกอร์แน่ ๆ ร้านนี้มีชื่อว่า Rock me Burger & bar ครับ เป็นร้านอาหารกึ่งบาร์ที่บรรยากาศดีไม่หยอกเลยหล่ะ
หน้าร้านสไตล์อเมริกัน
เราเข้าไปในร้าน นั่งลงบนเก้าอี้ด้านในที่ให้อารมณ์เหมือนหนังวัยร้ายไฮสคูลฝรั่งที่มักจะเป็นที่ที่หมู่วัยรุ่นจะไปนั่งกินเบอร์เกอร์กัน บรรจงสั่งเมนูเบอร์เกอร์กับของกินเล่นมานั่งกินด้วยกันสามคน ต้องบอกเลยว่าแอร์ร้านนี้ เย็นไม่แพ้ร้านไหนในโลกเลยจริง ๆ
บรรยากาศดีมีสไตล์
ดื่มด่ำกับบรรยากาศได้ไม่นาน อาหารมาเสิร์ฟถึงโต๊ะพวกเราครับ Super Mac & Cheese Burger ถูกเสิร์ฟมาพร้อมมันฝรั่งทอด หัวหอมทอด และเบคอน กลิ่นหอมฉุยเตะจมูกมาก ๆ เราสั่งมาเป็นเบอร์เกอร์เนื้อครับ ถือว่าทำได้ดี เนื้อหอมมาก ไม่คาวเลย ที่สำคัญคือการปรุงรสเนื้อนั้นกำลังดี ไม่เค็มจนเกินไป ชอบเลยแหละ ข้างกันเป็นเมนู The Beatles ที่รวมเอาของทอดสี่อย่างมาให้ได้สัมผัสกันทั้ง ไก่ทอด ปลาทอด หอมทอด และมันฝรั่งทอด เรียกได้ว่ามีปากมันกันแน่นอนสำหรับมื้อค่ำที่สองนี้
Super Mac and Cheese Burger
The Beatles
แปะลิงก์ช่วยเหลือผู้ประกอบการให้ได้ไปตามกันอีกสักร้านนะครับ
ดูท่า เราคงจะไม่สามารถยัดอะไรลงท้องไปมากกว่านี้อีกแล้วละนะ สุดท้ายเราก็เลยได้แต่เพียงขับรถร่อนไปตามเมืองเชียงใหม่ยามค่ำคืนที่มีเพียงแสงไฟสีเหลืองตามรายทางให้ได้มองเห็น ปล่อยให้ลมตีพัดใบหน้าให้ได้ฉ่ำชื่นรื่นใจ ให้เสียงเครื่องยนต์ค่อย ๆ นำพาใจเราไปยังโลกที่เต็มไปด้วยสิ่งใหม่ ๆ
แต่กระเพาะของเรายังมีที่ว่างเสมอให้กับของหวานน่ะนะ…
เราตัดสินใจว่าอยากจะกลับไปกิน บัวลอยกำแพงดิน กันอีกสักครั้งหนึ่ง แต่อย่างที่บอกไปว่า ร้านปิดวันศุกร์ครับ เราเลยพลาดโอกาสที่จะได้กินบัวลอยที่อร่อยที่สุดในโลกไปซะอย่างนั้น แต่เราก็ไปเจอมาว่าแถวช้างเผือกเนี่ย ก็มีร้านข้างทางที่น่าไปลองอยู่เหมือนกัน ร้านนั้นก็คือ ซ้วง บัวลอยช้างเผือก ครับ ดูเหมือนร้านนี้จะเป็นร้านขึ้นชื่ออยู่พอตัว ผมไม่รีรอสั่งอโวคาโด้ปั่นมานั่งกินกันก่อนเลย
อ้าว ก็ไหนว่าจะกินบัวลอยไง!!
บัวลอยไข่หวานไข่เค็ม จัดมาเต็ม ๆ
บัวลอยก็กินนั่นแหละครับคุณผู้อ่าน เพียงแต่ว่า อโวคาโดปั่นมันยั่วยวนใจเอาไว้ซะก่อน บัวลอยที่นี่จะไม่ได้เครื่องเยอะเหมือนร้านกำแพงดินนะ รสชาติจะออกหวานมากกว่ากำแพงดินครับ ใครชอบหวานก็คงจะถูกใจนะ แต่ส่วนตัวก็ยังยกให้ บัวลอยกำแพงดิน เป็นที่สุดมากกว่า แต่ของอย่างนี้ไม่ลองไม่รู้ครับ เพราะคุณผู้อ่านอาจจะบอกว่า มันอร่อยกว่าก็เป็นได้นะ ว่าแล้วก็แปะลิงก์ช่วยผู้ประกอบการอีกหนึ่งร้านกันครับ ไปกินกันเยอะ ๆ นะ ทั้งบัวลอยกำแพงดิน และ ซ้วง บัวลอยช้างเผือกแห่งนี้ครับ
พอได้มากินอะไรแบบนี้ก็รู้สึกว่า ชีวิตมีความสุขขึ้นมาอีกนิดนึงแฮะ โลกอาจจะโหดร้ายกับเรามาก แต่อาหารก็เยียวยาเราได้ดีอยู่เหมือนกันนะ การมาเชียงใหม่ในครั้งนี้ได้บอกให้ผมรู้ว่า ไม่ใช่แค่เจ้าของกิจการหรอกที่โควิดค่อย ๆ พรากอะไรหลายอย่างไปจากพวกเขา แต่ตัวของเรา ๆ เอง ก็ถูกพรากประสบการณ์และโอกาสต่าง ๆ ไปอยู่มากโขเหมือนกันตลอดช่วงระยะเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ แต่ก็อย่างที่เค้าว่ากันแหละเนอะ เวลาจะค่อย ๆ เยียวยาทุกสิ่งอย่างเอง เชียงใหม่กำลังเยียวยาตัวเองอย่างช้า ๆ แม้ว่าจะถูกกระหน่ำซ้ำเติมหลายทางอยู่ในขณะนี้ ตัวผมเองก็ค่อย ๆ ถูก เชียงใหม่ฮีลให้ดีขึ้นอยู่เช่นกัน
มันต้องมีแหละ วันที่เราทั้งหมดจะกลับมาดีขึ้น อีกครั้ง...
โฆษณา