17 ธ.ค. 2020 เวลา 02:09 • ท่องเที่ยว
ประสบการณ์ 101 : นี่หรือ!?! เชียงใหม่ การเดินทางแบบที่พระเจ้าสั่งไว้ไม่ให้ขึ้นเขา
ตอนที่ 6 ฮัมมุสกับร้านหนังสือในความฝัน
เค้าว่ากันว่า ความสุขมักผ่านไปรวดเร็วเสมอ…
ตลอดสามสี่วันที่ผ่านมา ดูเหมือนจะมีเรื่องให้ต้องเอามือกุมหัว ผิดแผน พลาดพลั้งไปหลายหลาก แต่ทุกอย่างก็ถูกประกอบขึ้นมาเป็นความสุขที่ยากจะลืมไปเรียบร้อย ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็พบว่าต้องกลับไปสู่ที่ตั้งดั่งเดิมที่จากมาเสียแล้ว
เช้านี้ดูอึมครึมกว่าวันก่อน ๆ ครับ ไม่ใช่ด้วยอากาศรอบกายในห้องแอร์ หรือบรรยากาศแดดจ้าฟ้าสดใสด้านนอก แต่มันเกิดขึ้นในใจของพวกเราสามคน ที่รู้ตัวว่ากำลังจะได้กลับไปสู่อ้อมกอดของงานอีกครั้งหนึ่ง แต่ก็เอาน่า ยังเหลืออีกตั้ง 12 ชั่วโมงก่อนที่เราจะกลับคืนสู่ถิ่นที่คุ้นเคยครับ
บรรยากาศตลาดสาย
เราเริ่มต้นการเดินทางในวันนี้ด้วยการออกไปซื้อของฝากกันที่ “ตลาดวโรรส” หรือที่คนท้องถิ่นจะเรียกกันติดปากว่า “กาดหลวง” นั่นเอง ต้องบอกเลยว่านักท่องเที่ยวต่างมารวมตัวกันที่นี่เพื่อซื้อของฝากที่โด่งดังที่สุดอย่าง แคปหมู น้ำพริกหนุ่ม ของแห้งต่าง ๆ นานา ไม่ว่าจะผลไม้อบแห้งก็ดี ถั่วก็ดี สมุนไพรก็ดี ไปจนถึงไส้อั่ว อะไรก็ว่ากันไปครับ ผมก็เป็นคนหนึ่งที่อยากจะซื้อของไปฝากคนรู้จักอยู่เหมือนกัน ได้หยิบจับถั่วกับแคปหมูมานิด ๆ หน่อย ก็คงพอแล้วละครับ
ลึกเข้าไปในซอยลับ
เช้านี้เราตัดสินใจกันว่าจะออกไปหาอะไรกินแปลก ๆ กันอีกสักหน่อย ก็พลันได้ไปเจอเข้ากับร้านอาหารสไตล์ตะวันออกกลางหนึ่งร้านเข้าให้ครับ ร้านนี้มีชื่อว่า Hummus Chiangmai เป็นร้านอาหารตะวันออกกลางที่ดูแปลกและไม่น่าจะมีคนรู้จักมั้งนะ เพราะร้านเนี่ยอยู่ลึกลับ ไม่สังเกตก็คงไม่เห็นป้ายร้านครับ
ถึงหน้าร้านแล้ว
เราสตาร์ทกันที่น้ำทับทิมที่มาเสิร์ฟให้ดื่มกันฟรี ๆ ก่อนเลย เพราะมันอร่อยเด็ดมาก ๆ มันเป็นน้ำรสเปรี้ยวแสบคอ หวานแสบลิ้น ที่กระตุ้นทุกต่อมรับรสบนลิ้นให้ทำงานได้อย่างเริงร่า เหมือนกับถูกปลุกให้เต้นอย่างไม่รู้จบเลยละครับ แน่นอนว่า เมนูที่เราสั่งกันต้องประกอบไปด้วย Hummus หนึ่งละ ต้องท้าวความกันก่อนว่าเจ้า Hummus นี่มันอะไรกันนะ
Hummus ที่รัก
Pita Bread ข้าง ๆ กัน
Hummus เป็นอาหารตะวันออกกลางที่เป็นการนำถั่ว โดยเฉพาะเจ้า Chick Pea หรือ ถั่วลูกไก่ สุดยอด Super Food ชนิดหนึ่งที่เป็นของโปรดอย่างหนึ่งของผมเองมาบดละเอียด แล้วผสมผสานกับเครื่องปรุงแตกต่างกันไป ส่วนใหญ่ก็จะมีน้ำมันมะกอก เกลือ มะนาว ซอสงา กระเทียม ประมาณนี้ครับ ถือเป็นเครื่องจิ้มรสจัดที่เอาไว้กินคู่กับ Pita Bread ที่จะเป็นแป้งแผ่นกลม ๆ คล้าย Nann ของอินเดียครับ
Shasuka เห็นสีเหมือนจะเผ็ด แต่ไม่เลยนะ
ต้องบอกเลยว่า Hummus ร้านนี้มีความเข้มข้นใช้ได้เลย ถือว่าอร่อยเลยแหละ หอมถั่ว รสเข้ม กินกับขนมปังก็ถือว่าพอดี อีกอันที่สั่งกันมาก็คือ Shasuka ซึ่งจะเป็นลักษณะของแกงมะเขือเทศที่โปะ Feta Cheese มาด้วย รสชาติละมุนอร่อยไม่แพ้ Hummus เลยละครับ
Falafel อันนี้เด็ดจริง ๆ นะ
นอกจากนี้ยังสั่งเจ้า Falafel ที่เป็นถั่วปั้นก้อนรสสมุนไพรซึ่งนำไปทอดจนเป็นสีน้ำตาล กินเล่นอร่อยล้ำ ยกให้เป็นเมนูที่ถ้าคุณจะมากินอาหารตะวันออกกลางเนี่ย ควรสั่งเป็นอย่างยิ่งเลยนะ
Muhallebe อร่อยมากกกกกกก
สุดท้ายพวกเราปิดคอร์สด้วยขนมหวานที่คล้าย ๆ Panacotta แต่ชื่อของมันเนี่ย เรียกยากเอาการเลยแฮะ มันคือ Muhallebe ครับ อันนี้ไฮไลท์เลย อร่อยมาก แถมเป็นของฟรีที่ทางร้านแถมมาให้ด้วยนะ
เห็นมังฯ ๆ แบบนี้ บอกเลยว่าแน่นท้องมากครับ อิ่มระดับเจ็ดอยู่เหมือนกันนะ ใครเบื่อ ๆ อยากหาอาหารนานาชาติกินในเชียงใหม่บ้าง ผมอยากแนะนำให้คุณผู้อ่านมาลองร้านนี้ครับ แปะลิงก์ช่วยผู้ประกอบการอีกสักหน่อยนะ
อิ่มท้องกันเรียบร้อยแล้ว ได้เวลาออกเที่ยวกันอีกสักครั้งครับ เราลังเลอยู่นานว่าจะไปไหนกันดีนะ จนกระทั่งเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของผมคนหนึ่ง เกิดนึกครึ้มใจทักทายมาบอกกับเพื่อนที่เพิ่งโพสรูปตัวเองว่าอยู๋เชียงใหม่มาว่า “ลองไปร้านหนังสือร้านนี้ดูสิ เจ๋งมากเลยนะ”
ผมผู้เป็นนักดองหนังสือตัวยง มีหรือจะพลาดโอกาสดีดีแบบนี้…
ร้านเล่า ร้านเล็ก ร้านโรแมนติก
ร้านหนังสือที่ว่ามีชื่อเสียงเรียงนามว่า “ร้านเล่า” ครับ เป็นร้านหนังสือสไตล์โลคอลสุดแสนจะโรแมนติกที่ตั้งอยู่บนถนนนิมมานเหมินทร์ ครับ ต้องบอกเลยว่าบรรยากาศในร้านนั้นมันโดนใจซะจนผมอยากจะกลับไปอีกสักครั้ง กลิ่นอายของหนังสือที่ถูกคัดมาเองกับมือบวกกับเพลงแจ๊สขับกล่อมเบา ๆ ช่างเป็นช่วงเวลาต้องมนต์ที่ผมคงไม่มีวันลืมเลยหล่ะ ร้านหนังสือแห่งนี้เป็นหนึ่งในร้านหนังสือในโครงการ “หนังสือเดินทาง” ของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ที่ต้องการจะให้ “หนังสือ” กับ “ร้านหนังสือ” ยังคงยั่งยืนอยู๋ได้ท่ามกลางการแย่งชิงพื้นที่ของผู้มาใหม่อย่าง “โลกดิจิตอล” ครับ
ถ้าจะบอกว่าผมเป็นพวกหัวเก่าชอบที่จะได้หยิบจับหนังสือมาเปิดอ่านอยู่ ก็อาจจะดูแปลกไปแล้วสำหรับคนรุ่นใหม่ที่เพียงหยิบจับแท็บเล็ตแผ่นบางก็ได้อ่านอะไรตั้งมากมายหลายพันเล่มแล้ว แต่เสน่ห์ของหนังสือจะไม่มีวันจางหายไปจากใจผมเป็นอันขาด ความสะดวกสบายไม่อาจเทียมเทียบได้กับสัมผัสของหนังสือหนึ่งเล่มครับ เรามาช่วยกันคงร้านหนังสือให้เป็นร้านหนังสืออย่างที่ควรจะเป็นกันเถอะ ว่าแล้วก็หยิบหนังสือมาเล่มหนึ่ง เล่มที่เล็งมาเนิ่นนาน “อยากให้ลมหนาวหวนมาอีกครั้ง” หนังสือโดย อภิชาติ เพชรลีลา เจ้าของ “กล่องไปรษณีย์สีแดง” และ “ไข่ย้อย ดากานดา” เรื่องราวที่ผมหลงรักและทำให้เชียงใหม่ดูมีเสน่ห์กว่าที่เคยนั่นเองครับ
ณ จุดนี้ อยากให้ลมหนาวหวนมาให้ได้สัมผัสสักหน่อยก่อนกลับจะได้ไหมนะ?
บอกตามตรงว่าทำใจจากร้านหนังสือแห่งนี้ได้ลำบากมาก ๆ พี่เจ้าของร้านก็ดูใจดี มีผู้คนเข้ามาสรรหาหนังสือแปลก ๆ มากมาย ซึ่งเจ้าของร้านก็สามารถที่จะบอกได้หมดว่ามันมีหรือไม่ อยู่ตรงไหน ถ้าร้านหนังสือไม่ตายไปซะก่อนในอนาคตข้างหน้า ผมอยากจะได้มาทำหน้าที่นี้บางจังเลยนะ คงจะมีความสุขดีท่ามกลางหนังสือแบบนี้ ว่าแล้วก็แปะลิงก์ช่วยผู้ประกอบการแบบหนัก ๆ เลยนะ Passion ด้านหนังสือของผมมันหนาแน่นกว่า Passion ด้านการกินซะแล้ว ในชั่วขณะนี้
กระเพาะของหวานเริ่มจะเรียกร้องบอกชี้ให้ต้องหาอะไรดีดีมากินอีกครั้งแล้ว พวกเราออกเดินทางไปยังจุดหมายต่อไปเป็นร้านบราวนี่ครับ ร้านที่ว่าก็คือ Memorize Brownie ครับผม ร้านนี้จริง ๆ แล้วผมเคยเห็นมันมันมาขายอยู่แถว สะพานควายด้วยหล่ะครับ แต่เค้าบอกกันมาว่าที่นี่คือ Original ตัวจริง ที่โด่งดังในเรื่องของ Brownie Shot ที่เป็น Brownie หนึบ ๆ ในแก้วใบเล็ก ราดด้วยครีมสูตรพิเศษสร้างความชุ่มฉ่ำ หนึบหนับ หวาน หอม จนต้องร้องขออีกหลาย ๆ ช็อตมาลงกระเพาะ
หน้าร้านน่ารักไม่เบาเลย
Brownie Shot ของต้องสั่งนะ
แน่นอนว่า เราไม่พลาดที่จะสั่งเจ้า Signature ตัวนี้มาลองกันครับ ต้องยอมรับว่ามันหวาน หวาน หวานมาก หวานติดปากติดคอ ใครชอบของหวานต้องปลาบปลื้มกับเจ้าร้านนี้กันแน่ ๆ แหละนะ แต่ผมขอผ่านละกัน หวานไปหน่อยแฮะ แต่ก็ขอแปะลิงก์ช่วยผู้ประกอบการอีกหนึ่งแห่งครับ ถึงจะหวานยังไง แต่ยอมรับนับถือในการคิดค้นสูตรนะ ร้านก็น่ารักดีด้วย
กินกันมามากพอแล้ว มากเสียจนพระเจ้าน่าจะเริ่มเห็นใจครับ ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เราไปยังสถานที่ใกล้ท้ายสุดของทริปนี้แล้ว ก่อนจะไปถึงยังอ่างแก้วที่รัก เรากำลังจะได้ขึ้นเขากันสักทีนะ พระเจ้าไม่ได้ใจร้ายกับเราจนเกินไปหรอก เพราะดูเหมือนว่า การขึ้นเขาในครั้งนี้ก่อนกลับของพวกเรา จะได้ในสิ่งที่ผมหวังไว้ในที่สุด….
โฆษณา